"พ้อยท์ ชลวิทย์" เตรียมแจ้งเกิดพระเอกหน้าใหม่
ขึ้นแท่นพระเอกใหม่ถอดด้าม สำหรับหนุ่มสูงยาวเข่าดีนามเพราะ "พ้อยท์ ชลวิทย์ มีทองคำ" กับผลงานละครเรื่องแรก "ธิดาแดนซ์" ผลิตโดยบริษัท เพ็ญพุธ จำกัด ในเครือบริษัท จันทร์ 25 จำกัด
เรามีโอกาสได้พบหนุ่มพ้อยท์ในกองถ่าย "ธิดาแดนซ์" เราจึงไม่พลาดที่จะชักชวนหนุ่มพ้อยท์มาพูดคุยถึงเรื่องราวของเขา มาทำความรู้จักกับพระเอกใหม่คนนี้ดีกว่า
พ้อยท์เป็นคนกรุงเทพฯ หรือเปล่า
เปล่าครับ ผมเป็นคนเหนือเกิดที่เชียงใหม่และโตที่เชียงใหม่ โดยพ่อเป็นคนสุพรรณแต่แม่เป็นคนเชียงใหม่ครับ
ตอนเด็กๆ พ้อยท์เป็นเด็กยังไง
ตอนสมัยอนุบาลพ้อยท์จะเป็นเด็กขี้แง เอะอะก็ร้องไห้ แล้วก็ชอบปัสสาวะใส่ที่นอนที่โรงเรียนเวลานอนกลางวันความที่ขี้เกียจไปเข้าห้องน้ำนะค่อนข้างซนตามประสาเด็ก พอขึ้นชั้นประถมจะโตขึ้นหน่อยก็เป็นเด็กที่ตลกสนุกสนานครับ
ความเป็นลูกชายคนเดียวแล้วเป็นลูกคนเล็ก พ่อแม่ตามใจมั้ย
ก็ไม่ถึงกับตามใจมากก็จะให้อะไรที่ควรให้แต่ถ้าอะไรที่ไม่ควรเขาก็จะไม่ให้ แล้วความที่พี่สาวผมอายุเราห่างกัน 2 ปี สมัยที่เราอยู่ด้วยกันผมก็จะแกล้งพี่สาวประจำแต่พอไม่ได้อยู่ด้วยกันก็จะคิดถึงนะ
สมัยเรียนเคยมีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนบ้างมั้ย
มันก็มีบ้างตามประสาวัยรุ่นคึกคะนอง ผมชอบไปเที่ยวกับเพื่อนแล้วก็ไปเล่นเกมส์กัน บางครั้งก็เลยมีเรื่องชกต่อยกันบ้าง
เห็นว่าเกเรจนต้องเลือกเรียนสายอาชีพ
ตอนเรียนอยู่ม. 3 ผมซนมาก ติดศูนย์เยอะ เป็นประเภทเด็กเรียนหลังห้อง แม่ก็ปรึกษาอาจารย์ว่าจะเอาไงดีถ้าจะไม่ไหวถ้าเรียนแบบปกติ
เลยส่งไปเรียนสายอาชีพแต่ก็เหมือนเดิมพอเรียนทีไรก็ชอบแว่บออกจากห้องไปห้องวิชาโน้นวิชานี้ไม่สนใจห้องของตัวเองเลย ไปกับเพื่อนสนิทประมาณ 7 คน ซึ่งเรียนกันมาตั้งแต่ ป.1 แต่มาสนิทกันตอน ป.5 คบกันมา 9 ปีครับ แต่พอมาเรียนปวช. พาณิชย์การเชียงใหม่ แม่จับแยกกับเพื่อนเลย แรกๆ ก็โอเคเหมือนเราเกเรเที่ยวมาเยอะ เลยลองตั้งใจเรียนดูแต่ก็กลับไปเหมือนเดิมคิดถึงเพื่อนหนีขับรถไปหาเพื่อน แต่พอขึ้นปวส. ก็บอกแม่ว่าผมจะตั้งใจเรียนแล้วเพราะตอนปวช.เกรดเฉลี่ยไม่เกิน 1 จริงๆ ต้องโดนให้ออกแล้ว แต่อาจารย์ช่วยไว้ พ้อยท์ก็เลยต้องรีเกรดแล้วลงเรียนใหม่แล้วเกรดก็ดีขึ้นปรากฏตอนปวส.
