จากคนเบื้องหน้าสู่เบื้องหลัง บททดสอบของ ‘นีโน่’
จากเส้นทางของคนเบื้องหน้ากว่า 25 ปีกับบทบาทการเป็นศิลปินนักร้อง นักแสดง และพิธีกร ที่มีผลงานปรากฏสู่สายตาคนทั้งประเทศไม่ต่ำกว่า 100 ชิ้นงานของผู้ชายอารมณ์ดีที่มีชื่อว่า “นีโน่-เมทนี บุรณศิริ” เชื่อได้ว่าไม่มีใครไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ เพราะด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวในเรื่องของวาทะ ทักษะการ เอนเตอร์เทน และความสามารถที่มีรอบด้าน “นีโน่” คือบุคคลคุณภาพระดับแถวหน้าของวงการที่มีแต่คนยอมรับในฝีมือ
“นีโน่” ไม่เพียงมีดีแค่งานเบื้องหน้า แต่บทบาทของคนทำงานเบื้องหลัง ผู้ชายคนนี้ก็มีดีพร้อมโชว์ และถือเป็นหนึ่งใน ตองอู ที่มีแต่คนเรียกหาและขอจับมือร่วมงาน ซึ่ง นีโน่ ได้เล่าให้ฟังถึงงานเบื้องหลังที่ผ่านมาว่า
“นีโน่ บราเดอร์ส เป็นบริษัทรับผลิตรายการโทรทัศน์และรับจัดงานออร์แกไนซ์ โดยที่ผ่านมามีรายการออกมาให้เห็นกัน 2 รายการ รายการแรกคือ รายการ The Adventure To Down Under ภารกิจพิชิตโลก ซึ่งออกอากาศทางช่อง 3 แต่ทำมาได้เพียง 2 ซีซั่นก็ต้องหยุดไป และอีกรายการคือ รายการ ‘Food Prince : เที่ยวกับลิง กินกับเจ้า’ ออกอากาศทางช่อง GMM One
และเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา ผมกับคุณหนิง-ปณิตา ร่วมกันเปิดบริษัทใหม่ที่มีชื่อว่า ‘บุหลัน ดั้นเมฆ’ ซึ่งเป็นบริษัท ในเครือนีโน่ บราเดอร์ส เพื่อรองรับงานผลิตละคร โดยเราเปิดประเดิมละครเรื่องแรกด้วย ‘หมัดเด็ดเสียงทอง’ ละครแนวซิทคอม ซึ่งออกอากาศทางช่องโมเดิร์นไนน์ ทีวี ถือเป็นงานที่ได้รับโอกาสที่ดีมาจากผู้ใหญ่ในวงการ อาทิ พี่กริช ทอมัส และผู้ใหญ่จากทางช่องโมเดิร์นไนน์”
แม้ “นีโน่” จะเคยผ่านงานเบื้องหลังมาบ้างแล้วในฐานะผู้ผลิตรายการ แต่การผันตัวมาจับงานทางด้านผู้จัดละครนั้น ถือเป็นโอกาสที่มาพร้อมกับภาระและความท้าทาย ซึ่งเจ้าตัวถึงกับเอ่ยปากยอมรับเลยว่า การเป็นผู้จัดละครไม่ใช่งานถนัด และต้องทำการบ้านเยอะพอสมควร เพื่อตอบโจทย์งาน
“การรับผลิตละครครั้งนี้ เป็นสิ่งที่เราต้องตั้งใจ เป็นงานที่ยาก และท้าทายในการทำการบ้าน ก็ถือว่าละครหมัดเด็ด เสียงทอง เป็นงานใหม่ที่เราเข้ามาอยู่บนช่องฟรีทีวีอีกอันหนึ่งเต็มๆ จริงๆ แล้ว ผมชอบละครเวที และถนัดเรื่องการผลิตรายการวาไรตี้มากกว่า แต่หนิงเขาจะชอบละคร เพราะฉะนั้นในส่วนของละคร ไม่ว่าจะเป็นละครซีรีส์หรือซิทคอมทั้งหมด หนิงจะเป็นคนดูแลส่วนใหญ่ ส่วนผมจะดูภาพรวม เพราะว่าผมไม่ชอบรายละเอียดจุกจิก เพราะฉะนั้น ผู้หญิงเขาจะรายละเอียดดีกว่า ส่วนตัวผมจะมองภาพกว้างๆ แล้วสั่งกันไป”
การเข้ามาลงแข่งในสนามของละครภาคค่ำในช่วงไพรม์ไทม์ ถือเป็นงานหินสำหรับผู้จัดมือใหม่ เพราะต้องสู้กับละคร ที่ล้วนแล้วแต่มีเรตติ้งค่อนข้างดีจนถึง ดีมาก จนยากที่รายการใดจะมาแย่งพื้นที่ไปได้ แต่สำหรับ นีโน่ แล้ว ความเก๋าและประสบการณ์ที่มีมาอย่างยาวนาน กลับช่วยให้เขาสามารถวางเกมโดยใช้แนวคิดทางด้านความแตกต่างมาสร้างจุดแข็งให้กับละคร และถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการช่วงชิงฐานผู้ชมจากช่องเบอร์หนึ่ง ได้แก่ ช่อง 3 และช่อง 7 ที่มีอย่างเหนียวแน่นมาให้ได้
