“อุ้ม ลักขณา” แจงไม่เสียบซีรีส์แทน “เป้ย” เผยเลิฟซีนไม่เหมาะกับวัย
ก่อนหน้านี้ “เป้ย ปานวาด” ได้ถอนตัวจากซีรีส์เรื่อง “ตถตา (I AM WHAT I AM)” ของผู้จัด “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ” ก็มีข่าวแว่วมาว่ามีการติดต่อให้ “อุ้ม ลักขณา” มาเสียบแทน แต่สุดท้ายก็เป็น “แป้ง อรจิรา” ที่มารับไป งานนี้เลยทำเอาหลายคนสงสัย ว่าทำไม “อุ้ม” ถึงไม่รับเล่น ล่าสุดเจ้าตัวก็ได้เปิดใจถึงเรื่องนี้...
อ่านข่าวต่อ : “อุ้ม ลักขณา” ยอมรับหนัง “ตถตา” ติดต่อให้แสดงแทน “เป้ย” แต่ปฏิเสธไม่รับเพราะ?
.jpg)
“ได้รับการทาบทามจริง ตอนนั้นได้มีการพูดคุยถึงเรื่องบท เป็นการพูดคุยแค่ปากเปล่า แล้วอุ้มรู้สึกไม่สบายใจที่จะรับ เพราะเรายังไม่ได้ศึกษาบท ไม่ได้รู้เหตุที่มาที่ไปทำไมถึงต้องมีเลิฟซีน ตอนนั้นไม่ได้รับบทมา มีแค่การโทรมาเล่าให้ฟัง ให้อุ้มให้คำตอบเดี๋ยวนั้นเลย ซึ่งเราไม่สามารถรับได้ทันทีทันใด เลยได้ปรึกษากับพี่ผู้จัดการให้เล่าฉากเลิฟซีนให้เราฟัง ตอนนี้เรา 42 แล้ว มาทางสายมูแล้วด้วย เราเองก็ไม่ค่อยได้ถ่ายเซ็กซี่ แต่ก็ต้องขอบคุณที่นึกถึงอุ้ม แต่ตัวเราเองด้วยวัยอาจจะไม่เหมาะแล้ว ด้วยความที่มีลูกเราด้วย ผลงานเก่าๆ เราเล่าให้เขาฟังได้ แต่ตอนนี้มันอยู่ในวัยที่เขารู้เรื่องหมดแล้ว เราก็คงไม่สบายใจที่จะไปรับฉากที่มีเลิฟซีนหวือหวามาก ตัวอุ้มไม่มีปัญหา แต่ถ้าใครจะไม่โอเคที่เราไม่รับมันก็เป็นสิทธิ์ที่เขาจะไม่พอใจก็ได้ ทุกอย่างเป็นการเร่งรีบ มันอาจไม่แฟร์สำหรับตัวอุ้มเอง คุยกันตั้งแต่เริ่มก่อนดีกว่า ก่อนที่จะทำงานแล้วมีปัญหาภายหลัง
.jpg)
ได้คุยกันกับเป้ย ก่อนหน้าไม่ได้ถาม ถามตอนปฏิเสธไปแล้ว เลยได้มีการคุยกันว่าเรื่องมันเป็น เราเป็นนักแสดงที่อยู่ในวงการมานาน มีความเป็นมืออาชีพ อะไรที่มีการพูดคุยตกลงกันมันสามารถทำ ได้ถ้าเราแฮปปี้ แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกว่าไปเป็นตัวแทนโดนเสียบ เราก็เป็นเพื่อนกันรู้จักกัน เราว่าให้เขาหาคนที่เหมาะสมที่จะเล่นบนนี้ดีกว่า
.jpg)
เสียดายโอกาสทุกครั้งที่มีเข้ามา ตอนนี้ก็มีติดต่อเข้ามา ไม่ได้เรื่องมาก แต่ด้วยความที่อุ้มเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว มันต้องใช้เวลาอยู่กับลูกเยอะ ถ้าต้องไปทำงานในวงการที่เต็มตัว กลัวสร้างปัญหาให้เขา เรารู้ว่าเราไม่ได้มีเวลามากพอที่จะไปทำตรงนั้น แต่ยังอยากเล่นยังคิดถึงงานละคร ถ้ามีเวลาที่เหมาะสมที่ปลีกตัวไปได้ก็ยังสนใจ ไม่อยากให้ลูกเสียใจ เพราะลูกติดเรามาก ตอนนี้เขาแค่ 6 ขวบ รอเขา 10 ขวบก่อน แต่ตอนนั้นเราอาจจะแก่มากแล้ว ไม่น่ามีคนจ้างแต่เรายังมีงานพรีเซนเตอร์ ดูแลตัวเองให้สวย แล้วก็มีเทวาลัยที่เราอยากจะทำด้วย มันก็ต้องรู้เรื่องด้วยว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ในการมีฉากเลิฟซีน แต่การที่จะสื่อออกไปในโซเชียลสมัยนี้ มันต้องมีความหลากหลาย สมัยนี้มันไปไกลแล้ว เอาตามความไหวของแต่ละคนดีกว่าว่าไหวที่จุดไหน
.jpg)
ลูกสาวยังไม่เคยเห็นฉากเลิฟซีนที่เราเคยเล่น แต่เห็นเราใส่ชุดว่ายน้ำ ใส่ชุดเซ็กซี่ เขาจะชมว่าสวย เขายังไม่ได้เห็นบทที่เราไปเล่น ถ้าโตขึ้นเราก็จะคุยกับเขานะคะ ว่ามันเป็นเรื่องของการแสดง ปัจจุบันเราอยู่กับลูกก็มิดชิดด้วยซ้ำ ไม่ได้กลัว ตั้งแต่ทำงานวงการมาแรกๆ อยู่ในสายตาของพ่อแม่มาตลอด เขารู้ว่าเป็นการแสดง เราก็คิดอยู่แล้วว่าเราจะมีครอบครัว เรามีลิมิตอยู่แล้ว สามารถอธิบายบอกลูกได้ วันนึงโตขึ้นเขาอาจจะเป็นนักแสดงแบบเราก็ได้ ตอนนี้เขาฉายแววความเป็นดารามาก เราพร้อมสนับสนุน แต่เราต้องคุยกัน ไม่ให้เขาไปแอบทำ เริ่มมีเดินแบบ ใส่เอวลอย เชื้อแม่แรงอยู่นะ ชอบไง เป็นดาราเป็นนักร้อง ถ้าลูกมาสายเซ็กซี่เราโอเค แต่ต้องอยู่ในลิมิตที่น่ารักเหมาะสมกับวัย ค่อยๆ เป็นไปตามวัยดีกว่า อุ้มเวอร์ชั่นเซ็กซี่จะไม่เห็นแล้ว ก็อาจจะน้อยลง แต่นานๆ ทีอาจจะมีบ้างให้กระชุ่มกระชวยหัวใจ เรารู้สึกว่าเราดูแลตัวเองมาดีขนาดนี้ ก็ต้องมีโชว์กันบ้าง”












