เรื่องย่อละคร : เคหาสน์สีแดง

เรื่องย่อละคร : เคหาสน์สีแดง

1

        แต่ถึงอย่างไร อานุภาพความดี และความจริงก็จะทำให้ความโกรธแค้นชิงชังนั้นหมดไปได้

เมื่อ "พลตรีพลแสนเสนีณรงค์" ( สุเชาว์  พงษ์วิไล ) พ่อของ "รุจ" ( แอนดริว   เกร้กสัน ) รับ "อัมพา" ( ชลิดา เถาว์ชาลี ) ภรรยาของญาติสนิทที่เสียชีวิตและมีลูกติด  เข้ามาอยู่ใต้ชายคาเคหาสน์สีแดง  รุจก็เหมือนโดนแย่งความรักจากหญิงที่เขาเห็นว่าเป็นจอมมารยาคนนั้น  เมื่อพวกเขาเข้ามาแทนในที่ที่เขาควรได้รับแต่เพียงผู้เดียวไป ทำให้หัวใจเด็กน้อยเต็มไปด้วยความชิงชังโกรธแค้น และพยายามหลีกหนีให้ไกลจากผู้หญิงจอมมารยากับเด็กหญิงที่เขาคิดว่าเข้ามาแย่งของของเขาไป เขาไม่ต้องการอยู่ร่วมกับสองคนแม่ลูกจึงคอยหลบหลีกให้ไกล หลังจากที่หนีไปอยู่โรงเรียนประจำแล้วรุจได้ไปศึกษาต่อต่างประเทศด้านการแพทย์เป็นเวลา 15 ปี ที่ประเทศอังกฤษ ยิ่งได้รู้ว่าภายหลังอัมพา  เป็นภรรยาของพ่อ  รุจปฏิเสธไม่ยอมกลับมาเมืองไทยอีกเลย

พลตรีพลแสนเสนีณรงค์เสียชีวิตอย่างปัจจุบันทันด่วนก่อนที่จะได้เห็นลูกชายจบการศึกษาได้เป็นนายแพทย์ที่มีความรู้ความสามารถเยี่ยมยอด  และไม่ทันที่ให้ลูกชายได้ดูแลรักษาตน  หลังจากนั้นไม่นาน ต้องถึงกำหนดที่รุจจะต้องกลับมาประเทศไทย  แต่เขาก็ปฏิเสธที่จะกลับมาที่เคหาสน์สีแดง  แต่ทำเรื่องขอ ไปรับราชการที่ภาคเหนือ ทุกคนในเคหาสน์สีแดงต่างรอคอยบุคคลที่จากไปแสนนาน  แต่ไม่มีเสียงตอบรับจากรุจ จนกระทั่งอัมพาเสียชีวิตไปอีกคนจึงมีข่าวจาก"ขุนประจญคดี" ( รอง  เค้ามูลคดี ) ทนายความประจำตระกูลรุจิโรจน์ว่ารุจจะกลับมา

เคหาสน์สีแดงที่เขาจากไปเมื่อครั้งยังเด็กก็ยังไม่แตกต่างไปจากเดิม เขากลับมาสู่อ้อมอกแม่ๆทั้งสาม "แม่ละม่อม" ( เมตตา รุ่งรัตน์ ) "แม่พร้อม" ( โฉมฉาย ฉัตรวิไล ) และ "แม่พิน" ( ศิริพร วงศ์สวัสดิ์ ) พี่เลี้ยงที่เคยดูแลเขาเมื่อยังเป็นเด็ก ต่างดีใจที่ได้ดูแลคุณหนูของพวกเขาอีกครั้ง แต่บุคคลแปลกหน้าผู้หนึ่ง...... "อารยา" ( ณัฐวรา   วงศ์วาสนา ) ลูกสาวของอัมพาผู้หญิงที่เขาเกลียดที่สุด  ผู้หญิงที่แย่งความรักของพ่อจากเขาไป ทั้งแม่และลูก ความเคียดแค้นไม่ได้ลดลงไปตามกาลเวลา กลับเพิ่มความชิงชังที่จะต้องอยู่ร่วมบ้านเดียวกันอีก  ภายใต้หน้ากากสุภาพบุรุษเต็มไปด้วยวาจาถากถาง  และกิริยาแข็งกร้าว ทำให้อารยารู้สึกอึดอัดที่จะต้องอยู่ร่วมบ้านกับเขา  ถ้าไม่ได้บรรดาแม่ๆทั้งสามให้ความรักความอบอุ่น  รวมถึงเพื่อนบ้าน ที่แสนดีอย่างบ้านพนาเวส ทั้ง"คุณนายพนาเวส" ( ทัศน์วรรณ  เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา ) "วัฒนา" ( ศีกัญญา ศักดิเดช ภาณุพันธ์ ) และ "ชาลี" ( กิตติพิชญ์  นิลนพรัตน์ ) ที่คอยดูแลเอาใจใส่  โดยเฉพาะชาลีที่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุด และรักเทิดทูนอารยายิ่งกว่าใคร

รุจทุ่มเทชีวิตเขาให้กับการศึกษาวิจัยทางการแพทย์ ไม่สนใจแม้กระทั่งสมบัติ หรือคู่รักแสนสวยของเขา "เสาวรส " ( ชาม ไอยวริญท์ ) คบกับหมอหนุ่มมานาน  แต่ดูเหมือนไม่มีสัญญาณผูกมัดใดๆจากรุจได้เลย เขาทุ่มชีวิตให้กับงาน เสาวรสไม่รู้ว่าตัวเธออยู่ที่ส่วนไหนของชีวิตเขา เมื่อกลับมาเมืองไทยพร้อมกัน เสาวรสได้พบเพื่อนชายมากหน้าหลายตา คนหนึ่งคือ "ภาคินัย" ( ศรุต  วิจิตรานนท์ ) ที่นอกจากจะมีรูปร่างหน้าตาคมเข้มสมชายไทยแล้ว ยังมีทรัพย์สมบัติมากมาย  ที่เสาวรสไม่คิดว่ารุจจะมีได้เทียบเท่าเพราะจนถึงบัดนี้  เสาวรสยังไม่เคยได้เหยียบย่างไปที่บ้านรุจิโรจน์ เคหาสน์สีแดงคร่ำที่ยืนสง่างามสมอัครฐานของสกุลเก่าแก่ ดังนั้นเสาวรสจึงใช้เวลาที่รุจอยู่ในห้องแลป ออกเที่ยวเตร่กับภาคินัย หนุ่มสังคมหรูหราฟู่ฟ่า เมื่อเป็นเช่นนั้นรุจจึงขัดแย้งค่อนข้างรุนแรงกับเสาวรสและจบลงด้วยการห่างเหินจากกัน

