เจาะลึก “ฟรัง” แนะเทคนิคเตรียมตัวสอบ! เขินถูกเรียกหมอ ยันไม่เฟดตัวออกจากวงการ

เจาะลึก “ฟรัง” แนะเทคนิคเตรียมตัวสอบ! เขินถูกเรียกหมอ ยันไม่เฟดตัวออกจากวงการ

2.5

เจาะลึก “ฟรัง” แนะเทคนิคเตรียมตัวสอบ! เขินถูกเรียกหมอ ยันไม่เฟดตัวออกจากวงการ

   ตอนนี้ใครๆ ก็เรียกนักแสดงวัยรุ่นสุดฮอต “ฟรัง นรีกุล เกตุประภากร” ว่า “หมอฟรัง” กันหมดแล้ว เพราะว่าล่าสุดเธอได้สอบเข้าระดับอุดมศึกษาของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตามฝันได้เป็นที่เรียบร้อย เรียกได้ว่าไม่ใช่แค่สวย ฝีมือการแสดงดี แต่การเรียนเธอก็ดีเช่นกัน และเมื่อมีโอกาสได้พูดคุยกับสาวฟรัง ก็ไม่พลาดที่จะถามถึงการสอบติดหมอ และเทคนิคการเรียนถึงเพื่อนๆ และน้องๆ ที่ใกล้สอบมาฝากกัน โดยเธอได้เล่าให้ฟังว่า

ฟรัง หมอฟรัง งานในวงการ สอบติดแพทย์

  ความรู้สึกตอนสอบติดก็ดีใจค่ะ แล้วก็รู้สึกว่าที่ผ่านมาไม่ได้เหนื่อยเปล่า รู้สึกว่าคุ้มค่าค่ะ วันนี้ (17 มี.ค.) ก็เพิ่งสอบสัมภาษณ์ เป็นช่วงตรวจสุขภาพค่ะ แต่ก็เปิดเทอมจริงๆ ก็สิงหาคมเลย ตื่นเต้นมากจะเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ต้องปรับตัวนิดนึงค่ะ โตขึ้น เจอสังคมใหม่ๆ คือเพื่อนที่สนิทก็ไม่ได้อยู่ที่เดียวกัน ก็ต้องจูนกับคนอื่น ก็ตื่นเต้นค่ะ เวลาคนเรียกหมอฟรังก็เขิน เรียกฟรังเหมือนเดิมก็ได้ (หัวเราะ) รู้สึกเขิน รู้สึกตัวเองยังไม่พร้อมที่โดนเรียกอย่างงั้น เพราะเหมือนเราก็ยังไม่ได้เข้าไปเรียนก็เลยยังไม่ชินเท่าไหร่ รอเรียนจบก็ได้ ตอนนี้เรียกแล้วดูแก่ๆ นิดนึง (หัวเราะ)

ฟรัง หมอฟรัง งานในวงการ สอบติดแพทย์

  ส่วนเรื่องการเตรียมความพร้อม จริงๆ เราเริ่มอ่านหนังสือจริงจังตอนขึ้น ม.6 ช่วงซัมเมอร์ ช่วงนั้นก็เรียนพิเศษ กลับมาก็ทวน แล้วก็จดช็อตโน๊ตไปเรื่อยๆ จนถึงก่อนสอบ ก็ถือว่าอ่านหนักอยู่นะ จริงๆ เราเป็นคนไม่ได้อ่านทั้งวันนะคะ ก็จะเรียนครึ่งวัน อ่านครึ่งวัน เพราะให้อ่านทั้งวันทำไม่ได้ก็เรียนสลับกับอ่านไป แต่ว่าก็จะอ่านถึง 4 ทุ่มทุกวัน เราไม่ใช่คนที่อ่านแบบข้ามวันข้ามคืน คือมันเป็นช่วงระยะเวลานาน แล้วถ้าเราหักโหมกลัวว่าตอนสุดท้ายจะไม่ไหว ถ้าป่วยขึ้นมาก็จะยิ่งแย่ไปอีก เพราะว่าไม่ใช่เวลาสั้นๆ เลย หลายเดือนนะ ถ้าข้ามวันข้ามคืนไม่น่าไหวแน่ๆ 