“เรามองว่าถึงจะเป็นละครแนวตลก แต่เราเป็นตลกที่มีความแตกต่าง ละครเราจะเป็นตลกอิงความจริง มี 3-4 ตัว ที่เล่นเป็นการ์ตูน ส่วนตัวอื่นเล่นจริงหมด อย่างไผ่ เขาน่ารักด้วยตัวเขาเอง ความซื่อความน่ารักของไผ่ มีอยู่แล้วในตัว เพราะฉะนั้น ในเรื่องเขาต้องเล่นเป็นคนซื่อ บทเขียนมาให้ไผ่เลย และก็เป็นตัวตนของเขา อีกคนที่แสดงได้เก่ง และพัฒนาได้ดี คือตั๊กแตน ส่วนเอามันส์สุดตัวก็จะเป็นหญิงลี ไม่น่าเชื่อว่าเขาไม่เคยเล่นละคร ส่วนโกไข่กับนายสนชัดเจนอยู่แล้ว คนสนุกก็คือสนุก ละครเรื่องนี้จะเป็นเรื่องตลกเบาๆ มีเนื้อหา มีสาระอยู่ในตัว”
ส่วนเรื่องเรตติ้งเราหวั่นใจอยู่แล้ว เพราะว่าเราเป็นมือใหม่ของละครซิทคอมและนักแสดงเรา เป็นนักแสดงใหม่เป็นนักร้องลูกทุ่งทั้งนั้น แต่ว่าถ้าไม่มีอะไรใหม่ๆ ไม่มีใครกล้าฉีก ไม่มีใครกล้าทำอะไร ก็ไม่มีอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้น เพราะฉะนั้น เรามองว่าเราเป็นตัวเลือก สำหรับคนเบื่อหรือไม่อยากดูละครแบบนั้น ซึ่งนักแสดงที่เป็นศิลปินลูกทุ่งตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ จริงๆ อยากให้เปิดโอกาสกันมากกว่า และน้องๆ เก่งมาก เก่งแบบตกใจ เพราะเรียนการแสดงมานิดเดียว แต่พัฒนาการ ความเชื่อในตัวตนของตัวเอง ความเชื่อในคนแนะนำ ไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับ น้องๆ พัฒนาฝีมือได้ดีมาก”
การผันตัวจากคนเบื้องหน้ามาสู่คนทำงานเบื้องหลัง นีโน่ ถือเป็นนักแสดงรุ่นแรกๆ ที่เข้ามา กรุยทาง โดยมีนักแสดงรุ่นน้องจำนวนไม่น้อยดำเนินรอยตาม ซึ่งส่วนใหญ่มีเส้นทางการแจ้งเกิดในฐานะผู้จัดผ่านทางทีวีดาวเทียมและช่องฟรีทีวี ภายใต้สังกัดที่มีผลงานการแสดง ทั้งนี้ นีโน่ มองว่า การก้าวเข้ามาของนักแสดงรุ่นน้องในฐานะผู้จัดละคร เป็นอีกหนึ่งมิติของการพัฒนาวงการโทรทัศน์ไทย ซึ่งกำลังก้าวเข้าสู่จุดเปลี่ยนผ่านระหว่างทีวีระบบอะนาล็อกและทีวีดิจิตอลในอนาคต
“โดยทั่วๆ ไปก็คงจะเป็นเรื่องราวของการพัฒนาวงการเราอยู่แล้ว เนื่องจากว่าในอนาคตช่องสถานีมีเยอะ บุคลากร ยังไงก็ไม่พอ ทางที่ถนัดที่คุ้นเคยที่สุดนั่นก็คือ การแสดง เพราะฉะนั้นน้องๆ ที่ไปจับงานเป็นผู้จัดละคร ผมถือว่าเป็นเรื่องปกติ และเป็นเรื่องที่ดีที่ช่องเปิดโอกาสให้น้องๆ ศิลปินได้ทำ เพราะเห็นหลายอย่าง ศิลปินบางคนถ้าไม่ได้เล่นต่อเนื่อง หายเลย และผมถามว่าเขาจะไปทำอะไร เขาทิ้งอาชีพที่เขาอาจจะเคยทำอยู่มาตั้งนานแล้วเป็น 10 ปี แล้วไปทิ้งเขา เขากลับไปทำใหม่ เขาก็ตามคนอื่นไม่ทัน
