จำได้มั้ย? "นาตาลี" เจ้าของเพลงฮิต "มะลึกกึ๊กกึ๋ยย์" ชีวิตตอนนี้เป็นยังไงต้องอ่าน!
ทุกวันนี้วงการบันเทิงมีเหล่าดารา นักแสดง นักร้อง ดาวรุ่งดวงใหม่ๆ เกิดขึ้นมากหน้าหลายตา ซึ่งนอกจากจะมีหน้าตาที่ดีแล้ว ก็จะต้องฝึกฝนพัฒนาฝีมือของตนเองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้แฟนคลับคอยติดตามอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเวลาและความนิยมแต่ละช่วงนั้นแตกต่างกัน จึงทำให้มีคนบันเทิงหลายคนนั้นเลือกที่จะเฟดตัวไปทำงานด้านอื่นตามที่ฝัน และทาง "ดาราเดลี่" ก็อยากจะย้อนวันวานถึงบรรดาดาราที่อยู่ในใจของแฟนๆ แต่อาจจะไม่ได้เห็นหน้าเห็นตาในวงการบันเทิงตอนนี้
โดยวันนี้เราก็ได้มีโอกาสได้พูดคุยกับนักร้องชื่อดัง "นาตาลี สตีเบิร์ท" เจ้าของเพราะฮิต "มะลึกกึ๊กกึ๋ยย์" ซึ่งเธอได้เล่าถึงชีวิตตอนนี้ให้ฟังว่า
ที่หายไป หลักๆ ก็ไปเรียนค่ะ เน้นไปที่เรื่องเรียนค่ะ ช่วงที่เฟดไปเป็นช่วงเข้ามัธยมพอดีค่ะ เหมือนไปหนักที่เรื่องเรียนมากกว่า แล้วมันเป็นช่วงที่รอโตด้วย เพราะว่าอย่างตอนนั้นอัลบั้มแรก อัลบั้มสอง ส่วนสูงคือขึ้นปีละ 10 เซนติเมตร มันเป็นช่วงโตพอดี มันยังไม่คงที่ก็เลยพัก แล้วพอขึ้นมัธยมเราก็ไปโฟกัสที่เรื่องเรียนมากกว่า ก็ตอนม.ต้น ก็เรียนที่เซนต์จอห์น แล้วพอ ม.ปลาย ก็ไปสอบเทียบเอาวุฒิจบม.6 ค่ะ แล้วก็เข้าไปเรียนสาขามัลติมีเดียที่มหาวิทยาลัยรังสิต ก็ไปเรียนจบ 3 ปีครึ่ง ได้เกียรตินิยมอันดับ 1 พอจบปุ๊บก็เลยกลับไปเดนมาร์ก ตอนแรกกะจะกลับไปแค่ 6 เดือน แต่พอไปเสร็จก็ไปเรียนพวกโรงเรียนทำอาหารมีชื่อเสียงทางด้านนี้ เราก็เลยไปลงเรียนเป็นเชฟค่ะ แต่มันเป็นขั้นพื้นฐาน ก็ไปเรียนแล้วก็ได้ใบรับรองมา พอไปเรียนเสร็จก็ด้วยความที่เปิดร้านอาหารกับพี่สาว เพราะตอนเรียนเชฟตอนแรกมันเป็นแบบพื้นฐานการทำอาหารทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับการบริหาร เราก็เลยหาที่เรียนเกี่ยวกับการบริหาร แต่ที่เดนมาร์กก็จะไม่มี เราก็เลยได้ไปเรียนที่แคนาดาเกี่ยวกับการบริหารร้านอาหารโดยตรง ก็เป็นคอร์สปีครึ่ง นี่ก็เพิ่งจบสดๆ ร้อนๆ เลย ก็ตอนนี้ก็รอพี่สาวอยู่ เพราะพี่สาวเค้าก็เรียน ถ้าเรียนพื้นฐานของเชฟเสร็จ มันจะมีให้เรียนต่ออีก 3 ปีครึ่งค่ะ ฝึกงานไปด้วย เรียนไปด้วย ก็เลยเดี๋ยวรอพี่สาวอีกปีนึง ก็จะจบอย่างเป็นทางการ ก็จะเริ่มทำจริงจัง
ที่เลือกจับธุรกิจอาหาร เพราะชอบทำอาหารมั้งคะ คือมันน่าจะมาจากคุณพ่อกับคุณแม่ชอบทำอาหาร แม่อาจไม่ชอบทำเท่าไหร่ แต่ท่านเป็นคนที่ทำอาหารไทยอร่อย เสร็จแล้วคุณพ่อจะเป็นคนชอบทำอาหาร ถึงเค้าจะไม่ค่อยได้ทำบ่อย ส่วนใหญ่ก็จะทำในวันเทศกาล เหมือนช่วงคริสมาสต์เค้าก็จะทำทีนึง แต่เค้าเป็นคนที่ทำอาหารอร่อยมาก คือทำอาหารได้ทุกประเทศ ทุกสัญชาติ แล้วอาหารไทยก็จะทำเก่งมาก ทั้งไข่พะโล้ แกงส้ม แล้วเวลาเค้าทำที เราก็จะเข้าไปช่วยตั้งแต่เด็ก แล้วคือตอนเด็กๆ คุณพ่อกับคุณแม่เค้าเคยเปิดร้านอาหารเล็กๆ ใกล้ๆ บ้าน ก็เลยคลุกคลีมาตั้งแต่เด็ก ก็รู้สึกว่ามันสนุก แล้วก็ได้ใช้เวลากับครอบครัว คือเราก็ชอบกิน บางทีก็อยู่บ้านทำเองง่ายกว่า ก็เลยพอจบจากมัลติมีเดีย ก็เลยมามองธุรกิจร้านอาหาร
