ว่า “หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย” ซึ่งเคยเปิดธุรกิจร่วมกันกับน้องสาวคนละแม่กับตนร่วมหุ้นกันเปิดธุรกิจส่วนตัวน้ำแข็งใส “ไอซ์ มอนสเตอร์” หรือในนาม “บริษัท ไอดูไอซ์ จำกัด” แต่ตนไม่เคยได้รับเงินปันผลเลยแม้แต่น้อย ได้รับแค่เงินเดือนพนักงานตามปกติ
และก่อนหน้านี้หนุ่มก็เปิดเผยว่าจะทำการยื่นฟ้องศาลเพื่อให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับปัญหาคาราคาซัง ล่าสุดวันนี้ 18 เมษายน 54 หนุ่มได้เดินทางไปยังศาลอาญา จังหวัดนนทบุรี อีกครั้งหนึ่ง โดยการไปศาลครั้งนี้หนุ่มก็เผยให้ฟังถึงความคืบหน้าว่า...
วันนี้มาทำอะไร?
“วันนี้มาไต่สวนนัดแรกที่ศาลอาญาครับ คดีไอซ์มอสเตอร์”
ก่อนหน้านี้บอกว่ามีการไกล่เกลี่ยกันแล้ว?
“ไม่มีการไกล่กลี่ยกันเลยครับ แล้วก็มีการร้องต่อศาลไปแล้ว ทางฝั่งเค้าก็มาขอเจรจามาแล้ว 3 รอบ ผมก็ได้เจรจาไปแล้ว คือ เราขอเข้าไปตรวจสอบบัญชีของบริษัท ปรากฏว่าไม่เคยได้เข้าไปตรวจสอบเลย ก็รู้สึกว่ามันไม่มีความบริสุทธิ์ใจ ถ้าคนเราบริสุทธิ์ใจก็ต้องให้เราเข้าไปตรวจสอบ เพราะ เราเป็นผู้ก่อตั้งด้วย เป็นผู้ถือหุ้น เป็นประธานบริษัท แล้วเป็นคนที่นำชื่อเสียงมาสู่ไอซ์มอนสเตอร์ด้วย แต่เราไม่เคยได้รับเงินปันผลอะไรเลย แล้วก็ไม่เคยมีการประชุมผู้ถือหุ้นอะไรเลย และก็นำชื่อเราออกจากผู้ถือหุ้นโดยที่เราไม่ทราบอะไรเลย”
แล้วคู่กรณีเค้าว่าไงบ้าง?
“ก็บอกว่าจะเอาเอกสารมาให้ผมดู เอาเกี่ยวกับเรื่องบัญชีมาให้ดู แล้วปรากฎว่ามันไม่เคยได้ดูเลย คือเคยได้ดูแต่ก็นานมาแล้วได้ดูตอนที่เค้าบอกว่ามันขาดทุน ผมก็อยากจะถามกลับไปว่าร้านเปิดมา 5 ปี เฟรนไชส์ทั้งหมด40 สาขา เนี่ยจะขาดทุนได้ไง เป็นไปไม่ได้ถ้าขาดทุนคงปิดไปแล้วล่ะ จะมีใครมานั่งแบกรับภาระขนาดนั้น อีกอย่างผมไปตรวจสอบมาแล้วมันไม่ได้เป็นอย่างที่เค้าพูด”
คิดว่าเงินที่ควรได้รับมันขาดไปประมาณเท่าไหร่?
“ตรงนี้ยังต้องรอผลสรุปอีกที คือเรามีหุ้นกี่เปอร์เซ็นเราก็ควรจะได้เท่านั้น แล้วก็เงินที่เราลงทุนไป รวมถึงเราต้องโปรโมทให้เค้า อันนี้ตามกฏหมายเราก็มีสิทธิ์อยู่แล้ว”
มีการคุยกันมั้ยว่าหนุ่มจะได้ถือหุ้นกี่เปอร์เซ็น?
