ในข้อหาหมิ่นประมาทเหตุโดนจดหมายข่มขู่มานานกว่า 10 เดือน ล่าสุดวันนี้ (21 พ.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. นางเอกสาวพร้อมด้วยคุณแม่ "กนกวรรณ จีระเวทยะนันท์" ก็เปิดใจแถลงข่าว ถึงกรณีข่าวที่เกิดขึ้นว่า
กรีน : อันดับแรกขอแนะนำก่อน คนนี้คือแม่ของกรีน อันดับแรกที่กรีนจะพูด ณ ตอนนี้ก็คือก่อนหน้านี้ที่มีข่าวกรีนไม่ได้ให้สัมภาษณ์นักข่าวที่งาน กรีนก็ต้องขอโทษนักข่าวทุกๆ คนจริงๆ ณ วันนั้นคือด้วยเรื่องมันมีการสื่อสารค่อนข้างเยอะเลยทำให้มีการเข้าผิดกันในตัวกรีนนะคะ เอาเป็นว่าวันนั้นเนี่ยกรีนก็ต้องขอโทษพี่ๆ นักข่าวๆ ทุกๆ คนจริงๆ ที่ทำให้เกิดความวุ่นวายชุลมุน แต่ ณ วันนี้ที่กรีนมาวันนี้ก็คือจะมาพูดถึงข่าวที่เกิดขึ้นแล้วซึ่งก็มีแม่มากับกรีนด้วยก็จะมาบอกว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง แล้วก็อยากให้ทุกคนได้ชี้แจงกระจ่างกันไปเลยค่ะ
อยากให้กรีนชี้แจง อยากพูดอะไรไหม?
กรีน : "ทุกคนคงอยากจะถามเกี่ยวกับเรื่องถอนฟ้องว่าทำไมพี่เคลลี่ถึงถอนฟ้องใช่ไหมค่ะ ก็จริงๆ แล้วเนี่ยต้องบอกว่าเรื่องมันก็ดำเนินมานานแล้วเรื่องการที่แบบว่ามีการสื่อสารที่ไม่เข้าใจกันบ้างแต่ก็มันก็ยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่นอนเลยทำให้มีปัญหาเกิดขึ้นมาแต่ว่าสุดท้ายเรื่องมันก็จบลงด้วยดีแล้วก็กรีนก็ต้องขอขอบคุณที่คุณพ่อให้โอกาสพี่เคลลี่ แล้วพี่เคลลี่ก็เข้าใจในตัวพ่อทุกอย่าง จบลงด้วยดีถือว่าไม่มีอะไรติดขัดไม่ได้มีการข้องใจกันไม่มีการบาดหมางกันอีกค่ะ"
เรื่องของกระแสสังคม เราเป็นยังไงบ้าง?
กรีน : "สิ่งนึงที่เราต้องรับให้ได้ถ้าอยากเข้ามาทำงานในวงการ แต่เสียใจไหม ลำบากใจไหมก็ต้องมีอ่ะค่ะแต่เราก็ต้องสู้ แต่สิ่งนึงที่วันนี้อยากออกมาพูดกรีนอยากจะกราบขอโทษคุณพ่อแล้วก็คุณแม่นะคะ อาจจะทำเรื่องที่ผิดพลาดแล้วก็เรื่องที่ไม่เหมาะสมทำให้มีปัญหาเกิดขึ้น ทำให้ไม่เข้าใจจนมาถึงทุกวันนี้คือกรีนอาจจะมองว่าตัวเองโตเป็นผู้ใหญ่ มีความรับผิดชอบทำให้ขาดความรอบคอบไปบ้าง แต่วันนี้คือเป็นบทเรียนให้กับตัวกรีนแล้วก็เข้าใจกันทุกคนทุกฝ่ายแล้วค่ะ แล้วกรีนก็รักทุกๆ คน"
หลังจากที่ถอนฟ้องคุณพ่อมีเงื่อนไขอะไรไหม?
กรีน : "ก็ได้คุยกันแล้วค่ะ ส่วนเรื่องข้อตกลงเนี่ยมันเป็นเรื่องภายในครอบครัวแต่มีข้อตกลงไหม กรีนก็บอกได้แค่ว่ามีค่ะ คือเราต้องคุยกันอยู่แล้วเพื่อให้เรื่องมันกระจ่างชัดเจนแต่ก็เป็นเรื่องที่ในครอบครัวเดียวกันค่ะ"
เห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ถึงขนาดผู้ใหญ่ช่อง 7 พักงานเลย?
