คู่รักมาราธอน “เมจิ อโณมา” กับ “แมน- ศุภกิจ ตังฑัตสวัสดิ์” ที่แต่งงานกันไปเพียง 2 ปี ก็เลิกกันซะแล้ว ล่าสุดฝ่ายหญิงได้ออกมาเปิดใจในรายการ “คุยแหกโค้ง” ทางช่องเคเบิ้ล UBC ว่าได้มีการแยกทางกับสามี “แมน ศุภกิจ” มาได้ระยะหนึ่งแล้ว หลังจากที่คบกันมานานถึง 10 ปีเต็ม เปรยมือที่สามไม่ใช่ประเด็น
“แยกทางกันมาได้สักพักนึงแล้วค่ะ สาเหตุเหมือนอย่างที่ได้ตอบไปว่า ก็เพราะว่าเรามีความคิดนโยบายบางอย่างที่ไม่เหมือนกัน แล้วก็อีกอย่างนึงอีกสาเหตุนึงก็คือในเรื่องของเรามีความรู้สึก ที่เป็นพี่เป็นน้องกันมาได้สักระยะนึง เพราะฉะนั้นว่าเราจำเป็นที่จะต้องออกมาในลักษณะที่เป็นพี่น้องดี กว่าในสถานะของสามีภรรยา”
ข่าวที่บอกว่าเกี่ยวกับมือที่สามล่ะ? “มือที่สามนั้นคงไม่ได้มีอิทธิพลมากกับการที่เราเลิกกัน เพราะว่าอย่างที่เคยบอกไปว่าตัวเมจิเองเมื่อเวลามีปัญหาอะไร เมจิจะเป็นคนไม่ฟังคนอื่น หรือแม้ใครจะมาเล่าอะไรที่ไม่ดีให้เมจิฟัง เมจิจะไม่รับฟัง เพราะว่าคำตอบที่แท้จริงคือที่ตัวเค้า ซึ่งคุณแมนเองเค้าไม่เคยโกหกอะไรเมจิ เค้าพูดความจริงอยู่เสมอเพราะฉะนั้นเนี่ยปัญหานั้นคงเป็นเรื่อง เล็กน้อยค่ะ”
เห็นบอกว่าหลังจากแต่ง “แมน” มีพฤติกรรมเปลี่ยนไป? “อันนั้นคงเป็นเสียงลือเสียงเล่าอ้างไปเอง มากกว่า เค้าก็ยังเหมือนเดิมค่ะ อย่างที่บอกว่าปัญหานั้นเนี่ยพี่แมนเค้าเป็นคน ไม่เคยปิดบัง เป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย แต่ปัญหาที่เราจะต้องช่วยกันแก้มากกว่าว่าเราจะ เดินทางออกแบบไหนกับสิ่งที่เราเจอ ในการดำเนินชีวิตคู่กัน”
เสียใจไหม? “มันมีบ้าง แต่ว่ามันจะเสียใจมากกว่าถ้าเรายังดำเนิน ทุกอย่างต่อไปด้วยปัญหา จริงๆ ตรงนั้นมันน่าจะเป็นเรื่องที่เสียใจมากกว่านะคะ เพราะฉะนั้นที่เมจิบอกว่าสิ่งแรกที่เราทำคือเราต้องทำอะไรที่มี ความสุขด้วยกันทั้งคู่ เหมือนที่เราดำเนินมาทั้งคู่เนี่ยตลอดเวลา 10 ปีที่ผ่านมาอะไรที่เป็นความสุขของเราทั้งสองคน เรายินดีร่วมมือกันได้ เพราะฉะนั้นแล้วตรงนี้เนี่ยความเสียใจคือ ถ้าเราอยู่ด้วยกันแล้วไม่มีความสุขนั่นคือความเสียใจมากกว่า เพราะฉะนั้นเนี่ยสิ่งที่ทำให้ความสุขก็คือเราตัดสินใจแยกทาง คือทางออกที่ดีค่ะ”
ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปเกิดขึ้นก่อน หรือหลังจากที่มีอีกคนเข้ามา? “เปลี่ยนไป แน่นอนชีวิตคู่มันเป็นเรื่องปกติว่าถ้าเข้ามาในเรื่องแบบ นี้เนี่ยทุกคู่มันต้องเป็นปัญหาแน่นอน แต่ว่าอย่างที่บอกไม่ใช่เป็นปัญหาใหญ่เราสามารถแก้ได้แล้วก็หา ทางออกด้วยกันได้ทั้งคู่ แต่ปัญหาส่วนตัวมากกว่าอันนี้ปัญหาใหญ่กว่า”
มีทะเลาะกันถึงขั้นรุนแรงไหม? “เป็นเรื่องปกติจ๊ะ ของความรุนแรงของชีวิตคู่สามีก็ต้องมีกระทบกระทั่ง กันเป็นเรื่องปกติ จริงๆ เราทะเลาะรุนแรงกันมาโดยตลอดเลยนะ”
แต่ไม่ได้ถึงขั้นมีลงไม้ลงมือ? ”ไม่มี เรื่องนั้นไม่มีเด็ดขาดเลยคุณแมนไม่ใช่เป็นคนนิสัยแบบนั้น”
ดูเหมือนเมจิทำใจได้แล้ว? “การทำใจอย่างที่บอกเราใช้สติปัญญาที่เราเคยฝึกฝน ปฏิบัติธรรมะเข้ามาตรงนี้ช่วยได้เยอะมาก เพราะทุกอย่างมันเกิดขึ้นที่ใจ มันก็ต้องจบที่ใจของเรา เพราะฉะนั้นเนี่ยเราอย่าจมอยู่กับความทุกข์ให้ มันนานมาก เพราะชีวิตของเรายังต้องก้าวหน้าต่อไป มีอะไรให้เราต้องดูแลอีกเยอะ มีหลายคนที่เราจะต้องเป็นห่วงอย่างเช่นคุณพ่อคุณแม่อะไรต่างๆ มากมาย เพราะฉะนั้นเราไม่มีเวลาที่จะต้องมานั่งจมความเศร้าอีกนานต่อไป”
ทุกวันนี้ยังติดต่อกันอยู่ไหม? “แน่นอนค่ะ คุยกันอยู่เหมือนเดิมค่ะ ส่วนธุรกิจที่ทำร่วมกันก็พี่แมนเค้าคงเป็นที่ปรึกษาที่ดี มีอะไรก็เป็นที่ปรึกษา เพราะว่าหนึ่งเราเริ่มต้นด้วยกันมาในลักษณะของ การทำงาน เค้าอยู่ในวงการบันเทิงมาก่อน เพราะฉะนั้นเนี่ยมีอะไรต้องปรึกษากันแน่นอน เป็นเหมือนพันธมิตร”
มองอนาคตยังไงบ้าง? “อนาคตของเมจิคือหนึ่งอยากจะก้าวหน้าในเรื่องของธุรกิจการงาน สองก็คืออยากจะกลับมาทำงานในวงการบันเทิงอีกครั้ง ซึ่งทุกคนก็เข้าใจว่าทำไมแต่งงานแล้วไม่รับงาน ซึ่งจริงๆ ทุกคนก็เข้าใจไปกันผิด คิดว่าเมจิจะไปเป็นแม่บ้าน จะไปมีลูกแต่จริงๆ ไม่เลย เมจิอยู่ในวงการนี้ตั้งแต่อายุ 15 เมจิก็ยังรักวงการนี้อยู่เหมือนเดิม แล้วก็อยากจะทำงานในวงการอันนี้ประกอบกับทำธุรกิจของตัวเองไปด้วยใน ตัวมากกว่า”
แสดงว่าที่ไม่มีลูกนี่ตั้งใจหรือเปล่า? “จุดเริ่มต้นการทำงานแน่นอนว่าเราต้องเมคมันนี่กันก่อน ให้ความรากฐานให้รากฐานของเรามั่นคงก่อนค่ะ”