น่าแปลกที่ความสัมพันธ์ไม่ราบรื่นกับเสาวรสทำให้หมอรุจนิ่งขึ้น  สงบขึ้น ไม่มีใครเห็นความเศร้าเสียใจ ทุกคนเห็นรุจคร่ำเคร่งทำงานมากขึ้นกว่าปกติ  ตัวของเขาเองเท่านั้นที่รู้สึกอ้างว้างอย่างประหลาดเหมือนอยู่โดดเดี่ยวในคฤหาสน์อันกว้างใหญ่ และวันหนึ่ง ขุนประจญคดีปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับจดหมายฉบับสุดท้ายของพลตรีพลแสนเสนีณรงค์ ผู้บิดา

ไม่มีอะไรจะทำให้รุจรู้สึกโกรธแค้นเสียใจไปมากกว่านี้อีกแล้วเพราะเขาเกลียดทั้งอัมพาและอารยาลูกสาวของหล่อนเหมือนเป็นสิ่งที่สกปรกที่สุด  ดังนั้นข้อความในจดหมายฉบับนั้นไม่ได้ทำให้รุจเกลียดสองแม่ลูกไปมากกว่านี้ แม้ว่ามันจะรุนแรงชนิดที่เขาไม่คาดคิด นั้นคือคุณพ่อของเขาต้องการให้รุจแต่งงาน  กับอารยา  รุจปฏิเสธเด็ดขาด  ต่อให้เขาสิ้นเนื้อประดาตัวเขาจะไม่มีวันยอมแต่ง  ท่านขุนทนายความไม่โต้ตอบแต่อย่างใด  มีแต่สีหน้าและแววตาลึกซึ้งเท่านั้นที่บ่งบอกความนัยบางอย่าง

ความเกลียดที่ครอบงำในจิตใจทำให้รุจเฝ้าสังเกตอารยา  หญิงสาวที่อยู่ต่อหน้าเขาจะนิ่งเฉยเรียบร้อย แต่เมื่ออยู่กับชายหนุ่มข้างบ้านกลับเบิกบาน  คุยเล่นร่าเริงแจ่มใส หรือเมื่ออยู่กับแม่ๆทั้งสามจะสามารถ   ทำงานบ้าน  งานเย็บปักถักร้อยได้อย่างแคล่วคล่อง  และเป็นที่รักของแม่ๆ รุจเฝ้าแต่คิดว่าเธอต้องเป็นหญิงมารยาอย่างอัมพา  นี่หรือคนที่พ่อของเขาจะให้แต่งงานด้วย  แม้แม่ทั้งสามจะเล่าถึงความดีงามของสองแม่ลูก แต่ดูเหมือนรุจไม่ได้ใจอ่อนลงเลย  กลับตั้งข้อกังขาในตัวอารยามากขึ้นกว่าเดิม โดยมี "ยายจ้วน" ( จุรี  โอศิริ )  คนเก่าคนแก่ที่คอยเติมเชื้อไฟความรังเกียจให้รุจ  คนที่คับอกคับใจในการอยู่เคหาสน์สีแดงจึงเป็นอารยา เธอรู้ดีว่าตัวเธออยู่ในสายตารุจทุกฝีก้าว เพราะเขาได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ปกครองของเธอ  และเจ้าของบ้านที่เธอต้องอยู่อาศัย ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็เป็นผิดในสายตาเขาเสมอ  โดยเฉพาะเมื่อเธอพบกับชาลี  ไม่ว่าจะเล่นหัวสนุกสนานกัน หรือคุยกันเงียบๆ หรือนั่งอ่านหนังสือกันเงียบๆ เธอรู้สึกได้ตลอดเวลาว่าเขาไม่พอใจ

วันหนึ่งรุจรักษา "นายชาญ" ( ศิววงศ์  ปิยะเกศิน ) คนไข้ที่ถูกทำร้ายเนื่องจากโดนเจ้าของบ้านที่ชาญลอบเข้าไปขโมยทรัพย์ จับได้และถูกแทง  สุดท้ายนายชาญก็ได้ถึงแก่ความตาย นายชิด พ่อนายชาญโกรธแค้นหมอรุจมากที่ทำให้ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน  ที่ขาดแม่ถึงแก่ความตาย  ชิดเข้ามาจะทำร้ายหมอรุจประกาศว่า เขาเป็นผัวเก่าของอัมพา

แม่เลี้ยงของรุจ  รุจรู้ใช่ไหม  ถึงได้แกล้งรักษาให้ชาญตาย  เมื่อรุจได้ยินเรื่องราวของสาวน้อยในอาณัติของเขา แม้เธอจะเป็นที่รักของคนในบ้านและคนรอบข้าง  แต่อารยามีปูมหลังที่สกปรกโสมม  เขารู้ประวัติของแท้เธอดี เพราะเขาพบและได้ยินด้วยตนเองว่านายชาญเคยมาหาอัมพา  ทั้งสองคนเป็นชู้ต่อกัน

อารยาไม่เคยได้รับรู้เรื่องราวของแม่ตนเอง  จึงกลายเป็นจำเลยที่ไม่รู้เรื่องราว  เมื่อโดนรุจค่อนเหน็บ  จึงต้องงงงวยตามผู้ชายอารมณ์ร้ายไป  กลางดึกคืนหนึ่ง  เมื่อนายชิดบุกเข้ามาจะฆ่ารุจ  อารยาตื่นขึ้นมารับรู้ถึงเรื่องราวอันสกปรกของแม่เธอ  ที่เคยมีลูกกับชายชู้  อารยาทนรับสิ่งที่เธอได้ยินจากชายคนนั้นไม่ได้  และยิ่งคิดว่ารุจคงไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไป  เธอต้องเจอกับวาจาอันโหดร้ายของรุจอีก อารยาตกใจจนสลบไป