ก็ตอนเรียนมัลติมีเดีย คุณพ่ออยากให้เรียนค่ะ คุณพ่อเป็นโปรแกรมเมอร์ ท่านก็จะอยากให้ลูกเรียนเกี่ยวกับด้านคอมพิวเตอร์ แต่เรียนคอมพิวเตอร์โดยตรงเลยก็ไม่ไหว ก็เลยมาทางกราฟฟิคดีไซน์นิดนึง แต่ว่ามันก็ยังมีได้ใช้บ้าง อย่างสมมติถ้าทำจริงๆ ออกแบบเมนู โลโก้ร้านเราก็ทำเองได้ การจัดแต่งองค์ประกอบเมนูอาหาร มันก็พื้นฐานเดียวกัน พวกศิลปะ เพราะฉะนั้นการจัดจาน มันก็เอามาประยุกต์ใช้ด้วยกันได้ค่ะ
ถามว่าจะกลับมาร้องเพลงอีกไหม ก็ถ้ามีโอกาส ก็คงกลับมาร้องเพลงค่ะ ก็แล้วแต่ว่าโอกาสจะมาเมื่อไหร่ ใครจะติดต่อ เพราะช่วงหลังเหมือนเราก็ไม่ค่อยได้อยู่ไทย บินไปบินมา เพิ่งจะเรียนจบ ก็เลยยังไม่ค่อยเป็นเรื่องเป็นราวเท่าไหร่ ถ้ามีผู้ใหญ่ให้โอกาสเราก็โอเค
ด้านการแสดงถ้าถามแต่ก่อนคงจะไม่ เพราะว่าเราเป็นคนที่ไม่สันทัดการแสดง ไม่เก่งเรื่องการแสดง เพราะเมื่อก่อนตอนอยู่แกรมมี่ มันก็จะมีคลาสเรียนร้อง เรียนเต้น การแสดง พอเวลาจะถึงคลาสการแสดง เราก็จะไม่อยากมาเลย ไม่ชอบ ไม่อยากเข้าคลาส เรามีความรู้สึกเหมือนตัวเราเองไม่เก่งอ่ะ แต่ก็แปลก พอตอนนี้เราโตขึ้น เราก็มองว่ามันก็เป็นโอกาส มันก็เป็นเรื่องที่น่าสนุก ถ้าจะมีโอกาสด้านนี้จริงๆ ก็คงต้องไปเรียนเพิ่มอีกเยอะเลยค่ะ ก็ตอนนี้คงจะทำอะไรได้เป็นเรื่องเป็นราวค่ะ เพราะก่อนหน้านี้ติดเรื่องเรียน เรื่องอะไรก็ลำบากมากในเรื่องของเวลา ก็บินไปบินมาตลอด ไม่ได้อยู่ที่ไทย
เรื่องที่ก่อนหน้านี้อยู่ดีๆ ก็มีกระแสเราขึ้นมา ตอนแรกงงนิดนึงค่ะ เพราะว่าช่วงที่ลง คือลงถี่มาก หลายเว็บ เราก็ตกใจ แต่ว่ามันก็เหมือนเป็นกระแสที่เป็นนักแสดงเด็กๆ ที่เคยดังมาก่อน คนที่เฟดหายไป เราก็โอเค แต่ก็ดีใจที่ทุกคนยังคิดถึงค่ะ
ก็อยากฝากถึงแฟนคลับว่าแล้วแต่โอกาสด้วย มันก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหนดี เพราะเหมือนเราเพิ่งเริ่มที่จะกลับ ถ้ามีโอกาสก็คงจะได้เห็นกัน ช่วงนี้ก็ทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ ไปก่อน ลงหนังสือ ถ่ายโฆษณานิดหน่อย คนจะไม่ค่อยกล้าทักค่ะ คือช่วงหลังที่ลงเว็บ คนจะมองเยอะมาก เวลาไปไหนทุกคนก็จะหันมามอง แต่จะไม่มีใครกล้าเข้ามาทัก หรือเรียกชื่อเรา ก็จะมีแค่มองแล้วซุบซิบกันในกลุ่ม ทักกันได้นะคะ คือด้วยความที่เราเป็นคนหน้านิ่งมั้งคะ แล้วเป็นคนหน้าดุ คนอาจจะไม่กล้าทัก หรือบางคนอาจจะคิดหน้านิ่งจัง หยิ่งรึเปล่า ทักได้นะ ไม่มีปัญหาค่ะ
