“โอปอล สุชาตา” เปิดใจทั้งน้ำตา รู้สึกผิดเมื่อความสำเร็จมาพร้อมกับการโดดเดี่ยว!
เปิดเบื้องหลังคว้ามงฟ้า “โอปอล สุชาตา” ที่หลายคนไม่เคยรู้ เคยร้องไห้หน้ากระจกนับครั้งไม่ถ้วน เล่าเคล็ดลับ Manifest ชีวิตจนได้ Miss World 2025 และปมในใจหลังคว้ามง เสียความสัมพันธ์แต่ไม่เสียความฝัน ในรายการ WOODY FM
ความจริงหนูยังรู้สึกเหมือนเดิมนะคะ เพราะด้วยความที่เราอยู่ในวงการนางงามแล้ว เราทำงานจริงจังมาตั้งแต่ตอนเริ่มต้นตั้งแต่ปีแรกค่ะ เลยรู้สึกว่ายังคงเป็นการทำงานเหมือนเดิม เพียงแค่ว่าทำงานกับองค์กรใหม่ ก็อาจจะมีหลาย ๆ อย่างที่เราต้องปรับแล้วเป็นระดับโลกด้วย ก็อาจจะมี work culture หลาย ๆ อย่างที่เราค่อนข้างชินกับการทำงานกับทีมในไทย พอไปโน้นแล้วก็ไม่ว่าจะเป็นในมุมที่แบบต้องดูแลตัวเองต้องจัดการทุกอย่างเอง หรือจะเป็นการทำงานกับต่างชาติแล้วแต่ละประเทศที่เราไปไม่เหมือนกันเลย ก็จะเป็นในเรื่องนั้นมากกว่าที่แบบเปลี่ยนไปคล้ายๆ culture shock
ที่ผ่านมาเป็นการเดินทางที่หนักหนาสาหัสจริง ๆ บอกตามตรงนะคะ เพิ่งรู้คุณค่าของตัวเอง รู้ว่าเรามีศักยภาพ รู้ว่าเรามี ศักยภาพและความหมายในชีวิต มันหายากมากนะคะ โอปอดีใจมากที่เรามาอยู่บนเส้นทางนี้ แล้วเจอ value part หนึ่งของชีวิต เหมือนที่เราพูดใน Homecoming Spech มันออกจากใจจริง ๆ ไม่มีอะไรที่จะพูดเลยนอกจากขอบคุณที่ให้โอกาสเราในการทำให้ชีวิตตัวเองมีคุณค่า เพราะว่าแค่อายุ 21 ยังมีอะไรอีกมากมายในชีวิตให้ได้เจอ เพิ่งใช้ชีวิตมาแค่นี้ แล้วก็ยังรู้สึกว่าอยากให้อายุไขมนุษย์มันนานกว่านี้ จะได้มีเวลาสร้างคุณค่าให้ตัวเองได้เยอะ ๆ รู้สึก appreciate มาก เพราะว่าวันก่อนเพิ่งคุยกับพี่ที่รู้จัก แล้วเขาพูดกับเราว่า ดีใจแทนโอปอพอจังเลยที่ได้มายืนอยู่ตรงจุดที่ตัวเองอยากยืนด้วยระยะเวลาเพียงเท่านี้ เพราะว่าเราเคยคุยด้วยกันตอนนั้นก็คือไปแบบงานเปิดร้านของพี่ที่รู้จักแล้วเราก็นั่งคุยกับเขาแล้วอธิบายเพราะว่าปอวางแผนเราคุยกับเขาเลยว่า ตอนอายุเท่านี้ช่วงนี้เราจะเรียนแล้ว จะเบรกไปทำอันนี้เมื่อเราสำเร็จ รู้สึกว่าอันนี้จะเป็นพื้นฐานในการไปต่ออาชีพในฝันที่เราอยากเป็น ก็คือลิสต์ให้เขาเลยว่าเข้ามหาลัยถึงปีนี้ โอปอจะมาประกวดนางงามใหม่ จะไประดับโลก จะได้รับตำแหน่งไม่ได้ตำแหน่งแล้วก็กลับมา จะมาสานต่อเรื่องนี้ ๆ แล้วชีวิตโอปอรันแบบนั้น เป๊ะ ๆ เลย แล้วเขารู้สึกแบบว่าดีใจแทน ก็เลย realiz ว่า I'm so fortunate ที่เรามีโอกาสได้ทำในสิ่งที่รักแล้วก็อยากทำ แล้วชีวิตมันไปตามนั้นจริง ๆ แต่ว่าเราก็กลับมานั่งคิดว่า It's not just luck ก็ประเมินตัวเองเหมือนกันแล้วก็เป็นความโชคดีที่ประเมินชีวิตตัวเองได้ค่อนข้าง accurate so far
สิ่งที่ต้องแลกมากับการมาถึงจุดนี้คือเรื่องเวลา คุณจัดการเวลาให้กับเพื่อน ๆ และคนรอบข้างที่คุณรักยังไง ?