นายแพทย์รุจ  รุจิโรจน์  มองร่างที่ซวนเซล้มลง เห็นสีหน้าขาวซีดสลดร่างกายปวกเปียกดุจลมหายใจขอดหายไปแล้ว เขาโอบร่างนั้นไว้ในอ้อมแขนกอดประทับ และถ่ายทอดความอบอุ่นให้แก่ร่างน้อยที่เย็นชืดเหมือนก้อนหิน อะไรบางอย่างที่เขาไม่รู้ตัว จะเพราะจรรยาแพทย์ หรือเพราะความรู้สึกบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในใจทำให้เขาขอให้อารยาแต่งงานกับเขา เห็นดังนั้นจึงคิดว่า เพราะสุภาพบุรุษอย่างเขาที่ไม่เคยทำร้ายผู้หญิง กลับมาทำร้ายคนใกล้ตัวเขาเอง  รุจแสดงความรับผิดชอบด้วยการขออารยาแต่งงานกับเขา อารยางุนงง ต่อการกระทำของรุจมาก  เพราะก่อนหน้ายังตำหนิติเตียนเธอและแม่อย่างเสียๆหายๆ และจู่ๆก็มาขอเธอแต่งงาน ด้วยความอับอาย และไม่เข้าใจการกระทำของรุจ เธอจึงหนีออกจากเคหาสน์สีแดงในวันรุ่งขึ้น  บอกตัวเองว่าไปผจญชะตาชีวิตข้างนอกดีกว่าต้องทนอับอายขายหน้าจากชายผู้นั้น  อารยาไม่เชื่อและไม่ไว้ใจคนใจแข็ง เป็นหินอย่างรุจ

รุจเฝ้าเป็นห่วงอารยา  เมื่อเธอจากไป  ถึงแม้ว่าแม่ของเธอจะมีความหลังที่เลวร้าย แต่รุจเริ่มคิดได้ว่าสาวน้อยคนนั้น  ไม่น่าที่จะได้รับรู้เรื่องราวอันเลวทรามของแม่เธอมาก่อน  เธอเป็นผู้หญิงสาวต้องระเหเร่ร่อนออกจากบ้านไปคนเดียวเช่นนั้น  ยิ่งเขาเป็นต้นเหตุทำให้อารยาต้องหนีไป ยิ่งทำให้เขารู้สึกผิดเป็นทวีคูณเขาทำผิดยิ่งขึ้นที่ไปคาดคั้นหาตัวอารยาจากชาลี  นอกจากชาลีจะปฏิเสธเด็ดขาดว่าไม่รู้เรื่องแล้ว ยังเอ่ยวาจาเสียดแทงใจว่าเขาควรจะพอใจที่อารยาพ้นไปจากเคหาสน์สีแดงเสียได้

เมื่ออารยาออกจากบ้านรุจิโรจน์นั้น เธอไม่สบายจนต้องเข้าโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ได้พบกับ "ฉลวย" ( ยุพาพักตร์ วัชราภัย ) พยาบาลที่แอบหลงรักหมอรุจ  เมื่อฉลวยทำงานที่โรงพยาบาลเก่าที่หมอรุจประจำอยู่ ทั้งสองคุยกันถูกคอ แม้ว่าจะไม่มีใครคุยกันเรื่องส่วนตัวเลยก็ตาม  ระหว่างนั้นอารยาติดต่อชาลี  เพื่อให้ชาลีช่วยหางานให้เธอชาลีนั้น อยากให้อารยามาอยู่ด้วยกันเป็นที่สุด  แต่เพราะยังเป็นนักเรียนทหารอยู่จึงทำได้แค่ให้ไปทำงานกับเพื่อนที่ตนรู้จักเท่านั้น

หมอรุจรู้เรื่องอารยาจาก "หมอกิจจา" ( การิน  ศตายุส์ ) เพื่อนนายแพทย์และฉลวย เขารีบรุดไปหาที่โรงพยาบาลทันที แต่ทว่าเมื่อเขาไปถึงก็ได้รู้ว่าคลาดกันแค่เสี้ยวนาที "นารี" ( ณฐมน ปัญญาวราศัย ) เพื่อนพยาบาลของฉลวยรายงานว่า  อารยาออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว  จะตามเธอได้ที่ไหนละนี่ เขาจะไม่มีวันไถ่บาปที่ทำไว้กับเธอเลยหรือ

เพื่อนของชาลีอยู่เมืองเหนือ และโลกก็พิสูจน์ความกลมอีกครั้งเพราะเพื่อนคนนั้นคือ ภาคินัย  อารยาได้ไปทำงานอยู่ที่ไร่รวงผึ้งเพื่อดูแล "ภคินี" ( พรรษชล  สุปรีย์ ) น้องสาวที่เป็นอัมพาต  สาวน้อยหน้าตาสดใสแต่อนิจจาไม่สามารถเดินได้อย่างเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน  เพราะประสบอุบัติเหตุ และไม่มีหมอคนไหนสามารถรักษาได้  ภคินีไม่ใช่คนพิการที่ถูกทอดทิ้ง  เธอได้รับการเลี้ยงดูที่อบอุ่นจากน้า "สังวาลย์" ( ดวงใจ  หทัยกาญจน์ ) น้องฝาแฝด "ดาริกา" ( พิมพ์ชนิตว์  สฤษฎิ์วงษ์ ) - "กุมารี" ( พิมพ์มาดา  สฤษฎิ์วงษ์ ) และพี่ชาย ผู้ที่รักเธอเหนือสิ่งอื่นใด เมื่อได้พบกันครั้งแรกทุกคนในบ้านชื่นชอบอารยาเป็นอย่างมาก เพราะอารยามีความสามารถทั้งทางด้านการเรือน  ดูแลเด็กๆ ทั้งดาริกาและกุมารี  ทำให้เด็กทั้งสองต่างหลงรักครูคนใหม่ สิ่งที่อารยาทำให้ทุกคนพอใจที่สุดคือ เธอเป็นทั้งพยาบาลและเพื่อนพูดคุยกับภคินีได้อย่างดี ภาคินัยเองก็ค่อยๆหลงรักอารยาด้วยอีกคน เพราะความใสซื่อ ร่าเริงแจ่มใส และจริงใจของเธอ

ความสัมพันธ์ของทั้งสองเจริญงอกงาม ดั่งเหมือนพืชในไร่ของภาคินัย จนภาคินัยเองเกือบจะลืมดอกไม้ในเมืองของเขา ถ้าไม่มีจดหมายการมาเยี่ยมอย่างกระทันหันของเสาวรส และพระศัลยแพทย์พิสุทธิ์  แม้ความรู้สึกของภาคินัยที่มีต่อเสาวรสจะหมดลงไปแล้ว แต่เขาก็ยังเป็นสุภาพบุรุษคอยดูแลเอาใจใส่สองพ่อลูกเป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ดีเสาวรสก็สามารถสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของภาคินัย ผิดหวังจากภาคินัยเธอต้องมีใครสักคน แผนอันแยบยลเกิดขึ้น เธอแนะนำภาคินัยว่าให้รุจ หมอศัลย์มือหนึ่งรักษาภคินี เพื่อที่เธอจะได้ใกล้ชิดกับหมอรุจอีกครั้ง และประจวบเหมาะกับที่หมอรุจต้องมาตรวจงานที่เมืองเหนือจึงสามารถเดินทางมาที่ไร่รวงผึ้งได้

