“ชมพู่ อารยา” สะเทือนใจข่าวน้ำท่วม ส่งกำลังใจน้ำลดแล้วยังต้องเดินหน้าต่อ
ได้รับเสียงชื่นชม ซุปตาร์สาว “ชมพู่ อารยา” ที่บริจาคเงินช่วยเหลือทุกครั้งที่ประเทศไทยเจอกับสภาวะวิกฤตหนัก ซึ่งเจ้าตัวร่วมบริจาคเงิน 1,000,000 บาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ผ่านมูลนิธิองค์กรทำดี ของ “บุ๋ม ปนัดดา” เพื่อสนับสนุนการทำงานของอาสาและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ และ ผู้ที่ประสบเหตุการณ์ในครั้งนี้ งานนี้ “แม่ชม” เผยว่า...
อ่านข่าวต่อ : “ชมพู่” ห่วงคนเดือดร้อนจากน้ำท่วมภาคใต้ “เสื้อแอบิเกล” ฮอตมากกระแสตอบรับดี
“ชมก็เหมือนทุกคนนอนเสพข่าวก็ไม่รู้ว่าจะช่วยยังไงได้ เราทำอะไรไม่ได้จริงๆ ไม่รู้จะช่วยยังไง ก็ติดตามอยู่ประมาณนึงแล้วชมเชื่อว่าหลายคนก็คงเป็นเหมือนกัน คือดูจนถึงจุดที่เรารู้สึกว่าต้องพักเสพ เพราะมันหดหู่เหมือนกันนะยิ่งมีวันที่สถานการณ์พีกๆ มันก็เป็นเรื่องของภัยธรรมชาติ ธรรมชาติก็ยิ่งใหญ่ที่สุด
ตอนที่โอนเงินให้แม่บุ๋ม ก็ไม่ได้พูดอะไรเยอะ ถามตรงๆ ว่าขาดเหลืออะไร เพราะเรารับฟังข่าวหลายช่องทางเลยอยากจะให้ความช่วยเหลือของเรามันไปแก้ปัญหาได้ตรงจุด เราทำบุญ เราก็อยากรู้เหมือนเวลาทำบุญกับวัด ว่าวัดจะเอาเงินไปสร้างศาลา สร้างโบสถ์ ทำหลังคาหรืออะไรแบบนั้น เราเลยถามแกว่าถ้ามีอะไรที่ขาดเหลือ สำหรับอาสา ก็น่าจะเป็นเรื่องน้ำมัน เรื่องพาหนะ ส่วนช่วงฟื้นฟูก็เดี๋ยวค่อยว่ากันอีกที จริงๆ คนไทยช่วยเหลือกันเยอะ เราก็ติดตามอยู่ตลอดว่าความช่วยเหลือมันไปถึงตรงไหน แต่วันที่มันพีกๆ เลย ที่เราทุกคนน่าจะรู้สึกร่วมกันมากที่สุดน่าจะเป็นวันที่รู้ว่ามีคนติดอยู่ข้างใน คนรอที่จะออกมา ตอนนั้นมันมีหลายภาคส่วน ทั้งทีมทำถุงยังชีพ อาหาร ความช่วยเหลือต่างๆ ก็หลั่งไหลเข้ามา แต่ความรู้สึกเรา ณ ตอนนั้นชมอยากเป็นส่วนหนึ่งได้เอาคนออกมา คือมันกระทบกับใจเราที่สุดแล้ว มันเกิดความรู้สึกร่วมเหมือนเราดูหนัง แต่นี่มันคือชีวิตจริง ดูแล้วมันต้องหยุดดู ต้องพักต้องวางโทรศัพท์ บางทีเราไม่ได้ตั้งใจจะเสพข่าว มันก็ขึ้นมาให้เห็นตลอด
เราทำอย่างอื่นไม่ได้ ยังคุยกับพี่บุ๋มเลยว่า พี่บุ๋มบอกไม่ต้องลงพื้นที่ ก็บอกไม่ได้กะจะลงอยู่แล้วพี่ เรารู้ว่าเรามีภาระ มีพันธะของเรา เราก็เลยอยากจะซัพพอร์ตคนที่เสียสละ อย่างพี่บุ๋มเองเขาก็มีครอบครัวเหมือนกัน เราก็อยากเป็นส่วนหนึ่งในการซัพพอร์ตเขา ก็บอกว่าไม่ลงแต่ถ้าขาดเหลืออะไรก็บอกได้เลย ส่วนที่คุณน็อตช่วยเรื่องหลอดไฟ ก็มีคนติดต่อเข้ามาแจ้งความจำนงมา เราก็ทำไป หลังน้ำลงเราก็ซัพพอร์ตอยู่แล้ว คุณย่าจะรู้จักคนเยอะ ก็เป็นสะพานบุญบอกกันไป
หลังจากนี้ก็คงเป็นเรื่องของการฟื้นฟูและเยียวยา ช่วงที่พีกที่สุดได้ผ่านไปแล้ว เราก็ยังเห็นใจทุกคนที่ได้รับผลกระทบ ก็ยังต้องไปต่อนะ มันก็มีความสูญเสียแหละ แต่เราก็ต้องโอเคกับชีวิตที่เหลืออยู่ มันต้องไปต่อ มันก็หนักหนาพอสมควร ชมให้กำลังใจไม่เก่งเลย เอาเป็นว่าเราในฐานะที่เป็นคนนั่งเสพข่าวอยู่ยังรู้สึกหนักอึ้งเลย แม้ว่าเราจะรู้ว่าเราไม่มีวันเข้าใจเขาได้ 100% เราไม่เข้าใจหรอกถ้าเราไม่ได้อยู่ตรงนั้นจริงๆ เอาเป็นว่าเราอยู่ตรงนี้ เรายังรู้สึกมันหนัก มันหน่วงในใจ เพราะฉะนั้นก็เข้าใจได้ถึงความรู้สึกของคนที่สูญเสีย คนที่เผชิญอยู่ตรงนั้นจริงๆ ว่ายิ่งกว่าเราไม่รู้กี่เท่า ก็เป็นกำลังใจให้ประ เทศไทยเราเจอวิกฤตหลายครั้ง เวลาไม่มีอะไรเราก็มีตีกันบ้างอะไรบ้าง พอเกิดเหตุการณ์ใหญ่ๆ แบบนี้ มันก็จะเห็นน้ำใจพลังของคนไทยให้เห็นกันเสมอ”
