“ไมค์ พิรัชต์” เล่าปมในใจ ถูกคนในวงการดูถูกเหยียดหยาม ไม่มีที่ยืนในสังคม จนหมดแพชชั่น

“ไมค์ พิรัชต์” เล่าปมในใจ ถูกคนในวงการดูถูกเหยียดหยาม ไม่มีที่ยืนในสังคม จนหมดแพชชั่น

0

“ไมค์ พิรัชต์” เล่าปมในใจ ถูกคนในวงการดูถูกเหยียดหยาม ไม่มีที่ยืนในสังคม จนหมดแพชชั่น

              ออกมาเปิดใจสำหรับ 2 หนุ่มดูโอ้ขวัญใจวัยรุ่นยุค 2000 เจ้าของตำนานผมรากไทรอย่าง “กอล์ฟ พิชญะ นิธิไพศาลกุล” และ “ไมค์ พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล” ที่แท็กทีมกันมาเคลียร์ใจแบบหมดเปลือกในรายการ WOODY FM ไมค์เล่าทั้งน้ำตาเผยเหตุผลที่บินไปทำงานที่จีน เพราะโดนดูถูกเหยียดหยามจากคนในวงการ รู้สึกไม่มีที่ยืนในสังคม ว่า

อ่านข่าวต่อ : ปักหมุดวันรอ! คอนเสิร์ต “กอล์ฟ-ไมค์” สนุกจัดเต็มเจอกัน 2 ธันวาคมนี้ ห้ามป่วย ห้ามเบี้ยว

ไมค์ พิรัชต์

ไมค์ พิรัชต์

              ดีใจมากที่ 2 คนมานั่งรวมตัวกัน ทั้งคู่มาไกลมาก ชีวิตของพวกคุณผ่านอะไรกันมาเยอะจริงๆ บางทีก็ล้มบ้างลุกบ้างก็เป็นสีสันของชีวิตสุดท้ายมันก็ผ่านไป เป็นประสบการณ์สอนเราและไมค์ได้ไปอยู่จีน เหตุผลที่ตัดสินไปคืออะไร ?

ไมค์ : เอาจริงๆเลย ตอนนั้นดังจาก Full House แล้วก็มีคนมาตามอยู่หลายรอบเลยว่าไปจีนไหม ไปต่างประเทศไหม ผมก็ยังไม่ได้ไปครับ แล้วก็เกิดข่าวคราวต่างๆ เมื่อสมัยโน้นนานมาแล้ว คือหลังจากข่าวนั้นหลายๆ อย่างมันก็เปลี่ยนไป เวลาออกไปไหนสายตาคนที่มองเรา คือด้วยความที่ปกติผมก็เป็นคนที่ระแวงสายตาคนอยู่แล้ว อันนี้มันยิ่งทวีคูณเข้าไป ผมรู้สึกว่าสายตาคนที่มองผม คือความเหยียดหยาม ความดูถูก เวลาผมไปเดินห้างหรืออะไรแบบนี้หลังๆ ผมก็เลิกเดิน หรือแม้กระทั่งคนในวงการ ผมก็รู้สึกอย่างนั้น

               รู้สึกว่าเวลาไปงานวันเกิดเพื่อนหรืองานที่ๆ มีคนในวงการเยอะๆ สายตาพวกเขาเวลามองผม คือพวกเขาอาจจะไม่ได้คิดแบบนั้นก็ได้นะ แต่คือความระแวงความกังวลของผมมันคิดแบบนั้นไปแล้วว่าเขากำลังขยะแขยงเราอยู่ เขากำลังมองเราด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยาม ซึ่งผมไปงานๆ หนึ่งแล้วผมรู้สึกได้เลยว่าคนล้อมเยอะมาก แต่ว่าไม่มีใครมาคุยกับผมเลย ทุกคนแค่เดินมาสวัสดีทักทายแล้วก็ไป เหมือนผมยืนอยู่กลางวงแล้วแบบไม่รู้ผมมาทำอะไรที่นี่