ก่อนหน้าที่รุจจะเดินทางมาดูงานที่เมืองเหนือ เขาได้เจอจดหมายของอัมพาและเครื่องเพชรของแม่เขาโดยบังเอิญ เมื่อทำรูปของอัมพาที่แขวนในห้องทำงานเขาเสมอมาตกลงมา รุจคลายความเคียดแค้นลงเมื่อเจอเครื่องเพชรของแม่ตัวเองที่นึกเสมอมาว่าอัมพานำไปให้ชายชู้ ทำให้เขายิ่งรู้สึกผิดยิ่งขึ้น และสงสารอารยาที่ตนเองเป็นเหตุให้อารยาต้องหนีออกจากบ้านไปผจญกับโลกภายนอก

และแล้ว หมอรุจก็ได้มาตรวจคนไข้สาวที่ไร่รวงผึ้ง เขาเปรียบเหมือนหมอเทวดาที่นำแสงสว่างมาสู่เธอ เพราะเขายืนยันว่าอาการของเธอรักษาให้หายได้  หมอรุจผู้มีใบหน้าอ่อนโยน  วาจาปลอบประโลม  สัมผัส ที่นุ่มนวลทำให้ภคินีตกหลุมรักหมอรุจอย่างหมดใจ  เฝ้ารอที่จะให้หมอมาตรวจทุกวัน  และมีกำลังใจอย่าง เต็มเปี่ยมที่จะผ่าตัดและสามารถกลับมาเดินได้อีกครั้ง

เมื่อรุจพบอารยาที่บ้านภาคินัย  เขาทั้งโล่งใจและดีใจที่ได้เจออารยาอีกครั้ง แต่การแสดงออกนั่นเล่า ก็คือ มองอย่างเฉยชา และเมื่อยิ่งเห็นว่าทั้งภาคินัยและอารยาดูสนิทสนมเกินนายจ้างลูกจ้าง ยิ่งทำให้เขา เดือดดาลอารมณ์ขึ้นอีกรอบ หลังจากเฝ้าเป็นห่วง รวมทั้งค้นหาอารยามาตลอด  ส่วนอารยานั่นหรือ ไม่รู้เคราะห์กรรมใดทำให้เธอต้องเจอผู้ชายคนนี้อีก  และรุจก็ยังเป็นรุจคนเดิม  ที่คอยกระแนะกระแหนเธอทุกครั้งที่มีโอกาสอยู่ด้วยกันตามลำพัง และพูดจาบังคับให้อารยากลับบ้านรุจิโรจน์และยังยืนยันที่จะให้แต่งงานกับเขาแต่ไม่ใช่เพราะความรัก เป็นเพียงเพราะเขาสงสารเธอมากกว่า แต่อารยาเมื่อเป็นไทแก่ตัวและยังได้มีงานทำ ที่เธอสบายใจ  จึงปฏิเสธอย่างแข็งขันว่าเธอไม่มีทางกลับไปที่นั่นอีก  รุจเองถึงแม้จะเสียใจแค่ไหน แต่ก็ยังคงรักษาศักดิ์ศรีตัวเองไว้ ไม่มีวาจาง้องอนใดๆจากปากเขาอีก

เสาวรสนั้นเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของชายทั้งสอง  ว่าไม่สนใจตนเหมือนเดิม  หมอรุจนั้นตัดไปจากรายชื่อได้เลยเพราะทั้งมีท่าทีเย็นชาไม่สนใจเธอเลย  เสาวรสจึงคิดแผนที่จะหาทางให้ภาคินัยแต่งงานกับตนให้ได้แต่เธอเคยหมดหวังกับภาคินัยแล้ว  ครั้งนี้ไม่ด้วยเล่ห์ก็ต้องด้วยกล  เธอต้องทำให้ภาคินัยลืมตัวในเสน่ห์ของเพศรส เขาจะได้ขอเธอแต่งงาน  แต่ภาคินัยปฏิเสธเพราะเขาไม่มีใจให้เสาวรสอีกต่อไป แม้ว่าเขาจะล่วงเกินเธอไปบ้างแล้วก็ตาม เพราะคนที่เขามานั่งในใจเขาโดยไม่รู้ตัวนั่นคือ อารยา

ภาคินัยได้ขออารยาแต่งงาน แต่ก่อนเอ่ยปากกับอารยา เขาขอเธอจากหมอรุจ หมอรุจนิ่งฟังภาคินัยด้วยสีหน้าเรียบเฉยจนภาคินัยอ่านไม่ออก ทั้งๆที่ในใจร้อนเร่า พลุ่งพล่าน กระวนกระวาย เหมือนมีไฟกองใหญ่อยู่ในอก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นคือ ภาคินัยยื่นข้อเสนอต่ออารยา โดยความเห็นชอบจากหมอรุจผู้อยู่ในฐานะผู้ปกครองของอารยา ไม่มีใครรู้ว่าอารยาคิดอย่างไรที่รู้ว่าหมอรุจสนับสนุนภาคินัย  อย่างไรก็ตาม อารยาปฏิเสธ ภาคินัยน้อมรับความผิดหวัง แต่ใครกันเล่าที่อารยารัก

ความแค้นของเสาวรสต่อภาคินัยนั้นรุนแรงดุจไฟไหม้ป่า เธอต้องการให้ภาคินัยหายไปจากโลก วันหนึ่งภาคินัยถูกดักยิงหน้าไร่ของตนได้รับบาดเจ็บสาหัส อารยาต้องไปตามพระศัลยแพทย์มาช่วยรักษา แต่เสาวรส ห้ามพ่อตนเองไม่ให้ไปดูแลรักษาภาคินัยเด็ดขาด แม้อารยาจะอธิบายเท่าใดว่าภาคินัยดูเป็นตายเท่ากัน นั่นก็ไม่สามารถทำให้เสาวรสใจอ่อนได้เลย ที่แปลกที่สุดคือพระศัลยแพทย์ยอมทำสิ่งที่น่าละอายอย่างยิ่งคือเชื่อลูกสาว ในขณะที่อารยาไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร "ประพัฒน์ " ( ปวิน   ชิณวงษ์ )แพทย์หนุ่มประจำหมู่บ้านก็ล้มป่วยลงก็ได้มีคนบอกว่ายังมีหมอหนุ่มอีกคนที่เรือนพยาบาล เมื่อเธอไปตาม กลับกลายเป็นหมอรุจ แต่งานที่เรือนพยาบาลแน่นขนัด คนไข้ล้นหลาม ทำให้หมอรุจไม่อาจทิ้งหน้าที่ไปได้ เมื่อเขาไปขอร้องพระศัลยแพทย์อีกครั้งด้วยตัวเอง แต่พระศัลยแพทย์ก็ต้องปฏิบัติตามคำของลูกสาว เมื่อเป็นเช่นนั้น เขาจึงต้องรีบรักษาคนไข้ที่เรือนพยาบาลให้เสร็จก่อนถึงไปได้ หนึ่งในคนไข้ก็คือนายชิด สามีเก่าอัมพา โดนทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสมา ก่อนตาย ได้สารภาพถึงความผิดของตนว่าจริงๆแล้ว ตนรมยาและข่มขืนอัมพาจนอัมพาตั้งท้อง และไม่ยอมรับเลี้ยงเด็กคนนั้นไว้ นายชิดได้หาโอกาสไปปอกลอกทรัพย์จากอัมพา โดยขู่ว่าจะเปิดโปงเรื่องทั้งหมด ถ้าอัมพาไม่ให้เงิน เพราะฉะนั้นอัมพาหาใช่เป็นชู้ตนไม่  และนายชิดก็หมดลมไปรุจมองอารยาด้วยดวงตาแจ่มใส แม่อัมพาของเธอเป็นผู้บริสุทธิ์ จะมีอะไรที่เขาจะยินดีไปกว่านี้ เขาจะไปรักษาภาคินัยให้หาย และจะบอกเธอถึงเรื่องราวทั้งหมดรวมทั้งความในใจของเขาด้วย

