น้ำตาซึม “ต่าย อรทัย” เล่าชีวิตที่เกือบไม่ถึงฝัน! ถ้าไม่เป็นนักร้องก็คงเป็นสาวโรงงาน
เปิดหมดเปลือก “ต่าย อรทัย” ศิลปินลูกทุ่งชื่อดังใน ที่ได้มาเล่าเส้นทางชีวิตและการทำงานในวงการเพลง จากสาวโรงงานสู่ตำนานดอกหญ้าในป่าปูนที่สร้างปรากฏการณ์ยอดขายถล่มทลาย เคยทัวร์หนักจนต้องแอดมิด รพ. รวมถึงความผูกพันที่ลึกซึ้งกับคุณยายที่เป็นแรงบันดาลใจสำคัญในชีวิต ก่อนจะก้าวสู่ศิลปินที่คนทั้งประเทศรัก
เราเริ่มมาเป็นนักร้องตอนปลายปี 44 พี่ต่ายเริ่มเข้าแกรมมี่แล้ว เพลงดอกหญ้าในป่าปูน มันปล่อยช่วงปี 2546 ตอนเป็นศิลปินฝึกหัด ก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะมาได้ไกลขนาดนี้ เพราะว่าครูเอง ค่ายเอง ผู้ใหญ่ หรือทีมงาน ไม่มีใครบอกเราได้สักคนเลย แต่เพียงแค่เรามีความรู้สึกว่าเด็กต่างจังหวัดคนหนึ่ง อยู่ดีๆ แล้วได้เข้ามา ต่อให้ไม่ดังก็ตาม แต่ได้รับโอกาสแบบนี้ สมัยนั้นโทรศัทพ์ก็ยังไม่มี และก็ยังไม่ได้มีรายได้ ต้องหยิบยืมผู้จัดการ หรือว่าค่ายแบบซัพพอร์ตเราก่อนแล้วก็มาคืนที่หลัง สู้ไปก่อน เขาให้ไปเรียน พี่ต่ายก็ไป กลับมาห้องนอนร้องไห้ทุกวัน คิดถึงยาย (น้ำตาซึม) ทั้งเป็นศิลปินฝึกหัดไปด้วย แล้วก็ต้องทำอัลบั้มเพลงให้เสร็จใน 1 ปีนั้น
อัลบัมที่คิดว่าทำงานหนักคืออัลบั้มชุดที่ 5 ด้วยความที่เราทัวร์แบบนั้นมาตลอด แล้วการจัดตารางชีวิตไม่ได้ดี ทำให้มีผลต่อเสียง มีผลต่อการพักผ่อน มีผลต่องานต่างๆ แล้วเราจะน็อก ชุดที่ 5 ชุดที่ 6 คือพลังก็ไม่มี จำคำหนึ่งที่พี่นางศิริพรพูดได้เลย ….บอกอีหล่าเอื้อยคือฟังเสียงโตแล้วเอื้อยคือบ่ม่วนน้อ คือเป็นบ่มีอารมณ์เพลง รู้สึกบ่ม่วน บ่มีความสุขเลย เลยกลายเป็นว่าก็ต้องเข้าโรงพยาบาลถึงขนาดแอดมิดเลย จำได้ว่างานคอนเสิร์ตเป็นงานสินค้าตัวหนึ่ง แล้วมันก็ต้องทัวร์แบบถี่ยิบๆ เลย รวมถึงงานจ้างอื่นๆ ก็ไปสลับกัน แล้ววันนั้นคือลงเวทีปุ๊บก็ต้องไปโรงพยาบาล จากวันนั้นมาไม่เอาอีกเลย ก็คือเปลี่ยนตารางชีวิตใหม่ นอนพักผ่อน รับงานให้พอดี ออกกำลังกาย จนถึงปัจจุบัน
ถ้าวันหนึ่งเราไม่ได้เป็น ต่าย อรทัย ถามแล้วมีแผนสำรองไหมว่าถ้าไม่ได้เป็นนักร้องจะเป็นอะไร คือ ไม่รู้เลย เพราะว่าก็ด้วยความที่เราเป็นเด็กต่างจังหวัด หมายถึงการจัดระเบียบในความคิดหรือแผนชีวิตอะไรต่างๆ มันก็ยากอยู่นะ พ่อแม่เราลูกชาวไร่ชาวนา เขาก็ไม่ได้มีชุดความคิดแผน 1 แผน 2 แผน 3 ให้เรา รู้แค่ว่าเรียนต่ออยู่เมืองอุบลไม่ได้ มันก็ต้องมาสู้งานในกรุงเทพฯ แค่นั้น แล้วงานอะไรล่ะ เราจบเพียงแค่ ม.6 ตอนนั้น ก็คือมาทำงานโรงงาน เป็นสาวโรงงานมาก่อน พี่ต่ายถึงได้แบบรู้สึกเข้าใจเวลามีกิจกรรมไปโรงงาน จะคิดถึงตลอดเพราะว่าหลายเดือนที่อยู่ตรงนั้น คือเราเข้าใจความยากลำบาก อยู่ห้องเช่า แล้วเรามีความรู้สึกว่าถ้าวันหนึ่งไม่ได้เป็นนักร้อง ก็อาจจะยังทำงานอยู่ในโรงงานเหมือนเดิม ถ้าวันนี้ไม่ได้เป็นนักร้องก็อาจจะแต่งงานมีครอบครัวยังเป็นสาวโรงงานอยู่ก็ได้แค่นั้นเอง