ไมค์ พิรัชต์

             ตอนนั้นผมก็รู้สึกว่าเราไม่มีที่ยืนตรงนี้แล้ว ไม่มีใครอยากเข้าใกล้เรา แล้วมันแบกรับความรู้สึกนี้อยู่เป็นปี เราก็ไม่ไหว แล้ววันหนึ่งที่มีคนมาบอกว่าไปจีน วันนั้นผมตัดสินใจไปเลย เพราะว่าถ้าผมยังอยู่ตรงนี้ต่อไปตายแน่ ไม่รอด ไม่ไหว แล้วพอผมไปจีนรู้สึกว่าไม่ได้มีใครมาสนใจเรื่องที่เกิดขึ้นที่ไทย แล้วเขายินดีที่จะอ้าแขนต้อนรับเราแบบไม่มีอคติ ไม่มีกำแพง แล้วผมรู้สึกมีความสุขมากเลย รู้สึกว่าต่อให้งานมันจะยากกว่า ต้องไปนั่งท่องบท ต้องฝึกภาษาจีน เหนื่อยกว่าหลายเท่าแต่มันก็มีความสุขกว่านะ มากกว่าอยู่ที่นี่แล้วรู้สึกว่าทุกคนเหยียดหยามเรา 

พี่อยากจะบอกคุณว่าไม่จริง ไม่ได้มีคนทั้งวงการมาเหยียดหยามคุณ  แต่จริงที่ว่าช่วงที่เป็นข่าวก็มีคนพูดถึงเยอะ แต่ทุกคนก็รอคอยว่าไมค์จะยังไงต่อ แล้วตอนนั้นพี่ก็เป็นห่วงมาก ?
ไมค์ : มันโดดเดี่ยวพี่ มันตัวคนเดียวจริงๆ ถ้าให้นึกย้อนในความรู้สึกตอนนั้นจะอยู่ต่อไปทำไม ไม่รู้จะไปทางไหน (น้ำตาคลอ) ไปทางไหนก็ตันไปหมดเลย

วันที่ดาร์กที่สุดเหตุการณ์เป็นยังไง ?
ไมค์ : พูดได้ไหม ก็คือกดดันมากจน ก็อยู่นอกระเบียงแล้ว ( น้ำตาคลอ ) รู้สึกเหมือนมันไม่มีทางออกเลย

กอล์ฟรู้เรื่องนี้ไหม ?
กอล์ฟ : รู้ครับ

ดีใจมากที่คุณนั่งอยู่ตรงนี้ วันนี้เราแค่สะท้อนกลับไป มันผ่านไปแล้ว ขอโทษที่พูดถึงมันแต่พี่คิดว่ามันน่าจะเป็นประโยชน์กับหลายคน ที่เจอทางตันและหาทางออกไม่ได้ ?
ไมค์ : คือการที่เราเกิดเป็นผู้ชาย คุณเป็นผู้ชายคุณจะอ่อนแอไม่ได้ ต้องเข้มแข็งจะมาร้องไห้อะไร แต่แค่อยากจะบอกว่าคนที่เขาไม่ได้มาอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเรา เขาไม่มีทางเข้าใจเลยว่าเรื่องที่เราต้องเจอต่างๆ คือเรื่องที่ทุกคนเห็นในสื่อมันเป็นแค่เศษเสี้ยวที่ผมเจอ เท่าที่ออกสื่อได้ มันยังมีอีกมากมายที่อยู่ใต้น้ำที่เราพูดไม่ได้ วันนั้นผมก็พยายามทำตัวเข้มแข็งนะ แต่ ณ ปัจจุบันผมจะบอกว่าจริงๆพอเราเริ่มรู้ตัว ในวันนั้นเราไม่ได้อ่อนแอเลย เราเข้มแข็งที่สุดแล้วด้วยซ้ำแต่เพียงแค่เรื่องที่เราเจอมันอาจจะแปลกเยอะไปจนเราดูเหมือนคนอ่อนแอ หรืออาจจะเป็นทางอาการป่วยทางเคมีหรืออะไรสักอย่างที่มันเป็นความเศร้ามากๆ จนมันควบคุมไม่ได้

