”ป๊ายปาย โอริโอ้“ เปิดใจปมดราม่าผู้จัดพูดบนเวที ลั่นทำเต็มที่ถึงแม้จะออกมาไม่เพอร์เฟกต์
กลายเป็นประเด็นดราม่าขึ้นมาทันที เมื่อผู้จัดซีรีส์ “B-Friend – เจตนา (ไม่) ลืม” อย่าง ”กุ้ง ศรุดา“ ได้พูดถึง ”ป๊ายปาย โอริโอ้“ บนเวทีทำนองว่า “ไม่เคยทำอะไรแล้วเหนื่อยแบบนี้ ในชีวิตไม่เคยเจอดราม่าขนาดนี้ พอเราก้าวเข้าสู่การเป็นผู้จัดทำให้เราถูกโดนด่า โดยเขาไม่รู้คำตอบของเราเลย ฉายทุกวันโดนด่าทุกวันในX ฉากสุดท้ายกุ้งนั่งดู ร้องไห้ กุ้งบอกว่าเราสำเร็จ ความสมบูรณ์อยู่ที่เราพอใจ เราได้ทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้ว
อ่านข่าวต่อ: “ป๊ายปาย โอริโอ้” นำเงินจากแฟนคลับร่วมส่งกำลังใจและซื้อเสื้อเกราะให้ทหาร จำนวน 4 แสนบาท
กุ้งขอบคุณปายที่เป็นแรงบันดาลใจที่ให้ทำเรื่องนี้มันเป็นอะไรที่ท้าท้ายมาก ก็มีทั้งความรักและความเจ็บปวด เป็นงานที่เจ็บปวดทรมานและมีความสุข มันครบรสมาก เราเชื่อว่าถ้าไม่ได้เจอดราม่าเรื่องนี้จะไปได้ไกล” งานนี้แฟนคลับก็เข้ามาคอมเมนต์สนั่นมองว่าคำพูดดังกล่าวไม่ให้เกียรติกับ ”ป๊ายปาย“ พร้อมติดแฮชแท็ก #saveป๊ายปายโอริโอ้
ล่าสุดเจอตัว “ป๊ายปาย” เจ้าตัวก็ได้ออกมาเปิดใจถึงเรื่องนี้ว่าต้องขอบคุณ ทุกๆ คนที่ส่งกำลังใจมาให้ มันเป็นพลังรัก ไม่ว่าจะเป็นนุ๊ก ธนดล, ก้อง ห้วยไร่, เบิ้ล ปทุมราช ก็ส่งกำลังใจมาให้ ซึ่งถามว่าตอนนั้นเราตกใจไหม เราก็ตกใจกับสิ่งที่เขาพูดบนเวที ก็อย่างที่ทุกคนเห็น
ส่วนบนเวทีวันนั้นอย่างที่บอกถ้าเราได้รับมอบหมายหน้าที่อะไรมา เราก็จะทำให้ดีที่สุด ในฐานะการเป็นนักแสดง ในซีรีส์เรื่องแรกของเรา เราก็พยามเต็มที่ หรือว่าเราได้รับบทบาทการร้องเพลง เราก็ร้องเพลงเต็มที่ ทุกอย่างเราก็จะทำเต็มที่ บนเวทีที่เขาพูดเราก็พยายามฟังเรื่อยๆ เราก็จะเป็นผู้ฟังที่ดี แล้วก็คิดภาพตาม บางอย่างมันก็เป็นจุดด้อยของปายเอง มันอาจจะไม่เพอร์เฟกต์ ยอมรับว่าเราไม่ใช่คนเพอร์เฟกต์ขนาดนั้น แต่เราไม่ได้ปิดกั้นตัวเอง แค่เปิดโอกาสให้ตัวเองได้ทำ แต่ถ้าเป็นผลที่ตามมา เราก็ก้มหน้า ยอมรับในสิ่งนั้น และเราก็จะทำสิ่งนั้นให้มันดีขึ้นต่อไป
โดยก่อนที่เราจะแสดงซีรีส์ เราก็ได้มีการเวิร์กช็อปกัน มีการเข้าคาแรกเตอร์ของตัวละคร แต่ตอนนั้น ก็ไม่มีฟีดแบ็กอะไรกลับมา แต่พอถ่ายทำไปเรื่อยๆ ก็ไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น เพราะว่าก่อนหน้านี้เขาก็ไม่ได้มีฟีดแบ็กอะไรกลับมา เราก็เพิ่งมารู้วันนั้นวันเดียวเลย เพราะตลอดระยะเวลาในการถ่ายทำ เราก็มีการดีลงานว่าทำอะไรบ้างในแต่ละซีน มันก็เป็นเรื่องปกติ ของการทำงานคือมันก็มีฟีดแบคว่า เราเล่นแข็งบ้าง แต่เราก็พูดตั้งแต่เริ่มแล้วว่า เราไม่ใช่นักแสดงนะ อาจจะมีเล่นแข็งบ้าง แต่น้อมรับทุกคำติชม ก็อยากจะให้ทุกคนเปิดโอกาสให้หน่อย แล้วแต่ละฉากเวลาเราเข้าฉาก ก็ใช้เวลานานมาก บางฉากที่เราถ่ายไปก็ไม่ได้ออนแอร์ เพราะว่าบางทีหน้าเซ็ตตรงนั้นมันอาจจะไม่ดี