“อ.ปานเทพ-แม่แตงโม” มอบหลักฐาน DSIผลวิเคราะห์ผู้เชี่ยวชาญ เอาผิด จนท.บิดเบือนคดี
วันนี้ (13 พ.ย.) เวลา 10.00 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) “อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์” ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน พร้อม “นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์” อดีตศัลยแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า , นายเอกราช นามโภคิน เป็นผู้เชี่ยวชาญระบบ GPS , นายคมสัน โพธิ์คง นักกฎหมาย และ นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ "แตงโม" เดินทางมายื่นเอกสารต่อ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้อํานวยการกองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนที่ 20/2568 เพื่อมอบหลักฐานเป็นสำเนาเนื้อหา 67 หน้า ภาพถ่าย 4 ภาพ นำไปประกอบสำนวนคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา ซึ่งมีพฤติการณ์เป็นที่ต้องสงสัยว่ามีกลุ่มบุคคลส่วนต่างๆ ร่วมกันบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เพื่อให้การช่วยเหลือแก่บุคคลอื่นให้ไม่ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง
อ่านข่าวต่อ: สมมติฐานฆาตกรรมคดี “แตงโม นิดา” ยังไม่จบ “ดีเอสไอ” ลงเรือพิสูจน์อีกในวันที่ 24 ต.ค.
(42).jpg)
(36).jpg)
อ.ปานเทพ กล่าวว่า ตนในฐานะประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินได้รับมอบอำนาจจาก แม่แตงโม ให้มาช่วยในทางคดี พร้อมมอบพยานหลักฐานสนับสนุนให้กับดีเอสไอ เพื่อพิจารณาว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐได้กระทำผิดในกระบวนการยุติธรรมเพื่อช่วยเหลือคนบนเรือหรือไม่ หลังเราได้เอกสารสำคัญมาจากคดีตำรวจ 21 ราย ฟ้อง นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ แต่ศาลยกฟ้อง และต่อมาเป็นเอกสารที่ถือว่าได้ยากที่สุด คือ พยานหลักฐานคำให้การและวัตถุพยานในคดีหลักของคนบนเรือ จึงทำให้เราได้หลักฐานจำนวนมาก นำมารวบรวมเรียบเรียง วิเคราะห์เหตุการณ์ทั้งหมดจนเชื่อว่ามีขบวนการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม บิดเบือนหลักนิติวิทยาศาสตร์ และมีการตระเตรียมพยานให้สร้างเรื่องหรือเกิดความเข้าใจว่าแตงโมตกเรือ และโดนใบพัดเรือ ซึ่งไม่สอดคล้องกับพยานที่อยู่ในมือของตน โดยมอบให้ ดีเอสไอ นำไปพิจารณาต่อยอดในสำนวนคดี
.(37).jpg)
(28).jpg)
"ครั้งนี้ต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมาจะเป็นการตั้งคำถาม เพราะเราไม่เคยเห็นพยานหลักฐานในคดีเลยจริงๆ แต่ได้อำนาจจากคุณแม่ ทำให้เราสามารถเข้าถึงพยานหลักฐาน และวัตถุพยานที่เกิดเหตุทั้งหมดทำให้เราเห็นพิรุธจำนวนมาก และเราไม่ต้องตั้งคำถามแล้ว แต่นำข้อมูลที่เห็นว่าเป็นพิรุธเหล่านั้นผ่านกระบวนการวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญหลายท่านแล้วนำส่งกรมสอบสวนคดีพิเศษให้วิเคราะห์ยืนยันว่าสิ่งที่เรานำมาถูกต้องครบถ้วน และนำไปสู่การแสวงหาความจริงและแสวงหาความยุติธรรมให้กับแตงโม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม" อ.ปานเทพ กล่าว
(29).jpg)
(12).jpg)
ขอบคุณภาพจาก สนธิทอล์ก และ ปานเทพ วงศ์พัวพันธ์
อ.ปานเทพ กล่าวอีกว่า ส่วนจะเป็นจุดเปลี่ยนหรือไม่นั้น นับตั้งแต่ได้พยานหลักฐานของคดีความหลัก ซึ่งคุณแม่ได้มีการเปลี่ยนทนายความและมอบหมายให้มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินเป็นผู้ดำเนินการและใช้ทีมทนายของเราทุกอย่าง ซึ่งจุดเปลี่ยน คือ หลักฐานในคดีถึงมือดีเอสไอและมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ และไม่มีใครสามารถเปลี่ยนพยานหลักฐานได้แน่นอน
ด้าน พ.ต.ต.ณฐพล เปิดเผยว่า เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ดีเอสไอ ลงไปเก็บข้อมูลเรื่องของตำแหน่ง GPS เรือ และตำแหน่งโทรศัพท์ของคนบนเรือ ถือเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี โดยวันพรุ่งนี้ (14 พ.ย.) จะได้ผลตรวจพิสูจน์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เป็นพยานหลักฐานจากภาพถ่าย ส่วนการสรุปสำนวนคดี หลังรับพยานหลักฐานเพิ่มเติมในวันนี้ก็อาจจะต้องสอบปากคำคุณแม่เพื่อประกอบสำนวนที่ส่งเอกสารมาให้ คาดว่าจะขยายผลสรุปสำนวนจากปลายเดือน พ.ย. เป็นไม่เกินกลางเดือน ธ.ค.68
.
ส่วนทาง นายคมสัน ระบุว่า ทางทีมงานได้มีการประชุม พร้อมวิเคราะห์ปากคำ หลักฐานที่อยู่ในสำนวนทั้งหมดเรื่องของการบิดเบือนหลักฐานในสำนวนคดี บิดเบือนผลพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ อาจมีการใช้พยานเท็จในสำนวน และมีหลักฐานหลายอย่างไม่ได้ถูกนำเข้าไปในสำนวน คือ จบในชั้นพนักงานสืบสวนแล้วก็ไม่ได้สอบสวนต่อ อย่างเห็นชัดเป็นหลักฐานความเห็นของผู้เชี่ยวชาญทางนิติวิทยาศาสตร์กลายเป็นไม่น่าเชื่อถือ เพราะทางฝ่ายพนักงานสืบสวนและอัยการเชื่อปากคำผู้ต้องหามากกว่า
.
ขณะที่ “นางภนิดา” เผยสั้นๆ ว่า ขอบคุณสื่อมวลชนที่ติดตามทำข่าวแตงโม และขอบคุณทีมงาน อ.ปานเทพ และ ดีเอสไอ ที่ทำคดีแตงโม มาตลอด









