ขบวนการนางนกต่อ ล่อดาราไปให้เสี่ย
เป็นเรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย แถมยังอยู่คู่วงการบันเทิงมาทุกยุคทุกสมัย จะเรื่องอะไรเสียอีก นอกจาก “ขบวนการ
นางนกต่อ” ที่เป็นฝ่ายจัดหา “ดารา” ไปประเคนให้ “เสี่ยกระเป๋าหนัก” กับคําอ้างที่ว่า แค่ไป “นั่งกินข้าว” กันในที่รโหฐาน อิ่มฟรีแถมมีตังค์เป็นแสนเป็นล้านให้ติดกระเป๋ากลับไปผลาญเล่นๆ เรื่องนี้ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดเมื่อไร เป็นที่ฮือฮาทุกที เพราะใครจะเชื่อว่าในวงการบันเทิงที่สวยหรู จะมีด้านมืดเช่นนี้ด้วย
เมื่อก่อน ‘กินข้าว’
คําว่า “กินข้าว” เป็นศัพท์เทคนิคตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหา รู้กันดีว่าแท้จริงแล้วความหมายของมันไม่ได้ตรงตัว เพราะหากมีการพูดถึงเรื่องนี้เมื่อไหร่แล้วล่ะก็ จะเป็นที่รู้กันว่า หมายถึงการมีอะไรที่นอกเหนือจากการกินข้าว ส่วนจะเป็นอะไรแค่ไหน อันนี้ต้องไปคิดกันเอง จากการเปิดเผยของอดีต “นางนกต่อ” กับ “ดารา-เดลี่” เล่าว่า เมื่อครั้งที่อาชีพนี้เฟื่องฟูที่สุด เมื่อ 15 ปี ที่แล้ว สมัยที่วิดีโอคาราโอเกะกําลังระบาด โดยเฉพาะที่นุ่งน้อยห่มน้อยจะได้รับความนิยมเป็นพิเศษ อ่านไปอาจจะงงว่าคาราโอเกะมาเกี่ยวอะไรด้วย มาถึงตรงนี้คงต้องบอกไว้ก่อนว่า เมื่อมีการเข้ามาของคาราโอเกะวับๆ แวมๆ บรรดาดาราทั้งดังและไม่ดังก็ถูกทาบทามให้มาเปลื้องผ้าเดินไปเดินมาประกอบเพลง ถ่ายลงวิดีโอคาโอเกะ ซึ่งนั่นหมายความว่านายทุนต้องยอมควักจ่ายหลายแสนต่อการว่าจ้างดาราดังมาแอ่นระแน้ ในชุดบิกินี เรื่องมันเริ่มต้นตรงที่ว่า “ขบวนการนางนกต่อ” จะเริ่มเข้ามาเลียบๆ เคียงๆ บรรดาดาราสาว ที่พาเหรดกันมาถ่ายคาราโอเกะ ตามโพยที่เสี่ยกระเป๋าหนักชี้นิ้วออร์เดอร์มา
อดีตนางนกต่อแฉเรื่องราวให้เราฟังต่อว่า พอได้รับออร์เดอร์เธอก็จะควานหาเบอร์โทรศัพท์ รวมถึงเบอร์เพจเจอร์ เพื่อที่จะกระหน่ำตามจิก “ฮัลโหล....สนใจรับงานกินข้าวไหม” บางครั้งก็ถูกแว้ดใส่ “ไม่ค่ะ มีเงินซื้อกินเอง” แต่หลายรายก็ “กินข้าวอย่างเดียวหรือเปล่าคะ” ซึ่งหากว่ามี “ซัมธิง รอง” ที่นอกเหนือจากการกินข้าวค่าตัวก็จะอัพไปอีกเท่าตัว แถมถ้าทําดีมีทิปอีกด้วย โดยส่วนใหญ่สถานที่นัดหมายเพื่อ “กินข้าว” จะเป็นห้องอาหารสุดลับตา โรงแรมหรูระดับ 4 ดาว 5 ดาว ซึ่งพอกรึ่มได้ที่ อาจมีการขึ้นไปนั่งนับขนตากันต่อบนห้องที่นางนกต่อเปิดไว้ล่วงหน้าแล้ว