. “ก็เท่าๆ กันหมดครับ ตอนแรกทีทั้งหมด 57 หุ้น บางคนก็ถูกถอดออกไปแบบวิธีของผมเหมือนกัน แต่เค้าก็เคลียร์กันได้จบกันไปแล้ว ส่วนน้องชายอีกคนก็ถูกบีบจนกระทั่งต้องขอซื้อหุ้นคืน แล้วก็มีกรณีของผมเนี่ยที่ถูกถอดไปโดยไม่รู้มาก่อน”
ก่อนหน้านี้คู่กรณีบอกว่าทาง “หนุ่ม” ไม่ชัดเจน คืออะไร?
“ผมก็ยังงอยู่เหมือนกันว่าไม่ชัดเจนมันคืออะไร เรื่องของเรื่องที่เค้าพูดอย่างนี้เมื่อประมาณเดือนธันวาคม เราได้มีการพุดคุยกันแล้วผมก็ทวงถาม ว่าตกลงจะเอาอย่างไง เค้าก็บอกงั้นก็แยกกันไป ผมก็บอกมันไม่ยุติธรรมนะเพราะผมก็ลงทุนลงทุกอย่างไป เค้าก็ถามว่าพี่หนุ่มจะเอาไง ผมก็บอกขอเวลาคิดก่อนแล้วกัน หลังจากนั้นเขาก็เปิดตัวแบรนด์มาสเตอร์เป็นตัวตุ๊กตุ่นอะไรของเค้า แล้วเค้าก็เอาโลโก้ผมออกไป วันนั้นผมไปเจอนักข่าว แล้วนักข่าวเลยมาถามผม ตัวผมเลยบอกถ้างั้นก็จบแล้วล่ะ เค้าไม่ได้รอคำตอบจากผมจริงๆ ถ้าทำอย่างนั้นเนี่ยมันชัดเจนอยู่แล้ว ผมก็เลยคิดว่าคงไม่ต้องพูดอะไรกันมากให้ศาลตัดสิ้นละกัน แต่มันก็ไม่เกี่ยวกับความชัดเจนไม่ชัดเจน เพราะการที่เขาเอาชื่อผมออกตั้งแต่ปี 52 เขาเอาออกไปได้ไง”
คาดหวังอะไรกับการไต่สวน?
“เชื่อว่าศาลคงมีความยุติธรรมอยู่แล้วครับ เพราะว่าเอกสารของเราก็มีครบ 100% ถ้าคิดตามหลักความเป็นจริงคนเราทำธุรกิจร่วมกัน เราลงทุนลงทุกอย่างไปแต่สุดท้ายเงินปันผลเราไม่เคยได้เลย ไม่เคยมีความชัดเจนอะไรเกิดขึ้นในบริษัทเลย ขอดูบัญชีก็ไม่ได้ดู ได้แต่เงินเดือนไปเรื่อยๆ เป็นใคร ใครก็สงสัย คือ ที่ผ่านมาผมไว้ใจมากพอแล้ว 5 ปีที่ผ่านมาก็น่าจะมีความชัดเจนให้ผมบ้าง ถามว่าคาดหวังจะชนะ 100 % รึเปล่า บอกไม่ได้ว่า 100% รึเปล่า ไม่รู้ว่าเขาจะเอาเอกสารอะไรมายื่นบ้าง จะมาหักล้างกับสิ่งที่เรามีบ้าง”
ที่มาฟ้องนี้คือ?
“ก็ต้องการรู้ทั้งหมดทุกเรื่องครับ ต้องให้ศาลท่านวินิจฉัย”
มีการเรียกร้องค่าเสียหายไหม?
“มีครับ วันนี้ก็คงไต่สวนเลย คงไม่ยอมไกล่เกลี่ยแล้ว เราก็แค่ต้องการความชัดเจนเท่านั้นเลย”
เรียกร้องค่าเสียหายไปเท่าไหร่?
“อันนี้อยู่ที่ศาลครับ ตัวเราบอกไปแล้วว่าขอดูก่อนว่าบัญชีทั้งหมดมีรายรับ-จ่าย เป็นไงบ้าง ผมก็ไม่ได้จะไปเอาแค้าเกินเหตุก็แค่ต้องการในส่วนของผลเท่านั้นเอง”
เข็ดทำธุรกิจกับญาติมั้ย?
“ถามว่าเข็ดมั้ย ผมไม่เข็ดกับการทำธุรกิจนะ แต่ถ้าทำกับญาติพี่น้องเนี่ย ยอมรับว่าเข็ดครับ ♦