"สายไหม-มณีรัตน์" "แม่บัว" แห่ง"ข้าบดินทร์" สวยจริง หวานจริง

"สายไหม-มณีรัตน์" "แม่บัว" แห่ง"ข้าบดินทร์" สวยจริง หวานจริง

1

เห็นแค่แว้บๆ ในบท “ครูจีจี้” ในหนังเรื่อง “คิดถึงวิทยา” ก็ทําให้ใครหลายๆ คนหลงรัก “สายไหม-มณีรัตน์ ศรีจรูญ” สาวใสวัย 21 ปี ที่ตอนนี้ได้มาเล่นละครเต็มตัวแล้ว หลังจากเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงในสังกัดช่อง 3 ก็ได้รับบทเด่นในละครเรื่องแรก “ข้าบดินทร์” ละครฟอร์มยักษ์ของค่ายทีวีซีน ที่ “สายไหม-มณีรัตน์” รับบทเป็น “แม่บัว” ประกบคู่กับนางเอก “แมท-ภีรนีย์” และพระเอกหนุ่ม “เจมส์ มาร์” 

และล่าสุดก็เพิ่งจะฟิตติ้งละครเรื่องใหม่ “หัวใจปฐพี” ละครแนวบู๊ของค่ายทีวีซีน ที่ “สายไหม-มณีรัตน์” ประกบคู่กับ “ไมค์-พิรัชต์” และพระ-นาง อย่าง “ปอ-ทฤษฎี” และ “แยม-มทิรา” เรามาทําความรู้จักกับ “สายไหม-มณีรัตน์” แม่บัว แห่ง “ข้าบดินทร์” กันดีกว่า
    
เข้าวงการบันเทิง....
“เข้าวงการมาก็มีผลงานโฆษณามาบ้าง เมื่อ 1-2 ปี 
ที่แล้ว ที่ผ่านมาก็มีภาพยนตร์ด้วย เรื่อง ‘คิดถึงวิทยา’ เป็นนักแสดงรับเชิญ เล่นแป๊บๆ ขําๆ เล่นกับพี่พลอย (พลอย-เฌอมาลย์) รับบท ‘จีจี้’ เป็นครูคู่กับพี่พลอย ส่วนละครเรื่อง ‘ข้าบดินทร์’ เป็นผลงานละครเรื่องแรก
บทบาทในเรื่องนี้ก็เล่นเป็น แม่บัว เป็นพี่สาวคนกลางของครอบครัวนางเอก (ครอบครัวบ้านขุนนาฏยโกศล) ซึ่งนางเอกก็คือ ลําดวน (แมท-ภีรนีย์) คาแรคเตอร์ของแม่บัว จะเป็นคนที่เหมือนกับเป็นไอดอลของผู้หญิงสมัยนั้นเลย 
มีรูปร่างหน้าตาดี เป็นนางรํา ก็จะป๊อปปูล่าร์หน่อย มีคนมาจีบเยอะ แล้วก็เป็นแม่บ้านแม่เรือน ทํากับข้าวเก่ง ร้อยมาลัยสวย ในเรื่องมีคนมาจีบเยอะ แต่สุดท้าย...ให้ติดตามเอาเอง (หัวเราะ) ว่าจะเป็นยังไง”
    
ยากไหมกับละครเรื่องแรก...
“ยากค่ะ ด้วยความที่เป็นละครเรื่องแรกแล้วเจอละคร พีเรียด ก็คือแน่นอนว่าการดําเนินชีวิตของเราในสมัยนี้กับของเขาในสมัยก่อนมันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเลย ไม่ว่า
จะเป็นเรื่องของเวลา ถ้าว่างเขาทําอะไรกัน แม้กระทั่งเวลาเดิน เวลานั่ง ก็จะไม่เหมือนกันอยู่แล้ว และที่ยากก็จะ        เป็นเรื่องของภาษา ที่เราจะต้องฝึกพูดให้เข้าปาก อย่างเช่นคําว่า ‘ไม่มี’ ก็จะต้องพูดว่า ‘หามีไม่’ อะไรอย่างนี้ คือถ้าเรียงคําผิดมันก็จะเพี้ยน เพราะฉะนั้นเรื่องบทก็ต้องเป๊ะ แล้วยิ่งเราเป็นคนความจําไม่ค่อยดี (หัวเราะ) เล่นละครเรื่องนี้ก็ถือว่าค่อนข้างเป็นเรื่องที่ท้าทายความสามารถ” 

การเตรียมตัวในเรื่องการแสดง...
“ในส่วนของแอ็คติ้งก็จะมีพี่เต๋า (เต๋า-สโรชา วาทิตตพันธ์) ที่เป็นแอ็คติ้งโค้ชให้ ก็เลยแบบว่าเบาใจไปได้เยอะเหมือนกัน แต่ว่าเราก็เป็นเด็กใหม่ก็ตื่นเต้นที่ได้เจอดารา อย่าง พี่แมท (แมท-ภีรนีย์ คงไทย) ที่โด่งดังอยู่แล้ว เราก็กดดันนิดนึงอะไรอย่างนี้ แต่ว่าพอได้ทํางานด้วยกันทุกคนก็เป็นกันเอง แล้วก็ด้วยความที่มีพี่เต๋าคอยช่วยแนะนํา ช่วยปรับให้ว่าตรงนี้มากไป ตรงนี้น้อยไป พอออกมาก็เลยสนุกมาก ทํางานสนุกมาก” 