ฟรัง หมอฟรัง งานในวงการ สอบติดแพทย์

   เทคนิคการเตรียมสอบเหมือนอ่านเรื่อยๆ สม่ำเสมอ แล้วก็ช็อตโน้ตเป็นลายมือตัวเอง แล้วเวลาอ่านจะอ่านออกเสียง ไม่รู้ว่าช่วยหรือเปล่าแต่เราว่าช่วย มันช่วยให้เราจดจ่อไม่หลุดกับสิ่งที่เราอ่าน เพราะบางทีเราไม่อ่านออกเสียงก็จะไปไหนไม่รู้ จริงๆ หลักก็คืออย่าท้อค่ะ เหนื่อยแต่ก็อย่าเพิ่งท้อ เวลาอ่านแล้วลืมอย่าไปซีเรียสกับมัน เราก็เป็นบางทีอ่านเสร็จแล้วลืม เราว่ามันเป็นเรื่องปกติ ก็ต้องอ่านทวนเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงวันสอบ อย่าอ่านแค่ตอนจะสอบไม่อย่างงั้นก็จะเครียดด้วย เราว่าอ่านช่วงใกล้สอบทีเดียวมันฮาร์ดคอร์ไปหน่อย ยิ่งเป็นสอบใหญ่เรายิ่งต้องเริ่มเนิ่นๆ อยากให้รุ่นน้องเริ่มเร็วๆ เพราะเนื้อหาเยอะมาก ที่เราสอบตั้ง 7 วิชา แต่ละวิชาก็หลายเรื่องเป็น 10 เรื่องเลย ถ้าเราอ่านทีเดียวไม่ไหวแน่ๆ เพราะไม่เหมือนสอบกลางภาค ปลายภาค สอบแค่ 2-3 เรื่อง แต่อันนี้คือ ม. ปลาย ทั้งหมดเลยค่ะ

   แนะนำว่าตอนขึ้น ม.6 ควรมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าอยากเข้าอะไร ไม่อย่างนั้นเราจะไม่ถูกทาง อย่างเช่นอยากเข้าแบบอินเตอร์กับแบบปกติการเตรียมตัวก็ต่างกันแล้ว ส่วนตัวเราด้วยสังคมที่เพื่อนๆ มาแนวทางนี้กันหมด เราก็โอเคไปแนวทางนี้ เรามารู้ตัวเองตอนระหว่างทาง คือเตรียมตัวก่อนที่เราจะรู้ตัวด้วยซ้ำ เรารู้สึกตอนดูข่าวน่าสงสาร เรารู้สึกอยากช่วย อยากเป็นหมอที่ช่วยคน 
ซึ่งช่วงถ่ายซีรีส์ “ฮอร์โมนส์ วัยว้าวุ่น” เป็นช่วงอ่านหนังสือสอบเลย ก็เลยต้องอ่านหนังสือในกอง เพราะไม่งั้นเรารู้ว่าไม่น่าจะได้ คือเวลาเราน้อยกว่าคนอื่นด้วย ก็เลยทำให้เราต้องขยันมากขึ้น คนในกองก็ตกใจนิดนึง ถ้าเราเป็นคนนอกเราก็ตกใจนะ แบบทำไมต้องทำขนาดนี้ พอมองกลับไปก็รู้สึกตัวเองบ้าเหมือนกันเนอะ จริงๆ คือตอนนั้นถ้าไม่ทำงานก็อ่านหนังสืออย่างเดียวเลยเหมือนกัน แทบไม่ได้ไปดูหนังเท่าไหร่เลย ค่อนข้างจริงจังกับเรื่องนี้เหมือนกัน ถ้าทำแล้วก็อยากทำให้ดีที่สุด ทำให้ผลรับออกมาดี ไม่อยากให้ทำแล้วผลลัพธ์ออกมาแล้วเรายังทำไม่ดีพอหรือเสียดาย ตอนนั้นก็คือไปกองก็เอาหนังสือไปด้วย ช่วงพักก็ทำโจทย์ค่ะ