รุจและอารยาต้องฝ่าฟันอุปสรรคเพื่อที่จะไปไร่รวงผึ้ง เพราะรถก็ไม่มีต้องไปโดยจักรยานและยังต้องเจอไฟป่าระหว่างทางอีก เมื่อถึงไร่รุจได้รักษาภาคินัยจนพ้นขีดอันตราย และเขาก็ต้องรีบรุดกลับกรุงเทพฯกระทันหัน โดยไม่มีโอกาสได้ปรับความเข้าใจกับอารยา หลังจากที่รุจจากไป ชาลีได้ขึ้นมาเยี่ยมเธอที่ไร่ภาคินัย เขาจบการศึกษาแล้ว และพร้อมที่จะรับอารยาไปอยู่ด้วยตามที่เขาเคยสัญญาไว้ตั้งแต่เด็กว่าจะดูแลอารยาตลอดไป แต่อารยาได้ตอบปฏิเสธน้ำใจของชาลี เพราะเธอมีความสุขที่ได้อยู่ไร่นี้ และที่สำคัญอารยาไม่สามารถรักชาลีได้มากไปกว่าเพื่อน  ชาลีฟังอย่างเศร้าใจ  แต่ก็ไม่อาจตัดใจไปจากอารยาได้  จึงยังคอยอารยา  แม้จะเป็นได้แค่เพื่อนก็ตาม อารยาจึงให้ชาลีหัดมองคนอื่นบ้าง เช่นคุณภคินีที่น่ารัก อ่อนโยน อย่างเด็กวัยรุ่นสาว ชาลีจึงต้องจำใจช่วยดูแลภคินี อย่างเสียไม่ได้ ภคินีเองก็นิยมชาลีไม่น้อยเหมือนกัน แต่ในใจเธอก็มีแต่หมอรุจเท่านั้น

หมอรุจกลับมาผ่าตัดให้ภคินีอีกครั้ง การผ่าตัดเป็นไปด้วยดี ภคินีดีใจเป็นอย่างมากที่สามารถกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติตามคนรุ่นสาวอีกครั้ง  บุญคุณของหมอรุจใหญ่หลวงนัก  เธอยินดีที่จะอยู่ดูแลเขาตลอดไป แต่หมอรุจได้ปฏิเสธภคินีอย่างนิ่มนวลว่าเขามีคนที่หมั้นหมายไว้อยู่แล้ว  เมื่อภคินีถามว่าคืออารยาใช่หรือไม่ หมอรุจได้แต่เงียบไป

คนที่ไร่ร่วงผึ้งต่างดีใจที่ภคินีสามารถกลับมาเดินได้อีกครั้ง  แต่เจ้าตัวกลับมีแต่ความโศกเศร้เพราะหมอรุจปฏิเสธที่จะรับรักตน และภคินีจะให้ภาคินัยไล่อารยาออก เพราะเธอไม่ต้องการคนดูแลอีกต่อไปแล้ว และไม่อยากเห็นหน้าอารยาอีกด้วย เธอมีชาลีที่คอยรักษาแผลใจให้อยู่ อารยาจึงหมดหน้าที่ที่ไร่รวงผึ้งเธอจึงเก็บกระเป๋าออกไป โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเธอจะไปไหน เมื่อหมอรุจกลับมาเพื่อปรับความเข้าใจกับอารยา  แต่ก็สายไปเสียแล้วเพราะเมื่อถึงไร่รวงผึ้ง อารยาเพิ่งจากไป

หมอรุจจึงกลับเคหาสน์สีแดงอย่างหมดกำลังใจ เวลาต่อมา ทุกคนในเคหาสน์ต่างรู้สึกหงอยเหงา เศร้าใจเหมือนเจ้าของบ้านที่เก็บตัวและเงียบขรึมอย่างน่ากลัว แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็ได้เห็น ใครคนหนึ่งในสวนสวยที่เธอเป็นผู้ดูแลด้วยตนเอง คนที่เขาเคยมองดูด้วยหัวใจที่ปิดตายตลอดมา จนกระทั่งได้เรียนรู้นิสัยเธอ อย่างแท้จริง  เขาก็ตระหนักได้ว่าความรักของเขาต่อเธอนั้นมีรากฐานมั่งคงแข็งแรงดุจดังเคหาสน์เก่าแก่ของตระกูล เพราะมันค่อยๆก่อรักถักทอจากความดีของเธอ รุจเดินไปพบหญิงสาวเพื่อที่จะขอแต่งงานกับเธอ ด้วยความรักจากหัวใจเขาอย่างแท้จริง