ฉะนั้น สิ่งหนึ่งที่เขาจะทำต่อได้ นั่นคือการให้โอกาสเขา ให้อยู่ในวงการนี้ต่อไป ซึ่งผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี อีกหนึ่งประการสำคัญคือ นักแสดงจะเห็นมาเยอะ เพราะผ่านผู้จัดมาหลายคน ดังนั้น โอกาสที่นักแสดงจะเป็นผู้จัดที่ดี ผมว่า ค่อนข้างเยอะ ได้เห็นข้อดีข้อเสียของแต่ละกองมา และนำมาพัฒนาตรงนี้ และในขณะที่ช่องสถานีเพิ่มขึ้น ผมเชื่อมั่นว่า บุคลากรในตอนนี้ ไม่พอ ถ้าสังเกตผู้ช่วยกล้องเป็นช่างกล้องหมดแล้วตอนนี้ ถูกฝึกให้เป็นช่างกล้อง ดีไม่ดีก็ต้องโดนด่า แต่ก็ต้องฝึกให้ทำ เพราะไม่งั้นงานไม่พอ จะได้เยอะหรือได้น้อย อย่ามองเรื่องผลประโยชน์ เอาเป็นว่าเลี้ยงบริษัทให้อยู่ได้ก็พอ แต่ว่าโอกาสและดวงใครจะไปถึงจุดที่ยิ่งใหญ่อย่างพี่ๆ ที่เขาเป็นเจ้าของบริษัทมา อันนั้นต้องขึ้นอยู่กับความสามารถ ดวง จังหวะ โอกาส
นอกจากนี้ นีโน่ ยังมองถึงแนวโน้มอนาคตของผู้ผลิตรายการโทรทัศน์เพิ่มเติมด้วยว่า ผู้ผลิตรายการจะเป็นที่ต้องการของตลาดมาก และเชื่อว่าไม่เพียงพอกับความต้องการ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตรายการขนาดเล็กจะมีโอกาสเกิดเพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับการคัดสรรของเจ้าของสถานีโทรทัศน์ อย่างแกรมมี่ อาร์เอส หรือไทยรัฐ จะต้องเฟ้นหารายการเช่นเดียวกัน รวมถึง การวางกลยุทธ์เพื่อการแข่งขันระหว่างฟรีทีวีกับทีวีดิจิตอล หรือทีวีดิจิตอลด้วยกันเอง
“การแข่งขันของช่องฟรีทีวี หมากในการวางก็ต้องวางคล้ายๆ กัน เพราะฟรีทีวี เขาก็จะต้องสู้กับดิจิตอล ทีวีดิจิตอลเองก็ต้องสู้กับช่องฟรีทีวี เพราะฉะนั้น ความสนุกจะอยู่ตรงนี้ โลกของทุนนิยมคือการแข่งขัน ในที่สุดคุณภาพจะเป็นตัววัดว่า ใครทำได้ดีที่สุด ผมเชื่อว่า ช่องไหนคุณภาพเยอะ ช่องนั้นได้เปรียบ
อนาคตของคนเบื้องหลังในฐานะผู้ผลิตรายการและผู้จัดละครของผู้ชายอารมณ์ดี นีโน่-เมทนี ยังจะคงมีให้เห็นอีกยาวไกลและเตรียมจ่อคิวให้ได้เห็นฝีมืออีกหลายเรื่อง โดยเฉพาะรายการวาไรตี้ในช่วงดิจิตอลทีวี ซึ่งถือเป็นงานถนัดของเจ้าตัวเอง
“ละครเรื่องอื่นๆ กำลังดูอยู่ อาจจะมีเรื่องหรือสองเรื่อง ขึ้นอยู่กับสถานีว่าพิจารณาเมื่อไหร่ ถ้าพิจารณาแล้วโอเค ก็พร้อมที่จะทำ บอกเลยว่าเป็นละครก็จะเป็นฝีมือน้องหนิง แต่ถ้าเป็นรายการ ฝีมือผม เพราะเราถนัดทางนั้นมากกว่า โดยละครที่กำลังคุยอยู่เป็นละครทั่วไป เหมือนกับละครเย็น หลังข่าว เป็นเรื่องเขียนใหม่ เราเสนอไปในช่องฟรีทีวี 2 ช่อง ก็อยู่ที่ผู้ใหญ่ที่เขาจะกรุณาเรามากกว่า เพราะเวลาแบบนี้ มีค่ามากๆ มันเป็นเงินเป็นทองหมด การตัดสินใจ ไม่ใช่ว่ารักใคร แล้วจะให้ได้ ต้องดูผลงานกันด้วยว่า ทำออกมาแล้ว อยู่ได้ไหม ต้องสู้ด้วยเรตติ้ง ต้องแข่งขันกับช่องอื่นด้วย เพราะฉะนั้น เรตติ้งกลายเป็นตัวบีบบังคับผู้จัดมากที่สุด ทำให้หนักใจที่สุด เช่นเดียวกับ รายการวาไรตี้ ก็กำลังเสนออยู่ทั้งฟรีทีวีและดิจิตอลทีวี อย่างเช่น ไทยรัฐ เขาติดต่อเรามาตั้งแต่แรก ก็กำลังนำเสนอกันอยู่ เป็นอีกหนึ่งทางเลือก”
ถือเป็นอีกหนึ่งคนบันเทิงที่มีความสามารถรอบด้านทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังจริงๆ สำหรับผู้ชายขี้เล่น อารมณ์ดี คนนี้ “นีโน่-เมทนี บุรณศิริ”
จากคนเบื้องหน้าสู่เบื้องหลัง บททดสอบของ ‘นีโน่’