เดี๋ยวนี้ ‘ช้อปปิ้ง’ แถม ‘กระเป๋า’
วิวัฒนาการของการ “กินข้าว” แปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา เข้าสู่ยุคดิจิตอล ที่ดูเหมือนว่าใครต่อใครก็ “วัตถุนิยม” ไม่เว้นแม้แต่วงการบันเทิง ที่พอหลายคนก้าวเท้าเข้ามาก็ไหลไปตามกระแส ต้องมีของแบรนด์เนมประดับบารมี เป็นดาราทั้งทีลืมไปเลยของ “เซินเจิ้น” ในเมื่อกระเป๋าแบรนด์ไฮเอนด์ไม่ใช่ถูก ใบนึงเป็นแสน หลายแสน ถึงหลักล้านก็ยังมี กว่าจะได้มาสักใบเล่นละครจนขาขวิด อย่ากระนั้นเลย ดาราหน้าใหม่บางคนเลยเข้าสู่วังวนของการรับจ๊อบ “กินข้าว” เพียงเพราะต้องการกระเป๋าแบรนด์เนมสักใบ นี่คือเรื่องจริง แต่เป็นแค่คนส่วนน้อย ซึ่งหลายรายเป็นเพียงแค่ตัวประกอบเท่านั้นเอง ไม่เฉพาะในกรุงเทพเมืองฟ้าอมร ที่จะถูกเลือกใช้เป็นโลเคชั่นสังเวยเสี่ยกระเป๋าหนัก หลายรายเลือกบินไปทํา “ธุรกาม” ยังต่างประเทศ เพื่อหลบสายตาของประชาชี ยิ่งไกลยิ่งดี เพราะการันตีได้ว่าไม่มีใครรู้จักเจ้าหล่อนแหงๆ แต่มีข้อแม้ว่า นอกจากค่า “กินข้าว” แล้ว ผู้มีอุปการคุณยังต้องบรรณาการด้วยการทิปเงินอีกเท่าตัว เพื่อให้คุณเธอทั้งหลาย “ช้อปปิ้ง” อะไรก็ได้ตามที่ต้องการ จึงเป็นที่มาของโค้ดลับ “ไปช้อปปิ้ง”
‘สิงคโปร์-ฮ่องกง’ โลเคชั่นฮิต
หากเปิดดูพาสปอร์ตของบรรดา “ดารา” ลูกสาวของบรรดา “นางนกต่อ” ร้อยทั้งร้อยจะผ่านการประทับตาเข้าออก “สิงคโปร์” และ “ฮ่องกง” กันคนละครั้งสองครั้ง นั่นก็เป็นเพราะบินง่ายไปสะดวก แถมยังใกล้บ้านเรา มีโรงแรมระดับไฮเอนด์เป็นดอกเห็ด ที่แน่ๆเป็นสวรรค์ของนักช้อปปิ้ง มีบ้างที่ระดับซุป’ตาร์จะรีเควสท์ขอ “ป๋าคะ” หนูอยากไปยุโรป ฝรั่งเศส อิตาลี ก็ว่าไป แต่คุณต้องดังจริงนะ เสี่ยและป๋าถึงจะยอมลงทุนเป็นล้านขั้นตอนพบปะของ “ผู้ซื้อ” และ “ผู้ขาย” มีทั้งบินไปไฟลท์เดียวกันแต่นั่งคนละที่ อารมณ์แบบไม่รู้จักกันมาก่อน และแยกย้ายกันไปเจอในห้องหับทีเดียวเลยก็มี ก็แล้วแต่วาระ
ตบตาเสี่ย ‘ดาราเซินเจิ้น’