เทอมแรกลงเรียนไอที (พวกโปรแกรมเมอร์) ความที่ตอนเด็กๆ ชอบเล่นเกมส์ครับ แต่เรียนไปเจอวิชาเว็บ ก็เริ่มรู้ว่าที่คิดจะเรียนไอทีไม่ใช่แล้ว แต่ผลที่ออกมาได้เกรดเฉลี่ย 2.8 แม่ดีใจเลย แต่พอเรียนเทอม 2 เปลี่ยนอยากทำนิตยสารพวกออกแบบ เลยไปร้องไห้อ้อนแม่อยากมาเรียนที่กรุงเทพฯ เข้า ม.รังสิต
แม่ก็ให้นะขึ้นมาเรียนคนเดียวเลย พ้อยท์ก็ลงเรียน คณะนิเทศศาสตร์ สาขามัลติมีเดีย แรกๆ ก็คิดจะตั้งใจเรียนเอาเกรดให้แม่แต่แล้วก็เข้าอีหลอบเดิมเที่ยวสะบั้น ไปคบเพื่อนที่ไม่ค่อยเรียนปรากฎว่าผ่านไปปีหนึ่ง รู้เลยว่าการอยู่ด้วยตัวคนเดียวมันต้องดูแลตัวเองรู้สึกเหนื่อยมากไม่ไหว แถมจัดการเงินที่ได้มาไม่เป็นแม่ให้เดือนละหมื่นห้าพันบาท รวม ค่าเช่าบ้าน 4000 ด้วย แรกๆ ใช้ครึ่งเดือนก็หมด ครึ่งเดือนหลังต้องกินหมูปิ้งเป็นอะไรที่ลำบากสุด ก็ร้องไห้โทรหาแม่บอกว่าขอกลับไปเรียนเชียงใหม่นะ... คิดถึงแม่... แต่ครั้งนี้แม่ไม่ให้กลับแล้วเพราะเขาบอกว่าให้โอกาสไปเรียนไอทีตามที่ใจอยากแล้ว เมื่อจะเปลี่ยนอีกแม่จึงไม่ยอมแล้ว
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เราคิดได้และโตขี้น
ใช่ครับ เพราะความเหนื่อยก็ทำให้พ้อยท์หันมามองแม่ ซึ่งแม่กับพ่อหย่ากัน แล้วแม่ต้องเลี้ยงพ้อยท์ พี่สาวพ้อยท์ ยายแล้วก็ลูกของน้องแม่หลายคนเลยทำให้รู้เลยว่าแม่ต้องเหนื่อยขนาดไหน พ้อยท์ก็ยังเจอพ่อแล้วพ่อก็มีช่วยเหลือบ้าง แต่ส่วนมากแม่จะหารายได้เอง เมื่อกลับบ้านไม่ได้พอเข้าปี 2
มีหน้าที่การงานให้รับผิดชอบมันก็ทำให้เราดีขึ้นครับ ผมก็เลยตั้งใจว่าจะทำงานซื้อบ้านให้พ่อแม่ พอสำเร็จก็ค่อยมาทำธุรกิจดูแลครอบครัวตัวเอง แค่นี้ผมก็พอแล้ว
ตอนนี้เรียนปีไหนแล้ว
ปีที่ 4 แล้วครับ เกรดฉุดลงนิดนึง 2.6 เพราะหลังๆ มามีงานทำทั้งเดินแบบ ถ่ายละครด้วยแต่ผมก็พอใจไม่ได้คิดจะต้องเอาเกียรตินิยม
พ้อยท์เข้าสู่วงการได้อย่างไรคะ
พี่ที่บ้านเห็นสูงเลยพามาเดินแบบที่กรุงเทพฯ จากนั้นก็ได้ถ่ายแบบแมกกาซีนอิมเมจ กับ Men Health หลังจากนั้นผู้ใหญ่ทางเอ็กแซ็กท์ ก็เห็นผมจากแมกกาซีน บอกว่าผมหน้าตา หุ่นรูปร่างใช้ได้ (สูง 190 ซม.) น่าจะเล่นละครได้ ก็เรียกเข้าไปคุยแล้วก็เซ็นต์สัญญา 5 ปี ตอนนี้ก็ผ่านมาประมาณ2 ปีครึ่ง หลังจากนั้นเขาก็ส่งผมไปเรียนแอ็กติ้งการแสดงที่เอ็กแซ็กท์ทุกวัน วันนี้ก็ยังเรียนอยู่มาประมาณเกือบปีครับ
พอได้มาเรียนการแสดงชอบมั้ย
