“ศาลฎีกาสูงสุด” วินิจฉัยพิพากษา! “กฤษณ์ ณรงค์เดช” เป็นผู้จัดการมรดกเพียงผู้เดียว

“ศาลฎีกาสูงสุด” วินิจฉัยพิพากษา! “กฤษณ์ ณรงค์เดช” เป็นผู้จัดการมรดกเพียงผู้เดียว

0

ศาลฎีกาสูงสุดวินิจฉัยพิพากษา! กฤษณ์ ณรงค์เดชเป็นผู้จัดการมรดกเพียงผู้เดียว

        ศาลฎีกาสูงสุดวินิจฉัยพิพากษา นายกฤษณ์ ณรงค์เดช เป็นผู้จัดการมรดก คุณหญิงพรทิพย์ ณรงค์เดชเพียงผู้เดียว มีความเหมาะสม ได้รับความไว้วางใจ มีอำนาจหน้าที่เต็มที่ในการจัดการทรัพย์มรดกที่ได้ร่วมสร้าง และกลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เพิกถอนนายณพ ณรงค์เดช ออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกร่วม ยุติข้อคัดแย้งมรดกหมื่นล้าน

อ่านข่าวต่อ: ศาลยกฟ้อง “กฤษณ์ ณรงค์เดช” ปมยักยอกมรดก ศาลชี้ไม่มีเจตนาเบียดบัง

กฤษณ์ ณรงค์เดช

กฤษณ์ ณรงค์เดช

       ศาลฎีกา ได้อ่านคำพิพากษาฎีกาที่ 3781/2568 ให้นายกฤษณ์ ณรงค์เดช บุตรชายคนโตของคุณหญิง พรทิพย์ ณรงค์เดช เจ้าของพินัยกรรมได้เป็นผู้จัดการมรดกแต่เพียงผู้เดียวตามเจตนารมณ์ของผู้ล่วงลับ โดยศาลฎีกาวินิจฉัยว่า นายกฤษณ์ ในฐานะผู้จัดการมรดก มีความเหมาะสม สามารถจัดการมรดกตามพินัยกรรม ทั้งยังได้ความยอมรับจากบิดา น้องชาย และความไว้วางใจจากผู้ล่วงลับ

กฤษณ์ ณรงค์เดช

กฤษณ์ ณรงค์เดช

       และศาลฎีกากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เพิกถอนนายณพ ณรงค์เดช ออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกร่วม โดยศาลฎีกาได้วินิจฉัยด้วยเหตุผลว่า ตั้งแต่ปี 2561 นายณพ มีความคัดแย้งกับนายเกษม (บิดา) มีการฟ้องร้องกันเป็นคดีแพ่งและคดีอาญาหลายคดี ทำให้ครอบครัวเกิดความเห็นแตกแยกเป็น2 ฝ่าย และนายณพ ไม่ได้รับการยอมรับและสนับสนุนจากบิดาและพี่น้อง ซึ่งการตั้งนายณพเป็นผู้จัดการมรดกร่วม จะทำให้เกิดความขัดแย้งหาข้อยุติได้ยาก และอาจสร้างความขัดแย้งของครอบครัวมากยิ่งขึ้น ทำให้การจัดการมรดกของผู้ล่วงลับไม่สำเร็จลุล่วง

กฤษณ์ ณรงค์เดช

กฤษณ์ ณรงค์เดช

      เรื่องราวมหากาพย์มรดกหมื่นล้านนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ คุณหญิงพรทิพย์ ณรงค์เดช เสียชีวิตในปี 2556 และศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งนายกฤษณ์ เป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมผู้ล่วงลับ ต่อมาปี 2563 นายณพ น้องชาย ยื่นคำร้องขอให้ถอนนายกฤษณ์ พี่ชาย จากการเป็นผู้จัดการมรดก และขอแต่งตั้งตนเองเป็นผู้จัดการมรดกแทน ซึ่งทั้งนายเกษม (บิดา) และนายกรณ์ (น้องชาย) ได้ยื่นคัดค้านคำร้องดังกล่าว ศาลชั้นต้นพิจารณายกคำร้องของนายณพ จากนั้นนายณพได้ใช้สิทธิขออุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ตั้งนายณพเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกับนายกฤษณ์ เป็นเหตุให้บิดาและน้องชายใช้สิทธิยื่นฎีกา

       เกือบ 2 ปีที่ ศาลฎีกาตรวจสำนวน และได้วินิจฉัยเห็นว่า นายกฤษณ์ ณรงค์เดช มีความเหมาะสม มีความสามารถ ในการจัดการมรกดตามที่ผู้ล่วงลับแต่งตั้ง สามารถจัดการมรดกตามพินัยกรรมสำเร็จลุล่วงหลายข้อ นอกจากนี้เจ้าของพินัย กรรมมีความไว้วางใจ และเห็นแก่คุณงามความดีของนายกฤษณ์ บุตรชายคนโตที่สร้างให้กับตระกูล ตามที่มารดาผู้ล่วงลับเขียนบรรยายไว้ในพินัยกรรม และจากการตรวจสำนวนต่างๆ จึงวินิจฉัยให้นาย กฤษณ์ เป็นผู้จัดการมรดกเพียงผู้เดียวดังเดิม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Comments