หลายครั้งหลายคราที่มีคนเห็นดาราระดับนางเอก นั่งจิบไวน์ใต้แสงเทียนกับเสี่ยกระเป๋าหนัก จนเป็นที่เมาท์มอยต่างๆ นานา แต่ “นางนกต่อ” อีกคนหนึ่ง หัวเราะหึๆ ก่อนจะให้ข้อมูลลับสุดยอดกับ “ดาราเดลี่” ว่า “พี่คะ ที่เห็นน่ะนางเอกตัวปลอมนะ แค่คนหน้าเหมือน” เอาละสิ!! อาเสี่ยทั้งหลายฟังไว้ หลายคนคงเผลอช้อปปิ้ง “ดาราเซินเจิ้น” ของปลอมเลียนแบบไปโดยไม่รู้ตัว ปฏิบัติการย้อมแมวนั้น ทําไม่ยาก “นางนกต่อ” จะสรรหาสาวอ่าง หรือสาวๆ ที่ร้อนเงิน แต่ต้องมีคุณสมบัติพิเศษ ใบหน้าเหมือน หรือคลับคล้ายคลับคลาดาราระดับนางเอก นางรอง ก็ว่าไป มาจัดแจงเปลี่ยนทรงผม จับแต่งหน้า แต่งตัว ให้เหมือนที่สุด ที่สําคัญต้องดัดเสียงพูดให้ใกล้เคียง ไม่อย่างงั้นอาจโป๊ะแตกถูกจับได้ ถึงวันงานนางนกต่อจะตกลงกับดาราตัวจริง ว่า “หนูแค่กินข้าว” ส่วนคนบนห้องพี่หาไว้แล้ว ทําให้ดาราหลายคนเข้าใจว่าเธอแค่กินข้าวก็จบกัน โดยไม่รู้ว่ากําลังถูกเอาชื่อไปสวมรอยทําเรื่องอย่างว่า
บนห้องจะถูกเปิดไฟให้สลัวที่สุด ประกอบกับอาการเมามายของเสี่ย ก็ทําให้เกิดอาการมโนว่า ผู้หญิงตรงหน้าคือดาราที่ตนเองทุ่มจ่ายไปหลายแสน จนถึงล้าน โดยไม่เฉลียวใจสักนิดว่าทําไมถึงได้ถึงเนื้อถึงตัวง่ายดายขนาดนั้นนอกจากจะ “ย้อมแมว” ดังกล่าวแล้ว ยังมีการ “สวมรอย” ทําทีเป็นดาราคนนั้นๆ ตั้งแต่ขั้นตอนการนั่งกินข้าว ทั้งนี้หญิงสาวต้องเหมือนดารากันแบบร้อยต่อร้อยเลยทีเดียว เหมือนอย่างกับเป็นฝาแฝดเลยทีเดียว หากเป็นการสวมรอย นางนกต่อก็จะได้กําไรเยอะขึ้นเป็นเท่าตัว
‘ช้อต-แก่ ใจดี สปอร์ต กทม.’ ยังฮิต
ก่อนหน้านี้วลีฮิตติดปาก “แก่ สปอร์ต ใจดี กทม.” ฮิตฮอตอะล็อทออฟสุดๆ ในโลกออนไลน์ ซึ่งมีที่มาจากชายวัยกลางคนรายหนึ่ง ส่งข้อความสนทนาทางเฟซบุ๊คกับสาวหน้าตาดี ว่า “แก่ ใจดี สปอร์ต กทม.” พร้อมบอกว่าอยากช่วยจ่ายค่าผ่อนคอนโดฯหรือค่าผ่อนรถให้ แต่ผู้หญิงไม่เล่นด้วยและนําออกมาแฉ ชายคนดังกล่าวก็ย้อนถามว่า “สงสัยไม่ช้อต” จนทําให้ประโยคดังกล่าวกลายเป็นวลีฮิตข้ามคืน จนกระทั่งเกิดแฟนเพจในเฟซบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า “แก่ ใจดี สปอร์ต กทม.” นอกจากนี้ยังมีข้อมูลว่าชายเจ้าของวลีฮิต “แก่ ใจดี สปอร์ต กทม.” มีทวิตเตอร์และเฟซบุ๊คเรียบร้อยแล้ว ทุกวันนี้นางนกต่อจึงนําคําว่า “ช้อตมั้ย” หรือ “สงสัยไม่ช้อต” ไปเป็นรหัสลับ ในการทาบทามดาราร้อนเงินทั้งหลาย ถ้าเกิดช้อตขึ้นมา รับรองว่าได้ความอนุเคราะห์จาก “แก่ ใจดี สปอร์ต กทม.” แน่นอน