ฟรัง หมอฟรัง งานในวงการ สอบติดแพทย์

   สำหรับตอนทำข้อสอบรู้สึกว่าทำได้ไม่ดีเท่ากับตอนที่ฝึกทำ สอบวันแรกรู้สึกเฟลเหมือนกันนะ สอบฟีสิกส์เสร็จคือค่อนข้างเฟลเลย แต่ปีนี้ข้อสอบเปลี่ยนแนวด้วย เหมือนเราดวงไม่ค่อยดีเดาก็ผิด ตอนนั้นวันแรกก็กลับบ้านร้องไห้อยู่ เพราะรู้สึกว่าทำไม่ดีเท่าที่ควร แต่มีสอบ 2 วัน พอวันที่ 2 ก็โอเคดีขึ้น จริงๆ ก็หวัง สอบเสร็จก็คิดว่าน่าจะได้สักที่ เพราะเขาให้เลือก 4 อันดับค่ะ เราติดอันดับ 1 ที่เลือก แต่ก็ไม่คิดว่าคะแนนจะดีมาก ปีนี้คะแนนลดด้วย เราดันได้คะแนนบางวิชาเยอะมันเลยกลบกันทำให้ได้ขึ้นมาค่ะ แต่ถ้าสอบไม่ติดจริงๆ ก็คงรอสอบปีหน้ามากกว่า จริงๆ ก็เคยคิดว่าอยากเข้าบัญชีค่ะ แต่รู้สึกว่าไม่ได้อยากเข้าขนาดนั้น ก็รู้สึกว่ารอสอบเข้าปีหน้าก็ได้ เพราะจริงๆ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะซิ่ว เราเน้นเรียนที่อยากเรียนมากกว่า เพราะมันคืออนาคตของเรา ถ้าจบอะไรไปก็ชี้อนาคตเราเหมือนกันว่าจะไปเส้นทางไหน เลยรู้สึกว่าเอาที่เราโอเคจริงๆ ดีกว่า ไม่ใช่แค่เรียนให้จบๆ ไป

    เรื่องงานถ้าไหวเราก็อยากรับนะ ถ้าทำไหวเราก็อยากทำ เพราะงานในวงการก็ชอบอยู่เหมือนกัน เขาบอกว่าปี 1 ยังไม่หนักมากก็เลยคิดว่าตอนนี้ยังรับปกติอยู่ ยังไม่ได้เฟดตัวออกจากวงการขนาดนั้น แต่ถ้าปีสูงๆ ก็ต้องดูอีกที แต่ถ้าไหวก็รับนะคะ ก็อยากเน้นเรียนเพราะอยากจบพร้อมเพื่อน ไม่อยากจบหลังเพราะ 6 ปีก็นานมากๆ แล้ว

   ท้ายสุดก็อยากฝากน้องๆ ให้รีบหาตัวเองให้เจอว่า อยากจะเข้าอะไร ชอบอะไร แล้วก็มุ่งไปสิ่งนั้น ก็คือทำให้เต็มที่เพื่อให้ได้สิ่งที่เราหวังไว้ ระหว่างทางอาจจะเจออุปสรรคเยอะแน่นอน อาจจะเหนื่อย ท้อ แต่ว่าอย่าเพิ่งหยุดทำก็ให้ทำไปเรื่อยๆ ก่อนเพราะว่าคือวันนึงที่เราทำจนมันสำเร็จ พอหันมากลับมาเราจะภูมิใจกับตัวเองแล้วก็รู้สึกว่ามันคุ้มค่ากับสิ่งที่ได้ทำลงไปค่ะ ครั้งนึงในชีวิตก็สู้ๆ ทำให้เต็มที่ไปเลย ก็สู้ๆ ค่ะทุกคน

ฟรัง หมอฟรัง งานในวงการ สอบติดแพทย์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Gallery ที่เกี่ยวข้อง

Comments