รายชื่อนักแสดงเรื่องเคหาสน์สีแดง

นายแพทย์รุจ  รุจิโรจน์    แสดงโดย     แอนดริว   เกร้กสัน

อายุประมาณ 28-30 ปี    ร่างสูงตรง  สง่า  กิริยาเงียบขรึม แววตาพูดได้โดยเฉพาะความรู้สึกเกลียดชังกดดันมาตั้งแต่เด็กจากการที่พ่อแต่งงานใหม่  แม่เลี้ยงมีลูกติดมาด้วยจึงเกลียดชังทั้งแม่ทั้งลูก  ภายหลังรู้ว่า แม่เลี้ยงมีประวัติน่าอับอายเพราะมีลูกติดกับผู้ชายอีกคนยิ่งโกรธแค้นยิ่งขึ้น  ความแค้นทั้งหมดมาลงที่อารยาลูกสาวคนเดียวของแม่เลี้ยง  ด้วยกิริยาเหยียดหยาม  ถ้อยคำเสียดแทงใจ ทำทุกอย่างที่ระบายความเกลียด  แต่ทุกอย่างที่ลงโทษอารยาเป็นการกระทำเงียบๆแบบผู้ดี และที่สำคัญคือ ทำลับหลังคนอื่น แต่ต่อหน้าคนอื่นแสดงกิริยาไม่เกี่ยวข้องด้วย  ในที่สุดความดีของอารยาทำให้กลับมาหลงรัก แต่เป็นรักที่ต้องซ่อนเร้นเป็นคนเก็บอารมณ์ได้ลึกมาก แต่เมื่อแสดงอารมณ์ทางวาจาเป็นคนพูดเร็วและแรงให้คนฟังเจ็บลึก นอกเหนือจากนี้เป็นแพทย์ที่มีคุณธรรม มีจรรยาบรรณ มีความเมตตาต่อคนไข้ ยามนั้นสีหน้าและวาจาอ่อนโยน ปลอบประโลมคนไข้ได้ดี สุภาพเป็นมิตรกับเพื่อนร่วมงานคือ แพทย์และพยาบาลทำให้พยาบาลบางคนหลงรัก

อารยา  ชัยเสรี    แสดงโดย        ณัฐวรา   วงศ์วาสนา

อายุประมาณ 21 ปี ลูกของอัมพา ร่างบาง ผิวสีน้ำผึ้ง กิริยาเรียบร้อยและเป็นผู้ดี เก่งการบ้านการเรือน เก่งเย็บปักถักร้อย  เล่นดนตรีไทย(ซอด้วง)  เมื่ออยู่กับเพื่อนสนิท ในยามร่าเริงกิริยาแจ่มใส แคล่วคล่องว่องไว วิ่งเก่ง หัวเราะเก่ง พายเรือและเล่นกีฬาบางอย่างได้(แบดมินตัน) ว่ายน้ำเก่ง  เป็นคนมั่นใจในตัวเอง ไม่มีปมด้อย เป็นคนมีความคิดและเชื่อมั่นในความคิดของตน ตัดสินใจเด็ดขาด เมื่อมุ่งหน้าทำอะไรไม่มีคำว่าหันหลังกลับ  มีศักดิ์ศรี ไม่ยอมให้ใครดูหมิ่น  รักเกียรติของตนเองอย่างที่สุด ดังนั้นเมื่อหมอรุจแสดงทั้งกิริยาวาจาว่ารังเกียจและเหยียดหยาม  จึงไม่ยอมนิ่งแต่พยายามชี้แจงถามเหตุผลของการดูถูกนั้น  จนถึงขั้นโต้เถียงขัดแย้งกับหมอรุจในบางกรณี

เสาวรส     แสดงโดย        ชาม  ไอยวริญท์   โอสถานนท์

คู่รักของรุจ  ลูกของพระศัลยแพทย์  อายุ 25 ปี  หญิงสาวสวย ทันสมัยจัด แต่งตัวเก๋นำแฟชั่นอยู่เสมอ ปากหวานพูดเพราะช่างเอาใจคนรู้จักการสมาคม   แม้ตอนรักกับรุจก็ไม่วายคบผู้ชายคนอื่นด้วย ไม่ลังเลที่จะหว่านเสน่ห์ล่อหลอกผู้ชายไปทั่ว  ยอมแม้จะต้องใกล้ชิดถึงเนื้อถึงตัวก่อน  ชอบใช้อำนาจ  ชอบเอาชนะ ชอบให้ผู้ชายมาสยบอยู่แทบเท้า  เมื่อรุจไปรักเด็กในบ้านอย่างอารยา  เสาวรสจึงเบนเป้าหมายหว่านเสน่ห์ใส่ภาคินัย  เพื่อประชดรุจและหวังตำแหน่งนายหญิงของไร่   จนเมื่อรุจและภาคินัยต่างรักและเทิดทูนอารยา  เสาวรสจึงใช้แผนการณ์ร้ายตอบโต้ชายทุกคนที่ไร้เยื่อใยกับเธอ

ภาคินัย     แสดงโดย        ศรุต  วิจิตรานนท์

พี่ของภคินี  อายุ 25-28 ปี  ทำไร่อยู่ภาคเหนือ มีบ้านชนบทสวยงาม เป็นหัวหน้าครอบครัว  ร่างสูง บึกบึนแบบชาวไร่ หน้าเข้ม คม นัยน์ตาลึกซึ้งยามรัก  เป็นพี่ชายที่อบอุ่น รักน้องยิ่งชีวิต ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้น้องมีความสุข  เป็นคนฉลาด เก่ง สู้งาน ปกครองคนด้วยพระเดชและพระคุณ  เมื่อต้องแรงก็แรงและเข้ม แต่เมื่อต้องประนีประนอมก็ยอมฟังเหตุผล ยอมอ่อนเพื่อให้เหตุการณ์รุนแรงสงบลง   รักอารยาจริงใจ  เคยช่วยเหลืออารยาให้รอดพ้นเงื้อมือทรชน  และคอยปกป้องอารยาจากภัยอันตรายทั้งปวง  แต่เมื่อรู้ว่าอารยารักรุจก็เป็นสุภาพบุรุษยินดีด้วย   ครั้งหนึ่งเคยหลงในมารยาของเสาวรสที่ยั่วยวนจนเผลอไผล  แต่ใจหนักแน่นมั่นคงไม่ยอมให้เสาวรสผูกมัดจึงปฏิเสธการแต่งงานทำให้เสาวรสโกรธแค้นมากถึงกับจ้างคนมาดักยิง  ภาคินัยไม่ตายเพราะหมอรุจช่วยไว้

ชาลี     แสดงโดย        กิตติพิชญ์  นิลนพรัตน์

เพื่อนสนิทอารยา หลงรักอารยา  อายุ 21 ปี ลูกของคุณนายพนาเวส น้องของวัฒนา  เป็นนักเรียนนายเรือใกล้จะจบแล้ว เป็นเพื่อนเล่นของอารยามาตั้งแต่เด็กเพราะบ้านอยู่ใกล้กัน  เป็นคนร่าเริง สนุกสนาน หัวเราะง่าย  มีเรื่องขำขันมาเล่าอยู่เสมอ เป็นลูกคนเล็กของแม่ อ้อนเก่ง ดื้อนิดๆพองาม   แต่ในส่วนลึกๆเป็นคนอ่อน รักอารยาอย่างทุ่มเทหัวใจ เมื่ออารยาไม่รักตอบจึงเสียใจมาก  เป็นคนที่ทำให้รุจอิจฉาเกือบถึงขั้นหึงหวงเมื่อเห็นอารยาใกล้ชิดเล่นหัวด้วย เหมือนเป็นคู่รักกัน

