“ดีเจแจ็คไรเดอร์ – ดีเจคิว” เข้าแจ้งความเอาผิดคลื่นวิทยุดัง หลังถูกเบี้ยวค่าตัวรวมหลักล้านบาท

“ดีเจแจ็คไรเดอร์ – ดีเจคิว” เข้าแจ้งความเอาผิดคลื่นวิทยุดัง หลังถูกเบี้ยวค่าตัวรวมหลักล้านบาท

0

“ดีเจแจ็คไรเดอร์ – ดีเจคิว” เข้าแจ้งความเอาผิดคลื่นวิทยุดัง หลังถูกเบี้ยวค่าตัวรวมหลักล้านบาท

       ทำเอา 2 ดีเจอารมณ์ดีอย่าง “ชนัตพล ลังสิทธิเสถียร” หรือ ”ดีเจ แจ็คไรเดอร์” และ “ธิติพันธ์ สุริยาวิชญ” หรือ “ดีเจคิว” ถึงกับทนไม่ไหว เดินทางเข้าแจ้งความที่ สน.พหลโยธิน เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตัวเอง และพี่น้องร่วมอาชีพ หลังถูกคลื่นวิทยุชื่อดังค้างค่าจัดรายการ ทั้งหมด 10 เดือน ในระยะเวลากว่า 3 ปี เสียหายรวมกันกว่า 1.4 ล้าน!

อ่านข่าวต่อ : โล่ง! แบคทีเรียหยุดกินเนื้อ “แจ็ค ไรเดอร์” แล้ว

             โดย “ดีเจคิว” เล่าว่า “เมื่อประมาณปี 2563 ช่วงที่ โควิด 19 กำลังระบาด บริษัทเริ่มค้างจ่ายค่าจัดรายการ ตนก็คิดว่าเดี๋ยวคงได้ในเดือนต่อไป แต่สุดท้ายบริษัทก็ยังไม่จ่าย ตนจึงได้เข้าไปคุย ทางบริษัทชี้แจงว่าเนื่องจากสถานการณ์ตอนนี้ไม่ค่อยดี จึงจะขอปรับลดเงินเดือนลง 20% ด้วยความที่ตนทำงานที่นี่มากว่า 10 ปี ก็เห็นว่าเป็นครอบครัว ก็เลยยินดีที่จะปรับเงินเดือนลง แต่สุดท้ายก็ยังค้างจ่ายอีก “ดีเจแจ็คไรเดอร์” กล่าวต่อว่า ทางบริษัทใช้วิธีการจ่ายเดือนเว้นเดือน หรือ 2 เดือน เป็นแบบนี้มาเรื่อยๆ จนวันนี้มียอดค้างจ่าย ประมาณ 9-10 เดือน

         “ดีเจแจ็คไรเดอร์” กล่าวต่อว่า เหตุการณ์นี้ก็เกิดขึ้นกับดีเจคนอื่นๆ ด้วยเช่นกัน โดยก่อนหน้านี้ทางบริษัทก็มีการฟ้องร้องกับดีเจคนหนึ่งที่เพิ่งออกไปจากคลื่น โดยบริษัทได้มีการเล่นแง่ตอนขึ้นศาลว่า เงินค้างจ่ายในส่วนของปี 2563 จะหมดอายุความ ทำให้เราไม่ได้รับเงินก้อนนั้น ตนก็เลยเข้าไปถามกับบริษัทอีกครั้งหนึ่งว่าพอมันเกิดกรณีแบบนี้ จะมีอะไรเป็นหลักประกันให้กับดีเจที่ยังทำงานอยู่ว่าจะได้เงินก้อนนั้นจริงๆ และจะไม่ถูกทำแบบดีเจที่ออกไป หลังจากนั้นตนก็เลยถูกไล่ออก ห้ามให้เข้าบริษัท แล้วก็บอกว่า “ถ้าอยากได้ให้ไปฟ้องเอา” ด้าน “ดีเจคิว” เล่าเสริมว่า หลังจากที่ ดีเจแจ็คไรเดอร์ ออกจากคลื่น ตนก็ได้ไปถวงถามถึงเรื่องดังกล่าวเช่นกัน ว่าหากเป็นเช่นนี้ก็คงต้องยื่นฟ้องศาลร่วมกับ ดีเจแจ็คไรเดอร์ เพราะทั้งคู่จัดรายการด้วยกันมาร่วม 10 ปี ดังนั้นหลักฐานก็จะมาด้วยกัน แล้ววันต่อมาตนก็โดนไล่ออกเช่นกัน แล้วบอกว่าทั้งคู่มีปัญหาทะเลาะกับคลื่น ตนคือตัวปัญหา

             ด้าน “ดีเจแจ็คไรเดอร์” เผยอีกว่า ก่อนหน้านี้ตนมีการแต่งตั้งทนาย และดำเนินการทางกฎหมายแล้ว มีการให้ส่งเอกสารไปที่บริษัท เพื่อทวงถามว่าติดค้างเงินกันเท่าไหร่ และขอให้ดำเนินการติดต่อเพื่อชำระ หรือจะตกลงกันอะไรอย่างไร แต่บริษัทก็ไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ จนมันเลยเวลาที่กำหนด มันก็เลยเป็นส่วนที่ทำให้พวกตนต้องเคลื่อนไหวอย่างอื่น ก็เลยเป็นที่มาของวันนี้ ก็เป็นการลงบันทึกประจำวัน แล้วหลังจากนี้ก็จะเอาเอกสารตัวนี้แนบในคำร้องต่อศาล และก็จะรวบรวมรายละเอียดทั้งหมด เพื่อที่จะฟ้องร้องในศาลแรงงานต่อไป คิดว่าจะไม่มีการยอมความใดๆ เหมือนกรณีของดีเจคนอื่นๆ ที่มีการไกล่เกลี่ย และขอลดเงินที่ต้องจ่าย

         ทั้งคู่เผยอีกว่า จริงๆ แล้วพวกตนคอยทวงถามบริษัทมาโดยตลอด มีการเจรจาว่าจะเป็นไปได้ไหมถ้าบริษัทออกเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษร ยอมรับมาก่อนว่ามีหนี้ก้อนนี้จริงๆ แล้วตนยังไม่เอาเงินก็ได้ อีก 2 ปีข้างหน้าค่อยชำระเงินก็ได้ ตนแค่อยากได้ความมั่นใจในการทำงานตรงนี้ เพราะดีเจทุกคนโดนเหมือนกันหมด ส่วนสาเหตุที่ยอมทนมาตลอด 3 ปี ทั้งคู่ยอมรับว่าเป็นเพราะความไว้ใจ รักการเป็นดีเจ รักคนฟัง และรักคลื่นนี้เหมือนเป็นครอบครัว จึงรู้สึกอยากสู้ไปกับบริษัทในวันที่เกิดวิกฤต เลยยอมอะลุ่มอล่วยให้เรื่องเงิน แต่สุดท้ายพอเจอความไม่เป็นธรรมแบบนี้ก็รู้สึกผิดหวังมากๆ

         สุดท้ายทั้งคู่กล่าวว่า ทุกคนในบริษัทนี้ที่ออกไปไม่เคยมีใครได้เงินเต็มเม็ดเต็มหน่วยเลย ทุกคนต้องขึ้นศาลฟ้องหมด ตนจึงอยากจะเรียกร้องความเป็นธรรมในกันตนเอง และเพื่อนๆ ร่วมอาชีพ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Comments