ตอนแรกมาเรียนโดนว่าก็ไม่ชอบครับ เพราะผมเป็นคนสมองช้า เข้าใจช้า เลยโดนว่าตลอดเลยทำให้เบื่อไม่อยากเรียน แต่พอเรียนๆ ไปก็กลับรู้สึกชอบตีโจทย์ได้ สามารถจินตนาการไปตามบทได้ พอเราเล่นได้อาจารย์ชมผมก็รู้สึกสนุกขึ้น จึงทำให้เกิดแรงฮึดว่าเราจะต้องเล่นให้เก่งทำให้ได้ แต่ก็มีบางทีที่เราตั้งใจเกินไปมันก็ทำให้ดรอปลงครับ
แล้วมาเล่นละครเรื่องแรก "ธิดาแดนซ์" ได้อย่างไร
คุณแดง-สุรางค์ ไปเห็นผมในวันที่เปิดแอ็กซ์สตูดิโอ ครับ แล้วก็อยากให้ผมมาเล่นละครเรื่องนี้ ผมก็งงเหมือนกันว่าจริงหรือ...เพราะคิดว่าเราคงจะค่อยๆ ไต่เต้า ไม่น่าจะได้รับบทพระเอกเลย แต่มันก็เป็นจริงซึ่งผมจำได้ว่าวันเข้ากองวันแรกผมตื่นเต้นมาก แล้วก็เครียด กลัวเป็นตัวถ่วงเพราะผมรู้ว่าตัวเองเป็นคนสมาธิสั้น แต่ก็โชคดีที่นักแสดงรุ่นพี่ทุกคนคอยให้คำแนะนำผม
ที่บอกว่าสมาธิสั้นเป็นยังไง
เรื่องการจำบทก็มีบ้างแต่ไม่ได้เป็นปัญหา แต่ที่เป็นปัญหาก็คือผมจะชอบวอกแวก ตีภาพในตอนที่เราต้องแสดงยังไม่ค่อยออก พอเวลาจะออกมามีคนเดินผ่านมาภาพนั้นจะหายไปเลยมันจะเป็นแบบนี้ตลอด ซึ่งมีหลายคนสอนให้ผมใช้วิธีนั่งสมาธิ สวดมนต์ ตกปลาก็ได้แล้วใช้การเล่นดนตรีก็ทำให้สมาธิเรานิ่งได้...อะไรก็ตามที่ต้องใช้เวลานานมันช่วยเราได้ครับ ซึ่งผมชอบใช้วิธีเล่นกีตาร์เพราะเราชอบเสียงเพลงอยู่แล้วมันก็เลยโอเค
มาพูดถึงคาแร็คเตอร์ในละครเรื่องนี้กัน
พ้อยท์รับบท "เทิดไท" เป็นตำรวจ เวลาอยู่กับผู้บังคับบัญชาก็จะขรึมเงียบๆ แต่ถ้าอยู่กับลูกน้อง "จ่าเพิ่ม" คนทั่วๆ ไปเพื่อนๆ ผมก็จะแก่นกวนๆเฮฮาตามประสาวัยรุ่น ส่วนตอนปลอมตัวเข้าไปสืบคดีที่บ้านนางเอกเราเจอสาวๆ ก็จะคอยแซวคอยแหย่อะไรแบบนี้ครับ แล้วในความรู้สึกของผมมีหลายฉากที่ผมต้องเล่นตลกเหมือนกัน
ต่างกับตัวจริงของเรามั้ย
พ้อยท์เป็นคนตลกนะแต่เวลาเล่นมุขมันก็คนละแบบกับเทิดไท ปกติพ้อยท์จะตลกแบบกวนๆ คนอื่น แต่เทิดไทจะกวนกับตัวเองนะ
ในเรื่องนี้ได้แต่งเครื่องแบบตำรวจ ถูกใจไหม
ชอบมากเลย เพราะพ้อยท์เวลาเห็นคนใส่ชุดตำรวจก็อยากเป็นตำรวจนะ ทหารก็อยากเป็น แต่อยากเป็นตำรวจมากกว่าได้จับผู้ร้าย แถมตำรวจยังสามารถเป็นนักแสดงได้ด้วย 555 ก่อนเข้าวงการพ้อยท์เกือบไปสอบเป็นตำรวจแล้วนะ แต่เผอิญมีงานวงการบันเทิงเข้ามาก่อนก็เลยก้าวเข้ามาอยู่ตรงนี้
พอมาเล่นละครได้ใส่ชุดตำรวจก็รู้สึกถูกใจมากครับ
ฉากไหนที่คิดว่าเล่นยากที่สุด