ภคินี     แสดงโดย        พรรษชล  สุปรีย์

น้องสาวภาคินัย  อายุ 18 ปี  ร่างแบบบาง ผิวขาวผ่อง พูดจาอ่อนหวาน  ประสบอุบัติเหตุทำให้ขาพิการเดินไม่ได้ หมอรุจผ่าตัดและรักษาให้จนหายดี จึงหลงรักหมอรุจ   อารยารับจ้างมาเป็นพยาบาลดูแล ดังนั้น เมื่อรู้ว่าหมอรุจรักอารยาจึงพาลไม่ชอบอารยา   สุดท้ายรักกับชาลี

วัฒนา     แสดงโดย        ศีกัญญา    ศักดิเดช  ภาณุพันธ์

ลูกของคุณนายพนาเวส พี่สาวของชาลี  อายุ 23 ปี  เป็นแม่บ้านแม่เรือนเหมือนแม่ ชอบทำตัวแก่แดด เป็นผู้ใหญ่เกินตัว  อยากได้อารยาเป็นน้องสะใภ้เช่นกัน

หมอกิจจา     แสดงโดย        การิน  ศตายุส์    (นักแสดงรับเชิญ)

อายุประมาณ 30 ปี เป็นเพื่อนหมอรุจ ชอบไปตีเทนนิสด้วยกัน  ตอนแรกแอบชอบอารยา แต่ตอนหลังเปลี่ยนไปชอบฉลวยแทน  ไม่ได้เป็นคนจริงจังแบบหมอรุจ แต่ก็เป็นหมอที่ดูดีมีเสน่ห์อีกคนหนึ่ง อารมณ์ดี ขี้เล่น

ฉลวย     เวชพงศ์     แสดงโดย        ยุพาพักตร์   วัชราภัย

พยาบาลที่หลงรักหมอรุจ  อายุ 25 ปี  เป็นผู้หญิงไทยแท้ๆ สงบเสงี่ยม มีมารยาท  ขยัน ตั้งใจทำงาน อ่อนโยนกับคนไข้

อัมพา     แสดงโดย        ชลิดา  เถาว์ชาลี

แม่ของอารยา ภรรยาคนที่สองของพลตรีพลแสนเสนีณรงค์  อายุกลางคน  ร่างเล็ก ผิวเนื้อดำแดง กิริยาอ่อนโยนละมุนละไม น้ำเสียงไพเราะนุ่มนวล  เมื่อเป็นสาวเคยถูกข่มขืนจนท้อง ไม่รักลูกชาย ทิ้งมาจนทั้งพ่อ ทั้งลูกแค้นใจตามมาข่มขู่เรียกร้องเงินตลอดเวลา ทำให้ชิวิตจมอยู่ในบ่วงกรรมนี้จนตาย

พลตรีพลแสนเสนีณรงค์     แสดงโดย        สุเชาว์  พงษ์วิไล  (นักแสดงรับเชิญ)

พ่อของรุจ เป็นพลตรีนอกราชการ  อายุ 60 กว่าปี  เป็นทหารแท้ เจ้าระเบียบซื่อตรง พูดเสียงดังฟังชัด อบรมลูกชายให้เป็นสุภาพบุรุษ สุภาพให้เกียรติคน มีมารยาทแบบผู้ดี ให้มีความคิด ให้มั่นใจเชื่อความคิดของตน  มีเหตุผล  อบรมและมีอิทธิพลต่อบุคลิกและนิสัยใจคอของอารยาเช่นกัน

ขุนประจญคดี     แสดงโดย     รอง  เค้ามูลคดี

ทนายความของบ้านรุจิโรจน์  อายุประมาณ 60 ปีกว่าๆ   ซื่อสัตย์ ทำงานให้ครอบครัวหมอรุจอย่างดี ดูแลรักษาผลประโยชน์  พยายามพูดจาหว่านล้อมให้รุจชอบและแต่งงานกับอารยา

แม่ละม่อม     แสดงโดย        เมตตา    รุ่งรัตน์

คนดูแลทุกอย่างในเคหาสน์สีแดง เป็นแม่บ้านใหญ่  เนื่องจากดูแลใกล้ชิดเจ้านายทำให้เป็นคนมีความรู้พอสมควรเกี่ยวกับระเบียบประเพณีของคนชั้นสูง  เป็นคนใจดี แต่เข้มงวด มีระเบียบวินัย ทุกคนเกรงขาม เสียงดังฟังชัด  พยายามพูดจาปลอบประโลมให้รุจคลายจากความเคียดแค้นจากอัมพา  สังเกตเห็นทุกอย่าง  และรู้ว่ารุจแอบเผลอใจให้อารยาแล้ว ทำตัวเป็นกลาง หาเหตุผลในทุกเรื่อง  ช่วงที่ความจริงของอัมพาเปิดเผยว่ามีสามีเก่าและมีลูกด้วยกัน แม่ละม่อมยังไม่ตัดสินใจว่าผิดถูกอย่างไร แต่สืบเสาะหาเหตุผลก่อน จึงขัดแย้งกับแม่อีกสองคนซึ่งไม่เชื่อเลย

แม่พิน     แสดงโดย        ศิริพร    วงศ์สวัสดิ์

อายุประมาณ 67 ปี ดูแลด้านความเรียบร้อยของเสื้อผ้า  เครื่องเรือน  เป็นคนนุ่มนวล อ่อนโยน ค่อยๆ พินิจพิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆ เหมือนไม่ค่อยมีปากมีเสียง แต่จริงๆแล้วคอยเตือนอารยาตลอดเวลาเรื่องรุจ  ว่าต้องค่อยเรียนรู้ พยายามให้อารยาเข้าใจรุจและไม่โกรธรุจ  สนิทกับอารยาเพราะอารยาชอบเย็บปักถักร้อย จึงนั่งขลุกอยู่กับแม่พินบ่อย  เชียร์รุจกับอารยา จึงขัดแย้งกับแม่พร้อมซึ่งเชียร์ชาลี

