"กล้วย อาร์สยาม" ซึ้งแฟนคลับส่งกำลังใจ และเดินทางมาร่วมอาลัยหลังคุณพ่อเสีย
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2559 นักร้องสาวมาดเท่ "กล้วย ศิริรัตน์ จันทน์เทศ" หรือ "กล้วย อาร์สยาม" ได้สูญเสียคุณพ่อด้วยอาการปอดติดเชื้ออย่างรุนแรง และเริ่มสวดอภิธรรมวันที่ 29 มีนาคม ณ บ้านพงษ์วลีรัตน์ ตะกุดไร ชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์ ล่าสุดมีโอกาสได้พูดคุยกับเจ้าตัว ซึ่งก็เผยความรู้สึกถึงทุกคนที่ส่งกำลังใจให้ว่า
"มีกำลังใจให้มาตั้งแต่คุณพ่อป่วย เริ่มเข้าโรงพยาบาล มีส่งกำลังใจมาเรื่อยๆ จนคุณพ่อท่านเสียก็ยังส่งกำลังใจมาให้อยู่ แล้วก็มีแฟนคลับบางกลุ่มเหมารถตู้กันมา สำหรับแฟนคลับที่บ้านไกลจริงๆ ก็มีเก็บเสื้อผ้ามาช่วยงานเลยค่ะ แบบสุดยอดมากเลย เค้าอยู่กับเราทุกเวลาก็ซึ้งใจ บางคนลางานมา หรือบางคนที่เหมารถตู้มา คือมันก็มีค่าใช้จ่าย แล้วบางคนก็ลางานมาอยู่กับแม่เรา เค้ารู้ว่าพ่อกับแม่ผูกพันกันมาก บางคนก็ลางานมาอยู่เป็นเพื่อนแม่ ตอนนั้นที่พิจิตรเป็นโรงพยาบาลแรกที่คุณพ่อเข้า คุณแม่ไปด้วยความตกใจ แล้วก็ไม่ได้ตั้งตัว ต้องไปนอนหน้าห้องไอซียู ไม่มีผ้าห่ม ไม่มีหมอน พอแฟนคลับเห็นสเตตัสของกล้วย เค้าก็เอาหมอน เอาผ้าห่ม เอาพัดลมไปให้ เค้าเหมือนเป็นคนในครอบครัวเราเลย
อยากบอกแฟนคลับว่าขอบคุณนะคะ ไม่รู้จะหาคำไหนมาขอบคุณเค้า แล้วแฟนคลับเราเยอะด้วย แล้วที่ส่งกำลังใจมา คือขอบคุณเค้าทั้งปียังไม่หมดเลยค่ะ ก็อยากให้อยู่กับเรา รักเราไปนานๆ ถ้าเราตอบแทนได้ก็อยากดูแลเค้าแบบที่เค้าดูแลเราค่ะ แล้วเวลาไปตามงานปกติหนูก็เต็มที่กับแฟนคลับอยู่แล้ว ให้เวลาพูดคุยกัน หนูให้เวลาแฟนคลับตรงนี้อยู่แล้ว ถึงแม้จะมีงานต่อหรือจะเหนื่อยแค่ไหนก็คือต้องอยู่คุยกับเค้า เพราะเราก็เคยเป็นแฟนคลับมาก่อน ก่อนที่จะมาเป็นศิลปิน เราเข้าใจเค้าว่ากว่าที่จะได้มาอยู่ใกล้เรา กว่าที่จะมาหาเรา มันเสียเวลา เสียทั้งเงิน เราก็เข้าใจเค้าค่ะ
ส่วนด้านผลงานตอนนี้ 'รักแท้แชร์ไม่ได้' เพิ่งปล่อยออกมา กระแสดีนะคะ เหมือนเราหายไปปีนึง พอกลับมาแฟนๆ ก็คิดถึง แฟนๆ ชอบเราก็ดีใจ แล้วมันเป็นเพลงสุดท้ายที่พ่อได้ฟังด้วย เพลงนี้ก็เลยเป็นอะไรที่สำคัญกับกล้วยมากๆ เพลงนี้พิเศษต่างจากเพลงอื่นตรงที่มันเป็นเพลงที่ท้าทายค่ะเพราะว่าเพลงนี้ร้องยากมาก เข้าห้องอัด 2-3 รอบเพื่อแก้เพลงนี้ แล้วบริษัทก็เรียกแก้เนื้อ คือทุกขั้นตอนตั้งใจกันหมด แล้วเพลงนี้ก็เป็นอะไรที่บอกว่า เราโตขึ้นแล้วนะจากแบบ 3-4 ปีที่ผ่านมา เนื้อหาดุดันมากขึ้น จากที่เป็นสไตล์ยอมๆ อย่างเพลงแรกของกล้วย 'คนหมดใจ รั้งให้ตายก็ไปอยู่ดี' เหมือนก่อนๆ จะเป็นสไตล์ยอมๆ แต่ตอนนี้คือเราโตแล้ว เราไม่ยอมแล้ว คนนี้ของฉันนะ ทำทุกอย่างเพื่อที่จะบอกให้รู้ว่าเรารักเค้านะ
กระแสจากแฟนคลับ ปกติก็จะมีส่วนน้อยนะคะที่บอกว่าทำไมโหด ทำไมกระแทก ส่วนใหญ่จะบอกว่าเพลงเพราะจังเลย เสียงดูมีพลังขึ้นนะ กล้วยโตแล้วนะ ส่วนใหญ่แฟนๆ จะชอบลุคนี้กันค่ะ ต่อไปคงไม่แรงขึ้นแล้ว ประมาณนี้พอแล้ว
