“อาร์เอส” ปักธงปี 59 เปิดศึกธุรกิจทีวีชิงเรตติ้ง ทุ่ม 2พันล้าน

“อาร์เอส” ปักธงปี 59 เปิดศึกธุรกิจทีวีชิงเรตติ้ง ทุ่ม 2พันล้าน

1

“อาร์เอส” ปักธงปี 59 เปิดศึกธุรกิจทีวีชิงเรตติ้ง ทุ่ม 2พันล้าน นับเป็นการลงทุนสูงสุดตั้งแต่เปิดบริษัท

         “อาร์เอส” ชิงเปิดแผนบุกหนักธุรกิจสื่อทีวีต้อนรับปี 59 เต็มสูบ ใจป้ำควักงบลงทุน 2 พันล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เปิดบริษัทฯ เผยแบ่งงบ1พันล้านผลิตละครใหม่ไม่ต่ำกว่า 30 เรื่อง ขณะที่ 800 ล้านปั้นคอนเทนต์ใหม่ “วาไรตี้-กีฬา-ข่าว”เขย่าจอ และอีก 200 ล้าน เตรียมลงทุนประชาสัมพันธ์เรื่องการจัดเรียงหมายเลขช่องใหม่ให้รับรู้ในวงกว้าง รวมถึงปรับปรุงและพัฒนาระบบไอทีทั้งกลุ่มเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ชี้คาดหวังลงทุนครั้งนี้ดันเรตติ้งทุกช่องในมือโตอย่างมีเสถียรภาพ แถมช่วยกระตุ้นปรับราคาโฆษณาขึ้นอย่างต่ำ 50% ในทุกช่วงเวลา

        ลาดพร้าว-นางพรพรรณ เตชรุ่งชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฎิบัติการ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) มองภาพรวมอุตสาหกรรมสื่อทีวีในปี 2559 ว่า จะเติบโตได้เล็กน้อยเพราะได้รับอานิสงค์จากการลงทุนภาครัฐมีการเบิกจ่าย ประกอบกับมีนโยบายกระตุ้นของภาครัฐทั้งลดดอกเบี้ยและบ้านหลังแรก จึงน่าจะกระตุ้นให้เกิดเงินหมุนเวียนภายในประเทศได้ดีส่งผลให้เจ้าของสินค้ากล้าใช้จ่ายงบโฆษณามากขึ้นตามไปด้วย ทำให้น่าจะได้เห็นราคาโฆษณาปรับตัวสูงขึ้นบ้าง ขณะที่ในปี 2558 จะหดตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน หรืออย่างดีที่สุดก็คงแค่เสมอตัว เนื่องจากได้รับผลกระทบปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลให้ผู้ประกอบการธุรกิจส่วนใหญ่ปรับลดงบโฆษณา โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค, ยานยนต์ และสถาบันการเงินที่ปกติใช้งบสะพัดแต่ปีนี้ก็ใช้ด้วยความระมัดระวัง 

        ในส่วนของเราที่ในวันนี้มีสื่อทีวีเป็นธุรกิจหลักที่ใหญ่ที่สุด ทำให้ปี 2559 จะเป็นปีที่“อาร์เอส” ลงทุนมากที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ มาโดยวางงบลงทุนรวมทั้งสิ้น 2 พันล้านบาท แบ่งออกเป็น 3 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ส่วนแรกสำหรับลงทุนผลิตละครใหม่ไม่ต่ำกว่า 30 เรื่องประมาณ 1 พันล้านบาท ส่วนที่สอง 800 ล้านบาทสำหรับลงทุนผลิตรายการวาไรตี้, รายการกีฬา และรายการข่าวส่วนที่เหลืออีก 200 ล้านบาทสำหรับการลงทุนพัฒนาระบบไอทีและการโฆษณาประชาสัมพันธ์และสร้างการจดจำทุกสถานีในกลุ่มของอาร์เอส รวมถึงเพื่อสร้างการรับรู้ในการจัดเรียงหมายเลขช่องใหม่ตามประกาศของ กสทช ให้ทราบโดยทั่วกันโดยให้น้ำหนักการลงทุนจะอยู่ที่ช่อง 8 มากที่สุดถึง70% ตามด้วยช่อง 2 สบายดีทีวี เพลินทีวีและยูแชนเนล คาดหวังผลการลงทุนในครั้งนี้จะช่วยผลักดันให้เรตติ้งทีวีทุกช่องในมือเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถปรับราคาโฆษณาขึ้นอย่างต่ำ 50% ในทุกช่วงเวลา หลังจากที่ตั้งแต่ต้นปี 2558 มาถึงปัจจุบันเรตติ้งทีวีของช่อง8 เติบโตเกือบเท่าตัว 