แม่พร้อม     แสดงโดย        โฉมฉาย    ฉัตรวิไล

อายุประมาณ 65 ปี เป็นแม่บ้านดูแลด้านอาหารการกินของอารยากับรุจ รวมถึงชาลี ชอบปลูกพืชสวนครัวแอบๆไว้ในสวน ต้องตีกับคนสวนบ่อยๆเรื่องการเพาะปลูก การใช้ปุ๋ย ใช้ยาฆ่าแมลง ทำให้สอดแทรกความรู้ด้านนี้ได้  แอบเชียร์ชาลีให้อารยา เพราะสนิทกับชาลี ชาลีชอบมาประจบแม่พร้อม  เป็นคนสนุกสนาน เฮฮา พูดจาตรงๆไม่อ้อมค้อม ชอบในสิ่งที่เห็นด้วยตาว่าดี แต่เป็นคนจริงใจ ใจดี ไม่มีจริตมารยา  เป็นคนเสียงหวานไพเราะ ชอบร้องเพลงไทยเดิมเพราะๆคลอกับเสียงซอที่อารยาเล่น  บทบาทของแม่พร้อมออกแนวตลก

พระศัลยแพทย์พิสุทธิ์     แสดงโดย        เกรียงไกร    อุณหะนันทน์

พ่อของเสาวรส   อายุประมาณ 55 ปี   หน้าตาไม่เคยมั่นใจในตัวเอง  รักลูก กลัวลูก  ลูกชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ ยอมทำตามคำสั่งลูกสาวทุกอย่าง แม้จะต้องเสียจรรยาแพทย์

ชิด     แสดงโดย        ทนงศักดิ์   ศุภการ

พ่อของชาญ  อายุ 50 ปี   เป็นชายชั่ว ข่มขืนอัมพาเมื่อยังสาวรุ่น โดยวิธีรมยานอนหลับคนทั้งบ้าน จนอัมพาท้องมีลูกคือชาญ แต่อัมพาทิ้งลูกไป จึงโกรธแค้นมาก  เอาความลับนี้มาขู่เข็นอัมพาเสมอๆ ได้เงินได้เครื่องประดับไปมากมาย  เมื่อลูกเจ็บ หมอรุจรักษาแต่ไม่รอด จึงโกรธแค้นหมอรุจ เอาความลับมาประจานให้ได้อาย

คุณนายพนาเวส     แสดงโดย        ทัศน์วรรณ  เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา

เพื่อนบ้านใกล้กับเคหาสน์สีแดง   อายุประมาณ 50-60 เป็นแม่ของวัฒนาและชาลี  เป็นคนใจดี  เลี้ยงลูกให้เป็นไทยแท้ๆ จึงค่อนข้างเข้มงวดเรื่องกิริยามารยาทและขนบธรรมเนียม  รักอารยามาก อยากได้เป็นลูกสะใภ้

คุณสังวาลย์     แสดงโดย        ดวงใจ  หทัยกาญจน์

อายุ 50 กว่าๆ เป็นน้าของภาคินัยและภคินี  รักหลานมาก ดูแลเรื่องการกินการอยู่อย่างดีเลิศเมื่อหลานมีทุกข์คอยปลอบโยน โดยเฉพาะภาคินี คุณสังวาลย์ให้กำลังใจเสมอว่าวันหนึ่งต้องหาย  พูดเร็ว เสียงดัง และพูดได้ตลอดเวลา

ชาญ     แสดงโดย        ศิววงศ์  ปิยะเกศิน

ลูกของอัมพาที่เกิดจากชายที่ข่มขืนเธอ  อายุ 25 ปี  ยากจน ไม่ได้เรียนหนังสือ ไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง เที่ยวลักขโมยจี้ปล้นชาวบ้าน  ถูกเจ้าของบ้านทำร้ายบาดเจ็บหนัก หนีมาโรงพยาบาล  และเจอหมอรุจรักษาให้แต่ทนพิษบาดแผลไม่ได้  จนเสียชีวิต  เป็นเหตุให้พ่อของชาญแค้นหมอรุจ จึงเปิดโปงความลับ

ประพัฒน์     แสดงโดย        ปวิน   ชิณวงษ์

นายแพทย์หนุ่มประจำหมู่บ้าน  และเป็นแพทย์ประจำตัวของภาคินัย ทั้งคู่สนิทกันเหมือนเพื่อน เป็นคนง่าย ๆ สบายๆ ช่างสังเกตคนรอบข้างเพื่อมาวิเคราะห์นิสัยของคู่สนทนา  จึงเป็นที่ปรึกษาที่ดีให้ภาคินัย และแนะนำภาคินัยให้รู้จักหมอพิสุทธิ์

นารี     แสดงโดย        ณฐมน    ปัญญาวราศัย

พยาบาลสาวเพื่อนของฉลวย  เธอเป็นคนประหม่า  ขี้กลัวเมื่อเจอหน้านิ่ง ๆ ของรุจ จึงชอบมาระบายให้ฉลวยฟัง

นายสุข     แสดงโดย        พวง    เชิญยิ้ม

คนรับใช้บ้านรุจิโรจน์  อายุประมาณ 40-50 ปี   จงรักภักดี ซื่อสัตย์ แต่เป็นเจ้ากรมข่าวของบ้าน รู้เรื่องนี้บอกคนโน้นรู้เรื่องโน้นบอกคนนี้

นายสิงห์       

คนสวนบ้านรุจิโรจน์  อายุ 30-40 ปี   ขยันแต่ค่อนข้างดื้อ ขัดแย้งกับแม่พร้อมเสมอเรื่องการทำสวนพูดติดอ่างนิดหน่อย พอขำๆ

ยายจ้วน        แสดงโดย        จุรี  โอศิริ

อดีตคนใช้บ้านรุจิโรจน์  ปากร้าย  ชอบสอดรู้เรื่องชาวบ้าน  เป็นคนมาใส่ไฟให้รุจเข้าใจอัมพาไปในทางเสียๆ หายๆ ทั้งที่ตัวเองถูกไล่ออกเพราะเล่นการพนัน  ลักทรัพย์คนในบ้าน

ดาริกา-กุมารี     แสดงโดย        พิมพ์ชนิตว์ - พิมพ์มาดา  สฤษฎิ์วงษ์

น้องฝาแฝดของภาคินัย  อายุประมาณ 7 ขวบ  เป็นเด็กสดใสร่าเริง เป็นที่รักของพี่ๆ  แต่จะเฮี้ยว ไม่ยอมเชื่อฟังคนดูแล แต่เมื่ออารยามาอยู่ด้วย ต่างก็รักและเชื่อฟังอารยาเป็นอย่างดี

เคหาสน์สีแดง  ออกอากาศทุกวัน ศุกร์ – เสาร์ – อาทิตย์ เวลา  20.15  น. ทางช่อง 3 ♦

บทประพันธ์ : ดวงดาว
บทโทรทัศน์ : ศัลยา
กำกับการแสดง : นพพล  โกมารชุน


ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Gallery ที่เกี่ยวข้อง

Comments