"แอ็ค" แฟนเก่า "เฟี้ยวฟ้าว" แจงศาลนัดไกล่เกลี่ยคดีรายการท่องเที่ยว

"แอ็ค" แฟนเก่า "เฟี้ยวฟ้าว" แจงศาลนัดไกล่เกลี่ยคดีรายการท่องเที่ยว

         “แอ็ค ณัฎฐวุฒิ อิศรางกูร ณ อยุธยา” เผย ศาลนัดไกล่เกลี่ยกรณีถูก “เฟี้ยวฟ้าว สุดสวิงริงโก้” ฟ้องร้องฐานฉ้อโกง บอกยังสามารถคุยกันได้แต่ในฐานะคนร่วมวงการ ด้านฝ่ายหญิงจะมีการแถลงขอโทษที่ศาลมีนบุรี 12 ก.ค นี้ 

      
         จากกรณีที่นักแสดงสาวอารมณ์ดี “เฟี้ยวฟ้าว สุดสวิงริงโก้” ออกมาแถลงข่าวตัดขาดความสัมพันธ์กับอดีตแฟนหนุ่มอย่าง “แอ็ค ณัฎฐวุฒิ อิศรางกูร ณ อยุธยา” พร้อมทั้งเปิดใจถึงเรื่องความขัดแย้งการลงทุนทำรายการทีวี ซึ่งต่อมาสาว “อิม” ก็ได้มีการฟ้องร้องเขาในฐานฉ้อโกง และสาเหตุนี้เองทำให้หนุ่ม “แอ็ค” ต้องตกเป็นจำเลยสังคม แต่หลังจากนั้นเขาก็ได้ออกมาชี้แจงว่าสิ่งที่สาว “อิม” แถลงต่อสื่อนั้นไม่ตรงกับความเป็นจริงเลย ต่อมาล่าสุดศาลก็ได้มีการนัดหมายเจรจาไกล่เกลี่ยคดีความฐานฉ้อโกง ในวันที่ 12 ก.ค นี้ ซึ่งเจ้าตัวก็ได้เปิดอกเคลียร์ถึงกรณีดังกล่าวให้ฟังว่า

          สำหรับเรื่องคดีความของผมกับ “อิมอิม ก้าวมหัศจรรย์” หรือตอนนี้เขาใช้ชื่อ “เฟี้ยวฟ้าว” ก็ผ่านมาปีกว่าได้แล้ว ซึ่งตอนนี้ศาลนัดไกล่เกลี่ยแล้ว คือเขาฟ้องผม เรื่องการทำรายการท่องเที่ยวทางช่อง 5 อย่างที่ทราบกัน ผมรู้สึกงงมากกว่าว่าทำไมเขามาฟ้องผม มาเอาเรื่องผม ทั้งๆ ที่ผมเป็นคนหาเวลาออนแอร์ และลงทุนผลิต แม้เขาจะจ่ายค่าโปรดักชั่นไปก่อน 5 แสนกว่า แต่ผมก็จ่ายเงินไปสองแสนกว่า หลังจากนั้นก็มีเหตุให้เราเลิกกัน แต่ค้างภาระเอาไว้มาก เลยอยากให้เขามาเคลียร์จ่ายส่วนที่เหลือ ก็คือค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งตอนนี้ ศาลนัดแล้ว 12 ก.ค. ผมได้รับแจ้งว่าเขาจะมาแถลงยอมรับและชดใช้ต่างๆ ให้

         ส่วนตอนที่ผมกับ “อิม” ทำรายการ “เที่ยวครื้นเครง” ก็มีลงทุนร่วมกันระหว่างผมกับเขา แต่ใช้ชื่อบริษัทเขา เพราะจดทะเบียนบริษัทใหม่ไม่ทัน ส่วนเรื่องเงินทองไม่เคยโกงแน่ คุณพ่อของผมก็หาเวลาช่องมาให้  เราลงทุนทำรายการไปก่อน 6 เทป โดยตอนนั้น ปัญหาเริ่มมาจากที่เขาเพิ่มค่าตัวพิธีกรของตัวเอง ซึ่งผมรับไม่ได้เพราะมันมากเกินไป  พอมีปัญหาเขากลับแถลงข่าวก่อน กล่าวโทษผม ทั้งๆ ที่ทิ้งภาระหนี้ให้เป็นจำนวนมาก ผมไม่ได้ฟ้องอะไรเขาเลย อยากจะเคลียร์กับเขาด้วยซ้ำ ซึ่งศาลก็นัดแล้ว และเขาก็แจ้งว่าจะมาแถลงขอโทษแล้วเคลียร์หนี้ให้ผม ถ้าถามว่ายังเจอกันได้ไหม ก็เจอได้คงแต่ในฐานะคนในวงการทั่วไป ผมคงต้องระมัดระวังในการทำธุรกิจกับคนอื่นมากขึ้น เข็ดจริงๆ