ผมว่าซีนที่เล่นกับนางเอกตอนนางเอกจะตกน้ำ คือนางเอกจับได้ว่าเราเป็นตำรวจ ก็โกรธที่เราไปโกหกเขา คือพ้อยท์เข้าใจบทตรงนี้ แต่มองภาพจับจุดไม่ถูกว่าเราควรจะแสดงอารมณ์พูดน้ำเสียงออกมายังไง จะแรงก็ไม่ได้จะเบาก็ไม่ได้ ก็เลยพูดในแบบพ้อยท์ซึ่งก็คิดว่ายังทำไม่ดีพอ ค่อนข้างยากนะ
ได้ร้องเพลงประกอบละครด้วยเหรอ
ใช่ครับ ยากนิดหน่อยแต่ก็สนุกดี ปกติผมชอบร้องเพลงในห้องน้ำ แต่เสียงไม่ค่อยดีมากก็อยากให้ลองฟังดูในละคร เพลงที่ร้องจะสไตล์เพลงลุกทุ่ง ซึ่งพ้อยท์ไม่เคยร้องเลยใช้เวลาอัดชั่วโมงหนึ่ง ฟังแล้วดีใจมากเลยเพราะเป็นเพลงแรกที่เราร้อง
คาดหวังไว้แค่ไหนกับการแสดงเรื่องนี้
มันเป็นละครเรื่องแรกที่พ้อยท์แสดงก็อยากให้คนดูเยอะๆ เรตติ้งดีๆ เพราะนั่นแสดงให้เห็นว่าคนดูจะชอบเราหรือเปล่าได้ด้วยครับ
มีบทไหนที่พ้อยท์ อยากเล่นมั้ย
พ้อยท์อยากลองเล่นหลายๆ บทครับ บทพระเอกนิ่งๆ บ้าง หรือเหวี่ยงๆ บ้าง บทร้ายก็อยากเล่นเหมือนกันคิดว่าน่าจะสนุก แต่อาจารย์ที่สอนบอกว่าอย่าเล่นเลยเพราะเวลาเล่นร้ายผมหน้าตลก ซึ่งตอนในคลาสเรียนอาจารย์ก็ส่งบทร้ายให้ผมลองเล่นดูปรากฏเพื่อนๆ ที่เรียนหัวเราะผมใหญ่เลย แต่ถ้ามีโอกาสพ้อยท์อยากลองนะครับ
จะยึดอาชีพเป็นนักแสดงหรือไม่
พ้อยท์รู้ว่าวงการนี้ถ้าเราอยากอยู่นานเราก็ต้องเก่งจริงรักมันจริงๆ ซึ่งเมื่อก้าวมาอยู่ตรงเราก็พยายามทำให้เต็มที่ แต่ยังไงพ้อยท์ก็ไม่เคยคิดจะยึดการแสดงเป็นอาชีพที่ทำเพราะเพื่อให้พ่อแม่สบายก่อน อยากที่รู้กันอาชีพนี้หาเงินง่ายแต่ก็เหนื่อยนะ ก็คิดว่าถ้าอิ่มตัวเมื่อไหร่ก็คงจะเปลี่ยนงานโดยบั้นปลายอยากซื้อที่ทำสวน แล้วก็ทำฟรีแมกกาซีนเกี่ยวกับการเรื่องผลไม้การทำสวนอะไรแบบนี้
แม่ว่าอย่างไรบ้างจากเด็กเกเร มาเป็นพระเอกละครแล้ว
จริงๆ แม่เป็นคนชอบเรื่องตรงนี้นะ เวลาพ้อยท์ไปทำอะไรออกรายการไหนแม่ก็จะตามดู รู้เลยว่าชอบ แต่ยังไงแม่ก็อยากให้พ้อยท์เน้นเรียนมากกว่า รู้เลยว่าแม่ภูมิใจที่ผมเรียนดีขึ้นเปลี่ยนไปฉะนั้นถ้าเราเรียนจบแม่คงดีใจ แล้วเรื่องการแสดงพ้อยท์แน่ใจว่าหลังจากนั้นแม่คงสนับสนุนครับ"
สุดท้ายอยากฝากอะไรบ้าง
พ้อยท์อยากฝากผลงานละครทั้ง 2 เรื่อง ซึ่งเรื่อง ธิดาแดนซ์ พ้อยท์ตั้งใจมาก แต่ถ้ามีอะไรผิดพลาดก็ติชมเข้ามาได้ เพราะยังมือใหม่แต่ถ้าทุกคนให้โอกาสก็จะพยายามพัฒนาให้ดีขึ้น แล้วก็มีอีกเรื่อง อนิลทิตา ที่ผมตั้งใจมากเช่นกันก็อยากให้ติดตามด้วยนะครับ