“บอย ภิษณุ” ยันไม่ใช่ตนเอง! ยืมเงิน “ต้นหอม” 4 ล้านบาท ส่วนตัวรู้แล้วใครแต่เล่าไม่ได้
ก่อนหน้านี้ “ดีเจ.ต้นหอม ศกุนตลา” โดนเอาเงินไปกว่า 4 ล้านบาท และไม่มีวี่แววจะได้เงินคืน ก็ทำเอาหลายๆ คนโยงไปว่าหรือจะเป็นเพื่อนสนิท “บอย ภิษณุ” เป็นคนยืมไปหรือเปล่า ล่าสุดมีโอกาสเจอหนุ่ม “บอย” เลยถามถึงเรื่องนี้...
อ่านข่าวต่อ : “บอย ภิษณุ” โดนโยงยืมเงิน “ต้นหอม” 4 ล้านบาท ยันไม่ใช่ตนเอง ยอมรับมีถามเพื่อนว่าเป็นใคร?

“เพิ่งถามเลยหอมยืม 10,000 นึงสิ มันบอกว่าไม่ให้ อย่ามาคิดเลยว่า 4,000,000 จะเป็นผม เพราะ 10,000 นึงมันยังไม่ให้เลย สงสารนาง ไม่ใช่ผมๆ เธอยืมแล้วมันไม่ให้ ไม่ใช่ผม ถ้ายืมเล็กๆ น้อยๆ เค้าคงให้อยู่แล้ว เค้ายืมเรา เราดูมีฐานะแต่หลังๆ เราก็ไม่ให้แล้วนะ เพราะข่าวเยอะ คือต้นหอมเพื่อนสนิทกันไง ทุกครั้งก็มีเหตุผลเรื่องเศร้าๆ เราก็ใจอ่อนให้เขายืม

ถามแล้วอยากรู้ว่าคนอย่างมันยังโดนหรอ ไม่ใบ้ไม่อยากมีส่วนนึง คือมันเป็นเรื่องของต้นหอมเค้า และผมก็ไม่รู้ว่ามันจะไปละเอียดอ่อนกับใคร ผมขอไม่ตอบดีกว่า แต่ก็เป็นเรื่องเงินนี่แหละ ก็มีการเสียจริงๆ มันอาจจะไม่ใช่เรื่องของการให้ก็ได้ อาจจะทำงานหรือเปล่าอะไร เชื่อว่าคนอย่างต้นหอมเงินสด 4,000,000 ไม่มีทางให้ แต่น่าจะเป็นแบบวิธีอื่น

มันแล้วแต่คนจริงๆ เพราะว่าจริงๆ เรื่องของการยืมเงินผมว่ามันน่าจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่สุดในการให้ จริงๆ ถ้าเพื่อนรักกันรู้จักกันมา ถ้าเพื่อนมีปัญหาแล้วเรายังไม่มีปัญหา ถ้าเราช่วยได้เราก็อยากจะช่วย แต่สุดท้ายมันแล้วแต่บุคคล ผมตอนที่ยังไม่มีชื่อเสียงผมไปยืมใครก็ไม่มีใครให้นะ เพราะว่าเค้าก็คงมีความรู้สึกว่าเรื่องเงินก็เป็นเรื่องที่แบบอ่อนไหว แต่พอเรามีชื่อเสียงเราพอมีเงิน คนมักจะเข้ามาขอยืมเงินเรา จะมีความรู้สึกว่าทำไมมันไม่ค่อยยุติธรรมเนาะ วันที่เรามีคนวิ่งเข้ามาหาเรายืมเรา ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ถ้าเพื่อนสนิทจริงๆ ถ้ามันไม่ได้เยอะมาก คงได้แหละ ก็ยืมแล้วก็คืนนะ แต่ครั้งแรกสองสามมันจะดีไง มันจะมีการคืนเงินตรงเวลา แต่ถ้าครั้งแรกยังไม่ดีเลยครั้งต่อไปก็ไม่ดี ถ้ายืมแล้วมันทำให้เราลำบาก อันนี้มันคงหนักหน่อย

ตนเองไม่ยืม ยังมียังไม่ถึงขนาดแย่ แต่ที่ออกมาพูดคือนักข่าวถามว่าช่วงนี้เป็นยังไง แค่บอกว่างานน้อย เงินมันไม่เหมือนเดิม ใช้เงินเก็บอยู่ ผมไม่ได้ถึงขนาดสิ้นหวังแล้วชีวิต ที่ต้องไปเที่ยวยืมเงินคนอื่นมาเพื่อดูแลครอบครัว ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น คืองานมันน้อยไงก็เลยกลายเป็นว่าต้องเริ่มต้นธุรกิจใหม่ เราก็ต้องปรับตัวให้มันเข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน ถ้าไม่สุดจริงๆ คงไม่เอ่ยปาก เพราะเข้าใจได้ว่าการจะไปยืมใครมันก็คงลำบาก ผมว่าทุกคนก็ลำบากกันหมดในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้ แต่ละคนก็ต้องมีภาระค่าใช้จ่ายเป็นของตนเอง ขนาดจะมายืมเงินเราก็ยังมีความคิดว่าภาระเราตอนนี้มันก็แน่นๆ แล้ว แต่ถ้านิดหน่อยไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับชีวิตก็โอเค แต่ไม่ต้องมาดีกว่า

ผมกับอแมนด้าว่าเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่เรายังมีลูกคนเดียวกัน เรายังต้องช่วยกันดูแลเขา เราก็ไม่ได้โกรธได้เกลียดอะไร ผมก็ต้องโทรหาเขาเพื่อจะคุยกับลูก เราก็ช่วยๆ กัน และเค้าก็เป็นซุปเปอร์มัม ผมคิดว่าถ้าผมไม่มีเขาผมก็ไม่รู้ว่าจะเลี้ยงลูกได้ดีอย่างนี้ได้ยังไง คือเราจะคุยกันตลอดว่าพัฒนาการลูกตอนนี้เป็นยังไง จะเลี้ยงเขาไปในทิศทางไหนดี แล้วคิดว่าถ้ามีงานเป็นวันพิเศษของลูกก็คิดว่าลูกคงอยากเห็นพ่อแม่มาดูโชว์ของตัวเอง ผมก็อยากใช้เวลากับลูกให้ดีที่สุด ต่อให้เราจะมีปัญหากันแต่เราไม่อยากให้เขารู้สึกว่ามีปมด้อย หรือทำให้เขามีความสุขลดลง ก็พยายามทำให้ดีที่สุด ด้วยการเชียร์อัพเขาและเป็นกำลังใจให้เขา สนับสนุนเขาในวันที่เขาอยากทำอะไร ก็เลยเกิดภาพนั้นขึ้นมา”











