“เอส กันตพงศ์” เผยสาเหตุไม่ค่อยโพสต์ออกสื่อ ลั่น! ใช้ชีวิตเรียบง่าย
นานๆ มีโอกาสได้เจอพระเอกหนุ่ม “เอส กันตพงศ์” หลังอาการป่วยดีขึ้นมากๆ จนกลับมาใช้ชีวิตปกติ ล่าสุดเจ้าตัวได้อัปเดตพร้อมเปิดใจถึงทำงานจิตอาสา แม้ไม่ค่อยโพสต์ออกสื่อ
อ่านข่าวต่อ : "เอส กันตพงศ์" พาครอบครัวกลายเป็นคนรักสุขภาพ หายไปทำงานจิตอาสา พร้อมฝากผลงานละคร...
“วิถีการกินของผมทุกคนจะรู้ว่าผมง่าย เวลาสั่งของเอสก็จะมีแค่ผักกับโปรตีนให้พอ ผมเป็นคนไม่เลือกรสชาติอาหาร ขอแค่ให้มีโปรตีนกับผักเยอะแค่นั้นเอง แล้วเวลาไปกองก็ไม่เลือกเมนูเองด้วย เวลาไปข้างนอกก็ไม่ได้ฟิกขนาดนั้นว่าต้องชั่งตวงอะไร สามารถใช้ชีวิตกับคนอื่นได้ง่ายน้ำก็ง่ายคือน้ำเปล่า กับ นม ผมดีใจมากตอนนี้ผมสามารถเปลี่ยนนิสัยคุณแม่ได้แล้ว แอบเห็นว่าคุณแม่น้อยใจเวลาซื้ออะไรมาแล้วผมไม่ทาน ไปสั่งเองต่างหาก เพิ่ง 3-4 ที่ผ่านมา อันนี้คุณแม่สั่งมาจากร้านขายดีเขาเป็นโปรตีนเจ้าดังคัดสรรเมนูอาหารวิตามินต่างๆ มาเรียบร้อย คุณแม่ก็คงเปลี่ยนมาด้านนี้แล้วเหมือนกัน ภรรยาและลูกเขาเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วด้วย เลยทานด้วยกันได้ง่าย รักสุขภาพอยู่แล้ว
กับลูกสาวเจอกันตลอดแต่ผมเป็นคนที่ข้อเสียของตัวเองคือไม่ค่อยโพสต์ เป็นข้อเสียตั้งแต่ก่อนเข้าวงการจนเข้าวงการ แต่พออยู่ในวงการมันเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ พอป่วยเลยเป็นสิ่งที่คนอื่นไม่ค่อยกล้าบังคับเพราะป่วย และเป็นข้อดีที่ไม่ใช่ข้ออ้างคือผมจำรหัสตัวเองไม่ได้จริงๆ ผมก็เลยไม่ต้องลง เพราะเป็นคนไม่ค่อยชอบเล่นโซเชียล แต่ตอนนี้คิดว่าอาจจะเปลี่ยนนิสัยตัวเองเสียใหม่ เพราะมันมีข้อดีที่มาตระหนักได้ ผมเคยลืมตรงนี้ว่าผมเข้าวงการมันถึงทำไม ตอนนี้ถ้าไปดูคลิปผมหลังๆ จะเป็นเรื่องธรรมะหมดเลย เราเลยลืมว่าเราเข้าวงการเพราะธรรมะเราเคยแอบทำช่องธรรมะ ของตัวเองโดยใช้เอไอเพราะผมไม่กล้าพูดสอนธรรมะเพราะกลัวบาปถ้าพูดผิดเลยใช้เอไอพูด ตอนนี้ก็เลยรู้สึกว่าเดี๋ยวลองเปลี่ยนบุคลิกใช้ให้มันเป็นประโยชน์หน่อยอุตส่าห์ตัดสินใจเข้าวงการบันเทิงเพราะอยากจะทำประโยชน์ไม่ใช่หรอทำไมกลัวจนเกินเหตุ อันนี้คือที่ตั้งใจจะเปลี่ยนไปไม่รู้จะเปลี่ยนเมื่อไหร่นะใช้กี่ปี ก็อยากจะทำให้มันดีขึ้นอยากจะเล่นโซเชียลอาจจะได้เห็นกิจกรรมผมกับลูก
แต่ยุคสมัยนี้ทำอะไรก็ต้องโพสต์บุคลิกของผมพอมันป่วยมันไปผสมกับ…มันเป็นอะไรที่อธิบายยากจริงๆ เหมือนเคยทราบว่าไม่ได้ต้องการเข้าวงการมาเพื่อเอาชื่อเสียง รู้สึกว่าเราเข้าวงการมาเพื่ออยากทำประโยชน์ไม่ใช่หรอ ทำไมเราไม่บาลานซ์หน่อย เพราะเรารู้สึกว่าไม่ได้อยากทำเพื่อได้หน้า แต่พอผมก็มีไอดอลจากคนรุ่นก่อน ผมดันลืมคิดว่าไอดอลเราเราก็เห็นเขาจากสื่อ แล้วทำไมเราไม่เอากิจวัตรของเรามาให้เขารู้หน่อย เมื่อก่อนผมกลัวและไม่อยาก ทำเพื่อเอาหน้ากลัวตัวเองไปยึดติด
กลัวตัวเองเลยไม่อยากทำ ผมกลัวว่าผมจะไปติดกับชื่อเสียง เวลาเจอทุกคนผมก็ก็คือมนุษย์คนหนึ่งธรรมดา ผมไม่ใช่เอส กันตพงศ์ที่เป็นพระเอก ผมก็แค่คนคนหนึ่ง เจ้านายผมคือแฟนคลับ ไม่ใช่คนที่ผมจะต้องหยิ่งใส่ ผมมีอาชีพและรายได้ก็คือเจ้านาย แต่ตอนนี้ก็พยายามจะปรับให้คนอื่นเห็นสิ่งที่เผื่อจะเป็นแง่คิดบ้างให้เป็นประ โยชน์ คงจะกลับมาในโซเชียลบ้างแล้ว คิดว่าน่าจะเร็วๆ นี้”...