ช่วงนี้ก็ทัวร์คอนเสิร์ตทั่วประเทศเลยค่ะ ยิ่งช่วงที่ผ่านมาคอนเสิร์ตมีต่อเนื่องมาก อาทิตย์นึง 3-4 ครั้ง เราก็ไม่มีเวลาไปหาคุณพ่อเลย ขนาดท่านป่วย กล้วยโทรไปหาท่านก่อนท่านจะเสีย ก็บอกเค้าว่าหนูทำงานนะ พ่อก็บอกไม่ต้องมานะลูก ทำงานให้เสร็จก่อนค่อยมาหาพ่อ พอเราเสร็จงานซึ่งพ่อก็ไม่รอเรา เราเสียใจมากๆ เพราะว่าวันนั้นก่อนที่พ่อจะเข้าไอซียูอีกโรงพยาบาลนึง ก่อนที่จะใส่ออกซิเจน หนูก็โทรไปหาเค้าว่าจะเข้าไปหา มันหนักแล้วนะ เค้าก็บอกว่าไม่ต้องมาลูก ทำงานลูก ตั้งใจทำงาน หนูก็เลยจำคำท่าน พ่อเราให้อยู่ทำงาน ถ้าเราไปเราก็ช่วยอะไรไม่ได้ ถ้าอยากช่วยให้พ่อสบายใจพ่อบอกเราว่าให้ทำงานให้ดีที่สุด วันแรกๆ เราก็รับไม่ได้นะ เราร้องเพลงไปร้องไห้ไป ก็มีแฟนคลับเดินมา เค้าเห็นเรา คือเราร้องตั้งแต่พ่อป่วยจนพ่อเสีย มีแฟนคลับหลายๆ คนเค้าเดินมาให้กำลังใจเรา เราก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ เราร้องไห้ ปล่อยโฮบนเวที พอลงมาเค้าก็เข้ามากอดกัน ทำให้เราใจชื้นมากขึ้น เราต้องสู้จริงๆ มันเป็นความฝันของพ่อกับแม่ คือพ่อชอบมากตั้งแต่เป็นนักร้อง แต่ใจหนู หนูก็ทำหลายๆ อย่างให้พ่อ เมื่อพฤศจิกายนปีที่แล้วก็เพิ่งขึ้นบ้านใหม่ไปเอง คือทีแรกหนูก็ท้อใจว่า บ้านเราก็เพิ่งสร้างให้พ่อเสร็จ ทำไมพ่อไม่ได้อยู่นานๆ เสียใจแล้วก็รู้สึกท้อกับการทำงาน จนมาเจอคำพ่อก่อนที่พ่อจะเสีย เราก็มีกำลังใจมากขึ้น ตั้งใจทำตามความฝันของพ่อต่อไปเพราะตอนแรกเราท้อมาก คือเหมือนที่เราเดินทางสู้มา ฝ่าฟันมา เรากำลังจะมีความสุขกัน แต่ท่านกลับมาเสียก่อน ตอนนี้ก็เหลือคุณแม่คนเดียว เราต้องดูแลท่านให้ดี นอกจากเราทำงานเราก็ต้องแบ่งเวลามาให้คุณแม่ด้วย ชีวิตคนเรามันไม่แน่ไม่นอน ใจเรา เราก็คิดว่าทำงานเก็บเงินให้มากๆ ก่อนเดี๋ยวเราค่อยไปเที่ยวกัน ค่อยไปมีความสุขกัน จนเราทำงานมาถึงจุดๆ นึงแล้ว บ้านเสร็จแล้ว เรากำลังจะเก็บเงิน กำลังจะไปเที่ยว แต่คุณพ่อมาเสีย จนเดี๋ยวนี้เราบอกแม่ว่าเราก็ทำงานเท่าที่เราไหว เราควรจะแบ่งเวลาไปเที่ยวกันบ้าง หนูก็จะแบ่งเวลาจากคอนเสิร์ต ถ้าว่างก็จะพาแม่ไปเที่ยว จะบอกแม่ตลอดว่าเห็นมั้ยพ่อยังไม่ได้ไปเที่ยวกับเราที่ไหนเลย พ่อก็มาเสียก่อน ให้แม่ได้ปลงว่าเห็นมั้ยว่าเราทำกันมา สร้างกันมา มีทุกอย่างแล้วแต่เราไม่มีความสุขเลย ตายไปเราก็เอาอะไรไปไม่ได้เลยแม่ ก็พยายามปลอบใจแม่
สุดท้ายฝากถึงแฟนคลับเรา ขอขอบพระคุณแฟนเพลง ขอบคุณค่ายอาร์สยาม ตั้งแต่คุณพ่อยังอยู่จนคุณพ่อจากไป อาร์สยามกับแฟนคลับก็อยู่ตลอด ไม่ทิ้งกันเลย แล้วแฟนคลับก็อยู่ตั้งแต่เรายังไม่ดังจนเราดัง จนเราสมหวัง แล้วพอเรามีความทุกข์ เค้าก็ยังอยู่ข้างๆ เรา หนูก็อยากจะบอกว่าหนูขอบคุณทุกๆ คนมาก แล้วก็ไม่ได้รักหนูแค่คนเดียว รักแม่หนู รักพ่อหนู และหนูก็ไม่อยากให้ทุกคนคิดว่าหนูเป็นศิลปิน แต่อยากให้คิดว่าเราเป็นพี่น้องกัน อยู่ด้วยกันอบอุ่นดีค่ะ"