คิดว่าไม่เก่งเรื่องนี้เลย แย่มากจริง ๆ รู้สึกว่าห่างไกลค่ะ แล้วก็ไม่รู้ว่าตัวเองคิดไปเองไหมหรือว่าเพื่อนก็คิดเหมือนกัน แต่รู้สึกว่าเราไม่ดีพอกับการให้เวลาแล้วก็ความสนใจกับคนรอบข้าง แล้วก็บางครั้งก็รู้สึกว่าเหมือนต้องโทษตัวเองว่าเราโฟกัสกับสิ่งที่ชีวิตอยากจะทำมากเกินไปหรือเปล่า และก็มักจะบอกกับผู้คนอยู่เสมอว่า คุณต้องรู้จักขอบคุณในสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิต เพราะว่าฉันก็มีเพื่อนบางคนที่บอกว่าอยากจะเป็นอยากจะเป็นแบบโน้นนี่นั่นแล้วก็ work hard เราไปบอกเขา แต่ว่าเราต้องดูด้วยนะว่าระหว่างทางถ้าเกิดว่าเราเอาแต่ทำงานแล้วมันขาดการใช้ชีวิตไป แล้วยูไม่ได้รู้จักเห็นคุณค่าแม้กระทั่งดอกไม้เล็ก ๆ ที่เห็นระหว่างทางที่มันเติบโตตามธรรมชาติ ตอนนี้คือแล้วฉันจะมีสิทธิ์อะไรไปพูดแบบนั้น รู้สึกอายมากที่ไปบอกเขาแบบนั้น เพราะว่าเราเป็นแบบนั้น คือหนูทำงานตั้งแต่ 18 ใช่ไหมคะ ซึ่งรู้สึกว่าบางอย่างที่รู้สึกตอนนี้ มันก็ไม่ได้ใหญ่มากเทียบกับหลาย ๆ คนที่เขาก็จะต้องทำงานหาเลี้ยงตัวเองอายุน้อยกว่าปออีก แต่มันเป็นสิ่งที่เรา value เหมือนกัน เราบ้างานตั้งแต่อายุ 18 เลิกเรียนแล้วเพื่อนไปคาราโอเกะ เราเลือกที่จะไปทำงานแล้วก็ไม่ได้สร้าง relationhip กับเพื่อนหรือใครที่เรา consider ว่าเพื่อน แต่สิ่งที่โอปอรู้สึกว่าทำพลาดคือ relationhip ที่เคยมีมาก่อนหน้านี้ เราไม่ได้ตั้งใจรักษามันไว้ คือตอนนี้ก็ยังเป็นเพื่อนกันแต่รู้สึกว่าเราไม่ได้อยู่ในแบบไซเคิลของเขา ไม่รู้ว่าตอนนี้เพื่อนเป็นยังไง แล้วเพื่อนก็ไม่กล้าทักมาหา เราก็รู้สึกห่างกับเพื่อนไป เคยถามเพื่อนว่าเรายังเหมือนเดิมกันไหม เพราะรู้สึกเหมือนไม่ได้เจอเพื่อนเลยเราห่างเพื่อนมาก เราอาจจะไม่ได้สนิทกันเหมือนเดิมหรือเปล่า เพื่อนบอกมาว่าพวกเขารู้หมดว่าเกิดอะไรขึ้นในชีวิตเรา We know what's going on แต่ว่าเลือกที่จะไม่ interfere เพราะกลัวว่าเขาจะมาขัดกับการเติบโตของเรา (น้ำตาไหล)
คิดถึงอะไรอยู่ ?
เพราะว่าวันก่อนเพื่อนทักมาถามว่าอยู่ไหน โอปอบอกว่าอยู่อังกฤษกำลังจะกลับไทยแล้วเขาก็บอกว่าจะกลับไทยเหมือนกันเผื่อได้นัดกัน แล้วเพื่อนเขาก็พูดมาคำหนึ่งว่าไม่กล้าทักไป เพราะว่าไม่อยากรบกวน รู้สึกว่าเราเป็นเพื่อนภาษาอะไร เพื่อนถึงไม่กล้าทักมา อยากให้ทักค่ะ เพราะว่าคือก็เป็นเพื่อนกัน แต่ว่าในขณะเดียวกันอีกใจหนึ่งก็รู้ว่าถึงให้เพื่อนทักมาชวนเราก็ไม่ว่างไป เราไม่อยากปฏิเสธเพื่อนแต่ว่าในขณะเดียวกันรู้สึกว่าเราเป็น bad friend ไม่มีคุณสมบัติเพื่อนที่รู้สึกว่าเขาสามารถทักมาได้