กรีน : "ไม่จริงค่ะ เรื่องพักงานกรีนไม่สามารถพูดได้คงต้องไปถามผู้ใหญ่ทางช่องแหละว่าพักหรือไม่พักก็ต้องดูเรื่องของอนาคตว่าถ้าพักจริงๆ เนี่ยจะเป็นยังไงต่อไปก็ขึ้นอยู่กับเวลา แต่พักงานไหมกรีนก็ยังไม่เห็นมีผู้ใหญ่มาคุยเรื่องนี้ค่ะ"
เรื่องที่ว่ากรีนหนีออกจากบ้าน เป็นยังไง?
แม่ : "กรีนเค้ากลับบ้านค่ะ แต่เผอิญว่าเค้าเรียนทางด้านสถาปัตย์ เค้าจะจบแล้วต้องทำทีซิสค่ะ ยากเวลาเค้าอยู่หอใกล้ๆ เดินไปมหา’ลัยได้เลย ถ้าอยู่บ้านบ้านออกนอกเมืองเวลาขับรถเข้ามารถติดมากแล้วเค้าต้องตื่นเช้ามากไม่ไหวไปถ่ายละครด้วยเป็นแบบนักศึกษาทั่วไปเค้าอยู่หอเพราะว่าลูกสาวคนกลางก็อยู่เหมือนกัน"
เมื่อวานเคลลี่ได้มีการไปขอขมาคุณพ่อแล้ว?
กรีน : "ใช่ค่ะ ก็ได้มีการเข้าไปคุยแล้วก็มีการกราบขอขมาทั้งคุณพ่อคุณแม่ที่เข้าใจผิดก็ทุกอย่างก็จบลงด้วยดีเราก็คุยกันได้ค่ะ"
หลังจากนี้ไปก็ยังคบหากับพี่เคลลี่ได้เหมือนเดิมใช่ไหม?
กรีน : "อันนี้ต้องถามคุณแม่ค่ะ"
แม่ : "ก็คบได้ค่ะ อันนี้ก็ต้องเป็นเรื่องของอนาคตของเค้าสองคนเพราะว่าเราก็ไม่อยากให้คนกลางก็คือลูกสาวต้องเสียใจมากกว่านี้ค่ะ ไม่อยากให้สังคมประนามเค้าค่ะ เค้าเป็นเด็กกตัญญูเค้าไม่ใช่นะคะ เค้าเป็นเด็กที่รักครอบครัวมาก ถ้าใครได้เคยติดตามเค้ามาตั้งแต่เอเอฟจะรู้ว่าน้องกรีนเนี่ยเป็นเด็กที่รักครอบครัวมากๆ"
ตอนที่น้องกรีนโดนโจมตีคุณแม่ได้มีการปลอบใจพูดอะไรกับลูกบ้างไหม?
แม่ : "ก็บอกให้เค้าสู้ ก็บอกให้เค้าอดทนเพราะแม่ก็เคยอดทนมามากตั้งแต่เด็กแล้ว ก็ปลอบใจทุกอย่างค่ะ"
ตอนที่มีปัญหาใหม่ๆ แม่ได้มีการคุยกับพี่เคลลี่ไหม?
แม่ : "ก็ได้คุยบ้างนิดหน่อยก็ไม่ได้คุยมากค่ะ ส่วนใหญ่จะคุยกับลูกมากกว่า"
คิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันสะท้อนอะไรบ้าง?
กรีน : "ทุกเหตุการณ์จริงๆ แล้วให้บทเรียนกับเราหมดทุกอย่างแต่เหตุการณ์ด้วยการที่เราเป็นสาธารณชนคนก็รับรู้แต่เราก็รู้ตัวของเราว่ามันคืออะไรเรื่องจริงมันเป็นยังไง เรารู้ตัวว่าเราอยู่ ณ จุดไหนแต่ในสิ่งที่คนพูดเราก็ห้ามเค้าไม่ได้หรอกค่ะ แต่เอาแค่ว่าในครอบครัวเข้าใจกรีนกรีนก็พอแล้ว ไม่ทำบุพการีเสียใจไปมากกว่านี้นี้คือบทเรียนที่สอนกรีนมา ทุกคนต้องเกิดมารับผิดชอบอยู่แล้ว แต่ถ้าผิดพลาดแล้วไม่รู้จักทำตัวใหม่ก็ไม่ใช่คน ต้องรู้จักทำอะไรที่มันดีกว่านื้ทำตัวใหม่ทำตัวให้ดีขึ้นอันนี้ก็คือคนไทยก็ให้โอกาส"
ทำไมวันนั้นให้สัมภาษณ์?
กรีน : "คือว่าวันนั้นมันฉุกละหุกมากค่ะ คือเรื่องมันเกิดตอนวันศุกร์แล้วนักข่าวโทรมาหากรีนค่อนข้างเยอะมาก เราก็ไม่ได้มีการเตรียมตัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น จนวันเสาร์ด้วยความบังเอิญอะไรหลายๆอย่างก็เหมือนถูกจับมาให้มาสัมภาษณ์คู่กันอะค่ะ"
คนเลยกลายมองว่าเราต่อต้าน?