       ทั้งนี้ คาดว่าการลงทุนในครั้งนี้จะทำให้สามารถขึ้นค่าโฆษณาสูงถึง 3.2 แสนบาทต่อนาที จากปัจจุบัน 2 แสนบาทต่อนาที ขณะที่ราคาเริ่มต้นยังอยู่ที่ 5 หมื่นบาทต่อนาทีเท่าเดิม และมีรายได้จากธุรกิจทีวี 70% ของรายได้รวมทั้งหมด ทำให้ปีหน้าจะได้เห็นรายได้จากธุรกิจสื่อรวมทั้งทีวีและวิทยุเป็น 80% ของรายได้ทั้งหมด โดยมั่นใจสิ้นปีนี้ยังมีรายได้ตามเป้าที่วางไว้ 3.8 พันล้านบาท ในช่วงครึ่งปีแรก 2558 รายได้ธุรกิจทีวีเติบโตสูงถึง 40% ขณะที่เรตติ้งทีวีทั้ง 4 ช่องเติบโตเท่าตัว โดยเฉพาะช่อง 8 เมื่อต้นปีมียอดผู้ชม 1.8 แสนรายต่อนาที ปัจจุบันมี 3.5 แสนรายต่อนาที 

        “แม้ปีหน้าอาจจะได้เห็นเม็ดเงินสื่อโฆษณาขยับโตเล็กน้อย แต่เชื่อว่าช่องทีวีชั้นนำที่มีเรตติ้งสูงจะยังคงได้เปรียบเพราะมีเรตติ้งชี้วัดจำนวนคนดูชัดเจน ทำให้เจ้าของสินค้าและเอเยนซี่มั่นใจว่าเมื่อใช้เงินซื้อเวลาโฆษณาแล้วจะเข้าถึงลูกค้าที่ต้องการสื่อสารอีกทั้งมองว่าการแข่งขันดิจิตอลทีวีที่ดุเดือดในปีนี้ จะทำให้เหลือจำนวนผู้เล่นที่มีความพร้อมจะช่วงชิงเม็ดเงินน้อยลงตามไปด้วยเช่นกันอย่างไรก็ดี เราไม่ประมาทกับสถานการณ์การใช้งบสื่อโฆษณาที่อ่อนไหวจึงวางแผนทำตลาดอย่างรัดกุม ขณะเดียวกันก็ยืดหยุ่นพร้อมปรับตัวได้เสมอ โดยในปีหน้าจะให้ความสำคัญกับการกำหนดราคาโฆษณาที่ถูกต้องและเหมาะสม ชูจุดแข็งเป็นบริษัทบันเทิงครบวงจรที่สามารถต่อยอดทุกมิติได้สะท้อนความคุ้มค่ามากที่สุดให้แก่ลูกค้าที่มอบความไว้วางใจมาเลือกใช้งบกับเรา โดยจะให้สิทธิพิเศษทั้งด้านราคาและการเลือกพื้นที่เป้าหมายแก่ลูกค้าที่พร้อมจะปิดดีลระยะยาวกับเราภายในปีนี้ โดยจะกำหนดการใช้พื้นที่ส่วนนี้ที่50% ส่วนที่เหลืออีก 50% ก็เสนอขายตามเรตติ้ง ณ วันนั้นๆ ซึ่งเราก็เชื่อมั่นว่าเรตติ้งในปี2559 ก็จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกับปีนี้”นางพรพรรณ กล่าว

