“เกรซ” ไม่คิดเอาชนะใคร หลังโดนแซะเก่งเกินหมอ ลั่น! อย่าดูถูกกัน
ก่อนหน้านี้มีดราม่าของนักแสดงสาว “เกรซ กาญจน์เกล้า” หลังที่เจ้าตัวแชร์ประสบการณ์การ กินยาลดกรดต่อเนื่องเป็น 10 ปี ส่งผลให้เป็นเนื้องอกในลำไส้ และการกินอาหารเสริมในสิ่งที่ร่างกายขาด โดยหลังจากที่พูดออกไปก็เจอ ชาวเน็ตบางส่วนบอกเจ้าตัวทำตัวเก่งเกินหมอ งานนี้สาว “เกรซ” แจงว่า...
อ่านข่าวต่อ : “เกรซ” เล่นละครกะเทยธรรม ชี้แจงดราม่าข้อมูลเรื่องสุขภาพ
“เป็นการแชร์ให้หลายๆ คนได้รู้ว่าอย่ากินยาพร่ำเพรื่อ ควรจะรักษาที่ไลฟ์สไตล์ที่รากของตัวเอง เกรซเชื่อว่าคนเป็นหมอจริงก็ไม่ได้อยากจ่ายยาพร่ำเพรื่อหรอก แต่ว่าคนไข้ไม่รู้จักปรับเปลี่ยนพฤติกรรม แล้วพอกินเป็นสิบปีเนี่ยเกรซก็เลยต้องแปะให้ดูเพราะหลายคนนึกว่าเกรซน่ะนั่งเขียนเอง ฉันเป็นคนไข้ฉันก็เลยต้องแปะให้ดู ว่านี่คือติ่งเนื้อนี่คือผลของการที่กินยาแบบไม่รักษาที่ต้นเหตุ แล้วก็ใครที่ดูอยู่ที่ยังใช้ยาอยู่เนี่ย ก็ต้องอยู่ใต้คำแนะนำของคุณหมอนะ ไม่ใช่ว่าจะหยุดยาเอง เกรซว่าเรื่องพวกเนี้ยมันคือบาลานซ์ อะไรที่มันมากไปไม่ดี น้อยไปก็ไม่ดี มันเป็นแบบนั้นมากกว่า อย่าบูลลี่กันเลย เพราะว่าเราไม่ได้จะไปเป็นหมอ เราไม่มีทางเป็นได้ เพียงแต่แค่ว่ามันจำเป็นเหรอที่ความรู้จะต้องเฉพาะกลุ่มอยู่แค่หมอ จริงๆ แล้วเราควรที่จะมีความรู้ในแง่สาธารณสุข ในแง่ของสุขภาพที่มากกว่านี้อีกเยอะด้วยซ้ำ เด็กๆ รุ่นต่อไปควรที่จะแบบอัพสกิลเรื่องของสุขภาพเรื่องของความรู้ เกรซว่าสิ่งพวกเนี้ยมันควรที่จะเปิดกว้าง
มันไม่ได้ถึงขั้นบั่นทอน แต่มันก็แค่รู้สึกว่า โอ๊ย คือฉันจะเป็นคนไม่ชอบไฟท์อยู่ในวงการมาก็เป็นคนที่แทบไม่มีดราม่าเลย แต่ว่าเราก็พร้อมที่จะอธิบายมันเป็นสิ่งที่สบายมากอยู่แล้วที่จะอธิบาย เพียงแต่แค่เกรซว่าบางคอมเมนต์ที่บูลลี่ที่ดูถูกว่าเราว่าไม่ใช่หมอสักหน่อย เรียนแค่สองปีเอง เกรซว่าเราอย่าดูถูกความพยายามของใครเพราะจริงๆ ทุกคนก็มีแอสเซ็ทของตัวเองในสิ่งที่พวกเราถนัด เราก็ไม่ได้สามารถถนัดแล้วก็เก่งทุกอย่างในโลกได้ ดังนั้นเราเริ่มที่จะเรียนรู้ได้ วันนี้ฉันอาจจะไม่ฉลาด แต่ฉันเรียนไปเรื่อยๆ วันนึงฉันต้องฉลาดขึ้น แต่มันไม่จำเป็นว่าฉันจะต้องฉลาดเท่าใคร เราแค่จะต้องเก่งขึ้น เก่งกว่าตัวเองในวันเมื่อวานแค่นั้นเอง
ฉันไม่ได้อยากตอบโต้หรอก แต่ฉันก็แค่ต้องปกป้องตัวเองตรงนี้ เพราะว่าจุดพื้นที่ตรงเนี้ย มันเป็นจุดที่เราทำงานในสายงานของเรา เราไปเนี่ยเราไปแบบเรามีข้อมูลดีๆ หรือแม้กระทั่งงานอย่างการที่เราเป็นดาราเกรซก็มองว่าการที่เกรซมาเรียน คือสิ่งที่ฉันรับผิดชอบที่สุดเท่าที่ฉันจะทำได้แล้วนะ คือฉันมาเสียเวลาเรียนเนี่ยฉันไม่ได้รับละคร ฉันไม่ได้ออกเพลงอะไรเลยเนี่ย ฉันทำเต็มที่แล้วก็รับผิดชอบตรงเนี้ยเต็มที่ๆ สุดเท่าที่เราจะทำได้แล้ว
ไม่ได้อยากเคลียร์ ไม่ได้รู้สึกอยากที่จะไปเคลียร์ว่าฉันถูก เธอผิดอะไรอย่างเงี้ย ไม่ใช่ แต่เกรซแค่ไม่อยากให้ใครเข้าใจว่าเกรซไม่มีความรับผิดชอบในการที่จะสื่อสารอะไรออกมา เพราะว่าทุกสิ่งที่เราสื่อสารมันต้องมีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์รองรับอะไรอยู่แล้ว อยากให้ทุกคนเปิดใจกับข้อมูลใหม่ๆ เพราะโลกเรามันเปลี่ยนไปทุกวัน อย่าไปยึดติดอยู่กับข้อมูลในตำราเดิมๆ เพราะโลกมันเปลี่ยนไปทุกวัน คือเกรซก็รู้สึกว่าคงจะไปห้ามให้ใครมาว่าหรือมาแบบอะไรอย่างเงี้ยไม่ได้หรอก เกรซว่าก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของธรรมชาติ แต่ว่าอันไหนที่เราทำไม่ได้หรืออะไรที่เขามองว่าเราผิด ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรงก็อาจจะออกมาอธิบาย หรืออาจจะออกมาตอบคอมเมนต์ แต่ว่าบางอย่างตอบแล้วมันไม่หยุดไงเพราะเคยตอบเหมือนกัน แล้วแบบอุ๊ยมันไม่หยุดมันก็ยิ่งก่อเป็นวอร์ดเป็นการทะเลาะวิวาทเป็นสงครามในออนไลน์ ซึ่งก็ไม่อยากให้ทำอย่างงั้น ก็มีคนถามเหมือนกันว่าจะฟ้องไหม ถ้ามันแรงจริงๆ ก็คงต้องฟ้อง เพราะว่ามันคือชื่อเสียงของเรา แต่ถ้ามันสามารถอธิบายหรือพูดคุยกันได้ เกรซก็ไม่ได้ต้องการเป็นผู้ชนะของใคร”...