“สู่ขวัญ”  น้ำตานอง อินเรื่อง “พี่ยิมน้องโด่ง” ใน Side by Side พี่น้องลูกขนไก่

“สู่ขวัญ”  น้ำตานอง อินเรื่อง “พี่ยิมน้องโด่ง” ใน Side by Side พี่น้องลูกขนไก่

0

“สู่ขวัญ”  น้ำตานอง อินเรื่อง “พี่ยิมน้องโด่ง” ใน Side by Side พี่น้องลูกขนไก่

            เป็นซีรีส์ที่ทำให้คนดูน้ำตาไหลพรากไปตามๆกัน   สำหรับ “Side by Side พี่น้องลูกขนไก่” ซีรีส์กีฬาแบดมินตันที่โยงใยความสัมพันธ์คู่พี่น้อง   ระหว่าง พี่ยิม (ต่อธนภพ ลีรัตนขจร) กับ น้องโด่ง (สกาย วงศ์รวี นทีธร) และเรื่องราวความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวที่รวมไปถึง “แม่ตั้ม” (เปิ้ล หัทยา วงษ์กระจ่าง) และ“แม่แตง” (สู่ขวัญ บูลกุล) โดยเป็นผลงานสุดอบอุ่นของผู้กำกับรุ่นใหม่ "บอส นฤเบศ กูโน" ที่ถ่ายทอดชีวิตของเด็กออทิสติกออกมาในอีกแง่มุม

            "สู่ขวัญ" กล่าวว่า รู้สึกดีใจมากที่ได้มาร่วมงานในโปรเจกท์นี้ บอกเลยว่าน้ำตาไหลตั้งแต่วันที่ผู้กำกับมาเล่าเรื่องให้ฟัง เรียกว่าสะอื้นจนต้องคว้าทิชชู่มาซับๆ ฟังเรื่องไปก็ร้องไห้ไป เลยมีความรู้สึกว่าถ้าอินขนาดนี้ บอกผู้กำกับเลยว่าเล่นแน่นอน ตั้งแต่วันแรกที่ได้เวิร์กช็อปกับน้อง "ต่อ" รู้สึกได้เลยว่าเขาคือนักแสดงมืออาชีพจริงๆ  ทุกๆ ฉากที่ต้องเล่นด้วยกัน คือไม่กลัวที่ต้องเข้าบทกับเขาเลยพอต่อเข้าคาแร็กเตอร์ปุ๊บ สายตาที่เห็นไม่ใช่ "ต่อ ธนภพ" ที่รู้จัก แต่กลายเป็น "พี่ยิม" เด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ทำให้เรากลายเป็นน้าแตงได้ทันที  ตอนถ่ายทำมีฉากหนึ่งที่ประทับใจมาก เป็นตอนที่พี่ยิมกำลังโวยวาย ความรู้สึกของเราตอนนั้นคืออยากกระโดดเข้าไปปกป้องเขาน้ำตามันไหลออกมา ด้วยความเป็นห่วงเขาจริงๆ รู้สึกเหมือนเราคือครอบครัวเดียวกัน ส่วนมาเล่นเป็นแม่ลูกกับสกาย ถือเป็นบทที่ท้าทายมากค่ะ มันมีความซับซ้อนของคำว่าแม่ลูก ที่ไม่ใช่แค่แม่รักลูก แต่มีคาแร็กเตอร์ของตัวละครที่ต้องพัฒนาไปด้วยกัน  ซึ่งต้องยอมรับเลยว่า แต่ละซีนที่สกายต้องเจอมีแต่ความกดดัน เก็บกดเหมือนจะระเบิดออกมา  อย่างฉากที่เสียใจสุดๆ ไม่ใช่แค่อารมณ์โมโห แต่มันเกิดจากความรู้สึกน้อยใจ เสียใจลึกๆข้างใน   ไหนจะแม่ไหนจะพี่ ไหนจะป้า  รับมาจากทุกทาง มีอยู่ฉากหนึ่งที่สกายมาถ่ายทำตั้งแต่ 6 โมงเช้า     แล้วต้องเก็บอารมณ์เครียดไว้ทั้งวัน   คือวันนั้นเขาไม่เล่น ไม่พูดกับใคร  พยายามเก็บอารมณ์ เข้าอยู่ในบทบาทน้องโด่งตลอดเวลา จนถึงซีนตอนเย็น ทำให้เราเห็นความพยายามและความรับผิดชอบที่สูงมากของน้อง  คือเขาไม่หลุดเลย  สามารถประคองอารมณ์นั้นไปเรื่อยๆจนเรารู้สึกว่าโห แบบนี้มันเหนื่อยมากนะ  และมีอีกฉากที่ต้องนับถือในสปิริตของสกาย คือนาทีนั้นคือไม่มีกล้องตัวไหนจับภาพไปรับที่สกาย แต่เจ้าตัวพยายามช่วยส่งอารมณ์มาถึงเราเต็มที่ ภาพที่เห็นคือสกายน้ำตาหยดแหมะๆ ตั้งแต่ซีนนั้นทำให้รู้เลยว่า   "สกาย" เขาเหมาะกับทางดราม่าจริงๆ ชื่นชม "สกาย" ที่ทำได้ก็อยากฝากให้ทุกคนเป็นกำลังใจน้องๆ นักแสดงด้วยนะคะ ไม่ว่าจะติดตามดูเรื่องนี้ด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่บอกได้เลยว่าซีรีส์เรื่องนี้จะสร้างความประทับใจทั้งเรื่องกีฬาแบดมินตันและเรื่องของความรักของคนในครอบครัว ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้เรามีพลังในการใช้ชีวิตต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Comments