         ด้าน การดำเนินงานในปี 2558 สื่อทีวีของ “อาร์เอส” ที่โดดเด่นประสบความสำเร็จท่วมท้น คือ ช่อง 8 ที่มีการเติบโตของเรตติ้งอย่างต่อเนื่อง  เป็นผลสำเร็จมาจากจุดแข็งสำคัญของบริษัทฯ 3 ด้าน ได้แก่ 1.มี ศิลปินและ“ทีมงาน" มืออาชีพ ทำให้สามารถผลิตรายการได้เองมากถึง 95% จึงช่วยควบคุมต้นทุนทางด้านการผลิตได้ดี 2.มีความเชี่ยวชาญคัดสรร “คอนเทนต์” ไม่ว่าจะเป็นละคร วาไรตี้ รายการข่าว และกีฬา ตอบโจทย์ตรงกับไลฟ์สไตล์ผู้ชมทุกเพศทุกวัย ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการแข่งขันในธุรกิจนี้ 3.มีความถนัดและสามารถวาง “กลยุทธ์การตลาด” ได้แม่นยำสอดรับกับโพซิชั่นนิ่งที่วางไว้ “ใครๆ ก็ดูช่อง 8” โดยล่าสุดมีสัดส่วนคนดู กรุงเทพและหัวเมืองใหญ่ 60 เปอร์เซ็นต์และต่างจังหวัด40เปอร์เซนต์ 

          ขณะที่ “ช่อง 2” สามารถรักษาฐานเรตติ้งได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีการปรับเป็นสถานีข่าวลึก บันเทิงร้อนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดอันดับ 1 ของเมืองไทย อีกทั้งมีการเติมคอนเทนต์สอดรับกับไลฟ์สไตล์คนดูเฉพาะกลุ่มให้ทันสมัยตลอดเวลา สำหรับ “สบายดีทีวี” มีการพัฒนาคุณภาพรายการให้โดนใจผู้ชมอย่างต่อเนื่อง ทำให้เรตติ้งของทุกช่องเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ อีกทั้งคอนเทนต์มากกว่า90% ที่ออกอากาศในช่องนี้เป็นคอนเทนต์ที่บริษัทฯ เป็นผู้ดำเนินการผลิตเอง ทำให้มีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนรูปแบบ และมีความคุ้มค่าในการลงทุนคอนเทนต์ที่สูงกว่า ส่วน “เพลินทีวี”เป็นการเปิดช่องใหม่ขยายธุรกิจไปสู่กลุ่มคนดูสูงวัยที่เป็นกลุ่มคนดูที่มีโอกาสทางการตลาดสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่กลับยังไม่มีคู่แข่งรายใดในตลาด ทำให้ออนแอร์เพียง 3 เดือนแรกก็มีเรตติ้งและผลตอบรับจากสปอนเซอร์เป็นที่น่าพอใจ

 

อาร์เอส เปิดศึกธุรกิจ เรตติ้ง การลงทุน บันเทิง ค่ายเพลง นักธุรกิจ ใจปล้ำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“เต ตะวัน” ยก “เจมีไนน์” คือลูกรัก หลังโดนแซวมีลูกใหม่ “เอเอ BUS” ด้าน “นิว” เหมาะมีลูกเป็นผู้หญิง

ความฝัน 10 ปีสำเร็จแล้ว! “นิว ชัยพล” แบก “น้องทิวทัศน์” ไว้บนเป้ได้เดินป่าไปด้วยกัน

รีรันฉ่ำ! หมอชิตส่ง “ผู้บ่าวอินดี้ ยาหยีอินเตอร์” ดู “เวียร์-เซฟฟานี่” รีเทิร์นความม่วน

“แน็ก ชาลี” ใจหาย “กามิน” บินกลับเกาหลี ระยะทางไม่กลัว คิดถึงแต่รอได้

“นาย กรชิต” ฮอตมาก! ติดเทรนด์ยอดนิยมของจีนและไทยหลังออกรายการวาไรตี้จีนชื่อดัง

“เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” ช็อก! เลี้ยงโจรไว้ใกล้ตัว เงินหายกว่าครึ่งล้าน อึ้งเอาไปทำแบบนี้

เซ็งเลย! “จันจิ จันจิรา” ถูกขโมยมือถือ-บัตรเครดิต ฉวยโอกาสรูดใช้ที่งาน Coachella

Gallery ที่เกี่ยวข้อง

Comments