เป็นนักแสดงในสังกัด ช่อง 3...
“ก็เซ็นสัญญากับช่อง 3 แล้ว อาปิ่น (ปิ่น-ณัฏฐนันท์ ฉวีวงษ์ จิ้มมา (หัวเราะ) เซ็นสัญญากับช่อง 3 เป็นเวลา 3 ปีค่ะ ส่วนผลงานละครต่อจากเรื่องนี้ยังไม่คอนเฟิร์มค่ะ เพราะว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก ความจริงถ้าพูดถึงเรื่องกดดัน จะกดดันเรื่องนี้มากกว่า ยังไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่นเลย ก็คือเราอยากทําให้มันถึงที่เขาตั้งเอาไว้ค่ะ ก็พยายามอยู่” 
    
บทบาทที่อยากเล่น...
“บทในใจที่อยากเล่น เรื่องนี้เป็นพีเรียดเรียบร้อย เรื่องต่อไปก็อยากเล่นบทแบบ คือจริงๆ ให้เล่นบทอะไรก็ได้ แต่ถ้าให้เลือกได้ก็อยากจะเล่นบทแบบดี๊ด๊า เฮฮาปาร์ตี้ อะไรอย่างนี้ สนุกสนาน รักๆ คอมเมดี้ คือจริงๆ แล้วเราเป็นคนตลก แต่คนไม่เชื่อ (หัวเราะ) ที่ชอบแบบตลกๆ ก็คือมันไม่เครียดดี เราไม่ห่วงสวย ได้เต็ม แต่บางทีต้องแบบว่าคีบลุคนิดนึง” (หัวเราะ)

ไอดอลทางการแสดง...
“ความจริงเราเป็นคนที่ดูละครมาเยอะนะคะ แล้วก็จะกรี๊ดกร๊าดพี่ๆ ดาราอะไรอย่างนี้ ซึ่งเป็นปกติของทุกคนอยู่แล้ว แต่ว่าตอนนี้เรามาเล่นละคร ได้คลุกคลีกับดารา โดยเฉพาะพี่เต๋า ซึ่งเขาเป็นแอ็คติ้งโค้ชให้เรา เราก็รู้สึกว่า พี่เต๋าเก่ง พี่เต๋าเป็นนักแสดงที่วางตัวดี อะไรอย่างนี้ค่ะ 
ก็เลยรู้สึกว่าพี่เต๋าน่ารักแล้วก็เป็นนักแสดงที่กันเองมากๆ”  

มุมมองในวงการบันเทิง...
“การที่ได้เข้ามาทํางานในวงการบันเทิงก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่มากๆ เราก็อยากจะทําโอกาสตรงนี้ให้ดีที่สุด เมื่อเราได้เข้ามาแล้วก็จะพยายามทําตัว วางตัวให้ดี ในวงการนี้ค่ะ”

ให้พูดถึงตัวเอง...
“คิดว่าตัวเองเป็นคนซุ่มซ่ามค่ะ (หัวเราะ) เมื่อกี้เดินมายังสะดุดเลย พูดง่ายๆ ก็คือเป็นคนตรงๆ อารมณ์ดี ชอบทํากิจกรรม ไม่ชอบอยู่เฉยๆ ตอนเรียนก็จะทํากิจกรรมของมหาวิทยาลัย เป็นดรัมเมเยอร์ ของจุฬาฯ แล้วก็เอ็นจอย เวลาอยู่กับเพื่อนๆ”

ทํางานไปด้วย เรียนด้วย...
“โชคดีที่ได้คิวถ่ายละครเป็นวันพฤหัสฯ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ แล้วเราเรียนจันทร์-พฤหัสฯ ก็คือจะมีคิวให้ละครได้ เต็มๆ ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ การทํางานก็เลยไม่ชนกับการเรียน” 

ความฝันตอนเด็กๆ...
“ฝันค่ะ ความจริงที่เรียนนิเทศ คือฝันอยากทํางาน
ในวงการบันเทิง แต่ไม่ได้คิดว่าจะต้องเป็นเบื้องหน้า ต้องเป็นดารา แต่สนใจการทําโฆษณาก็เลยเลือกเรียนนิเทศ คือตอนแรกก็ฝันอยากทํางานโฆษณานั่นแหละ แต่ว่าได้โอกาสตรงนี้ก่อน ก็คือความฝันเราก็ยังเป็นอันเดิมอยู่นะ แต่ว่ามีความฝันอีกอันเพิ่มขึ้นมา แต่ว่ารักที่จะทําแล้วก็ต้องทําให้ได้ดีทั้ง 2 อย่างด้วยค่ะ”  

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Gallery ที่เกี่ยวข้อง

Comments