กรีน : "ค่ะจริงๆ มันไม่ใช่แบบนั้นแต่เรื่องมันผ่านมาแล้ว เอาเป็นว่า ณ วันนี้เราจบได้ด้วยดีแล้วเราจะไม่พูดถึงที่มันผ่านไปแล้ว"
หลังจากนี้เราต้องคิดให้มากกว่านี้ไหมเวลาจะทำอะไร?
กรีน : "ใช่ค่ะ ก็อย่างที่บอกว่าเป็นบทเรียนต้องรอบคอบกับสิ่งที่ทำมากกว่านี้ค่ะ ทุกคนทำอะไรก็ต้องมีผิดพลาดอยู่แล้วก็ต้องมีการรอบคอบมากกว่านี้ เมื่อเราจะโตทำงานตรงนี้เราก็ต้องโตไปพร้อมกับการทำงานด้วยต้องโตไปพร้อมกับความคิดของเราด้วย"
คุณพ่อมีฝากอะไรไหม?
แม่ : "คุณพ่อโทรมาเมื่อเช้านี้เค้าก็บอกไม่ติดใจอะไรแล้ว เคลียร์วันนั้นที่เคลลี่ก็ขอขมาเค้าแล้วก็จบแล้วอ่ะค่ะแล้วก็คุยกันก็เข้าใจก็โอเคก็ขอให้ทำตามเงื่อนไขนิดหน่อยตามที่คุยกันไว้อ่ะค่ะก็ไม่มีอะไรมาก"
ตอนเกิดเรื่องคุณพ่อคุณแม่มีโกรธเคืองพี่เคลลี่ไหม?
แม่ : "ช่วงแรกก็มีบ้างอะค่ะ พอหลังๆ ก็มาคุยกันเข้าใจกันก็ไม่มีอะไรแล้วเค้าได้ศึกษากันไป"
ให้น้องคบกันได้ระบุสถานะไหมว่าให้คบกันแบบไหน?
แม่ : "ก็เป็นเรื่องอนาคตของเค้าสองคน เพราะเค้าก็โตกันแล้ว แล้วน้องกรีนเค้าก็ตอนนี้ส่วนใหญ่ก็เน้นให้เค้าเรียนให้จบมากกว่า แล้วเค้าก้าวมาอยู่ตรงนี้แล้วแม่ก็ต้องให้เค้าเป็นคนตัดสินใจแม่ก็จะคอยอยู่เคียงข้างเค้าไป คอยแนะนำบางเรื่องบางอย่างที่อาจไม่ถูกต้องแค่นั้น"
ครอบครัวกรีนจะไม่เป็นอุปสรรค?
แม่ : "ไม่เป็นแล้วค่ะ เคลลี่ต้องคุย รู้จักเข้ามาหาคุยกันไปต้องใช้เวลาค่ะ"
ฝั่งเราก็เปิดใจแล้ว?
แม่ : "ค่ะก็เปิดใจ เพราะว่าไม่ติดใจอะไรแล้วอ่ะค่ะ ก็อยากให้เค้าเข้าหาครอบครัวอีกนิดนึงนอกนั้นก็ไม่มีอะไรแล้วค่ะ จริงๆ แล้วเค้าก็ไม่ใช่คนไม่ดีนะคะ เค้าเป็นคนดีแต่แค่บางเรื่องเราอาจคุยกันน้อยหน่อยเท่านั้นเอง ดูแลน้องกรีนก็ดีเหมือนกันก็อาจจะแบบครอบครัวเราออกจะหัวโบราณหน่อย"
แสดงว่าตอนแรกพี่เคลลี่ไม่ได้เข้าหาทางครอบครัวใช่ไหม?
แม่ : "เค้าก็เข้าหาแต่อาจจะพูดกันน้อยกว่า แล้วเผอิญพ่อเค้าอยู่ต่างจังหวัดซะส่วนใหญ่ก็เป็นห่วงลูกสาวอ่ะ คือพูดง่ายๆ คือหวงลูก ลูกผู้หญิงสามคนแล้วเค้าไม่ค่อยได้อยู่บ้านนานๆ มาทีเพราะเค้าจะทำงานต่างจังหวัดตลอด ตั้งแต่ลูกเล็กๆ แล้วเพราะว่าแต่ก่อนเรารับเหมาก่อสร้าง เพราะว่าเราสองคนก็ต้องช่วยกันค่ะ"
กรีน : "กรีนว่าพี่เคลลี่คงรู้ค่ะว่าต้องทำยังไง" ♦







 
		


 
				