ไมค์ พิรัชต์

ไมค์ พิรัชต์

กอล์ฟ : เป็นเพราะว่าไมค์เป็นคนที่ไม่ค่อยพูดด้วยครับ ไม่บอกว่ารู้สึกอะไร เป็นคนที่เก็บอยู่คนเดียว เราทั้ง 2 คนอยู่วงการนี้ตั้งแต่เด็กมันจะเจอข่าวโน้นข่าวนี้ อย่างกลอฟ์เองก็จะเจอข่าวเรื่องแฟน บางทีเราก็รู้สึกว่าทำไมต้องมาเจอแบบนี้ ต้องออกมานั่งพูดในเรื่องอะไรแบบนี้แล้วต้องให้สังคมเข้าใจ ในยุคนั้นอาจจะไม่เหมือนในยุคนี้ที่อาจจะมีมุมมองที่แตกต่างกันหลายมุมมอง แต่ตอนนั้นมันอาจจะมีแค่มุมมองเดียว สื่อว่าไปทางไหนคนอ่านผิวเผินก็จะตีความไปแบบนั้นเลย คนหมู่มากก็จะคิดแบบนั้น ทำให้เรารู้สึกว่าไม่แฟร์ มันมีบางอย่างที่อยากให้เข้าใจว่าเราไม่ได้เป็นแบบนั้น อย่างกลอฟ์ก็มีช่วงชีวิตที่ดาวน์เหมือนกัน ที่หายไปช่วงหนึ่งหลังจากที่แยกกลอฟ์ไมค์ แต่โชคดีที่กลอฟ์กับไมค์ต่างกันนิดหนึ่งที่ กลอฟ์จะมีความ Alert สนุกสนาน เฮฮา เอาพลังบวกตรงนั้นกับสิ่งที่เราอยากจะทำความฝันให้เราออกมาจากจุดๆ นั้นได้ เพราะเชื่อว่าถ้าเรามีสกิลทักษะเราจะไม่หายไปจากวงการบันเทิงเราจะสามารถอยู่ได้ด้วยศักยภาพของเรา

ไมค์ : ผมก็อิจฉาเขานะ ลองพยายามแล้วที่จะเป็นแบบที่เขาเป็นอยู่ แต่ว่ามันไม่เป็นตัวของตัวเอง

ไมค์ พิรัชต์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“ไมค์ พิรัชต์” ทุ่มสุดตัว เปิดตัวธุรกิจร้านอาหารที่ไทยครั้งแรก

พ่อลูกน่ารัก! “ไมค์ พิรัชต์” โมเมนต์สุดแฮปปี้ใช้เวลาร่วมกับ “น้องแม็กซ์เวลล์”

“ไมค์” ยังไม่อยากให้ “น้องแม็กซ์เวล” เข้าวงการ เผยอยากให้ชีวิตธรรมดาไปก่อน แต่ถ้าถึงวันนั้นก็พร้อมซัพพอร์ต

“ไมค์ พิรัชต์” ยกเค้กเซอร์ไพรส์วันเกิด “น้องแม็กซ์เวลล์” ภาพสุดอบอุ่นพ่อลูกกอดกัน

“ไมค์ พิรัชต์” ปิดกล้องภาพยนตร์จีนฟอร์มใหญ่ “Nobody But You 2” แล้ว

“ป๊ายปาย โอริโอ้” ไปฮ่องกงรอบนี้ ลั่นคุ้มแล้วได้ร่วมเฟรม “ไมค์-สกาย”

ตัวตึงซุปตาร์ดาว TikTok ชาเลนจ์ก็ไม่พลาด คอนเทนท์ไหนไหนก็เริ่ด กดติดตามด่วน!!

Gallery ที่เกี่ยวข้อง

Comments