ถ้าย้อนกลับไปได้ จะไปแก้ไขอะไรไหม? “เมจิคิดว่าไม่อยากแก้ไขอะไร เพราะที่ผ่านมาเมคิดว่าเรามองว่าเป็นเรื่องที่ดี พี่แมนได้ให้แต่สิ่งดีๆ เมจิก็ได้ให้เค้าในสิ่งที่ดีๆ เมจิจะพยายามจะจดจำแต่สิ่งดีๆ ที่มีด้วยกันมาเสมอตลอดเวลา 10 ปี ที่ผ่านมาเราเคยมีทุกข์ เราเคยมีสุขกันมาด้วยกันตลอด เราไม่เคยทอดทิ้งกันในยามที่ทุกคนมีน้ำตา เพราะฉะนั้นเนี่ยวันนี้ที่เมจิเคยบอกว่า ถ้าเมจิรักเค้า เมจิก็จะจำแต่สิ่งดีๆ ที่เค้ามีให้เมจิ และเมจิก็ได้ให้เค้าอยู่ตลอดเสมอมา วันนี้เราออกกันด้วยมิตรภาพ เรารักกันด้วยมิตรภาพ เราต้องจบลงด้วยมิตรภาพ"
มีอะไรอยากจะพูดกับพี่แมนไหม? “เมจิอยากจะให้พี่แมนทำวันนี้ให้ดีที่สุด ทุกอย่างที่มันผิดพลาดมาก็ถือว่าเราลืมมันไป อย่างที่บอกว่าเราสองคนมีการให้อภัยซึ่งกันและกันอยู่เสมอ เมจิผิดพลาดอะไรพี่แมนก็ให้อภัยเมจิ พี่แมนผิดพลาดอะไรเมจิก็ให้อภัยพี่แมน นั่นคือสิ่งที่เราสองคนยึดมั่นกันโดยตลอด พี่แมนฝันอะไรขอให้พี่แมนไปให้ถึง และขอให้ใช้สติสัมปะชัญญะที่เคยฝึกฝนและทำบุญกุศลมา เอามาใช้ให้เต็มที่ แล้วก็ขอให้พี่แมนมีความเจริญก้าวหน้า ในทุกๆ เรื่องค่ะ”
ถ้าเกิดพี่แมนมีครอบครัวใหม่ล่ะ? “ด้วยความยินดี เป็นเรื่องปกติค่ะ”
แล้วถ้าเค้ามาง้อ? ”เรื่องนั้นก็คงเป็นเรื่องของเวลาดีกว่า ที่มันจะบอกว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นตอนนี้เมจิคงยังตอบอะไรไม่ได้นอก จากจะดูแลตัวเองในเรื่องของการพัฒนาตัวเองในเรื่องของการทำงาน ดูแลเอาใจใส่ครอบครัว แล้วก็หาอะไรเรียนรู้เพิ่มเติมมากกว่า”
แล้วตัวเองพร้อมเปิดใจให้รักครั้งใหม่ไหม? “ความรักเป็นเรื่องที่ดีค่ะ เมจิเพิ่งแยกทาง เดี๋ยวจะเร็วเกินไปนะคะ ยังค่ะ แต่ความรักเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน อย่างที่เมจิเคยพูดว่าความรักถ้าเรามองให้มีความสุขมันก็มีความ สุข แต่ถ้าเรามองให้มันเป็นเรื่องที่มันเลวร้ายมันทุกข์ มันก็จะทุกข์ เพราะฉะนั้นว่าอะไรก็ตามเมื่อเรามีความรัก จดจำแต่สิ่งที่ดีๆ มันจะทำให้เราเข้มแข็ง ถามว่าใช้เวลาไหม ใช่ แต่ถามว่าต้องทำไหม ต้องทำแน่นอน” ♦