เจาะแรงบันดาลใจ “มงกุฎดอกไม้ไหวทองคำ” ของว่าที่เจ้าสาว “ปอย ตรีชฎา”
“ปิยณัฐ อิสสระสงคราม” สไตล์ลิสและครูโรงเรียนสตรีระนอง หนึ่งในทีมงานที่เข้ามาดูแลเรื่องเครื่องประดับงานวิวาห์ของ “ปอย ตรีชฎา” และ “หนุ่มโอ๊ค” ที่จะถึงเร็วๆนี้ โดยเผยเรื่องที่มาของ “มงกุฎดอกไม้ไหวทองคำ” ว่าเป็นความตั้งใจของว่าที่เจ้าสาวที่จะฟื้นฟูประเพณีวิวาห์บาบ๋า ตามธรรมเนียม พิธีกรรมงานวิวาห์แบบโบราณ
อ่านต่อ:“ปอย-โอ๊ค” ประกาศข่าวดีเตรียมวิวาห์
“ปิยณัฐ อิสสระสงคราม” โพสต์ว่าเจ้าสาวมีความตั้งใจฟื้นฟูประเพณีวิวาห์บาบ๋า ตามธรรมเนียม พิธีกรรมงานวิวาห์แบบโบราณไว้ให้ได้สมบูรณ์ที่สุด ศึกษาหาข้อมูลทุกอย่าง เก็บรายละเอียดมากที่สุดเท่าที่ทำได้ คนที่ชื่นชอบศาสตร์ และศิลป์ วัฒนธรรมบาบ๋า ให้ติดตามชม เชื่อว่าหาดูได้ยากมากแบบครบแบบแผนธรรมเนียมแบบโบราณ
มงกุฎดอกไม้ไหว (ฮัวก๋วน) ทองคำ ของ “คุณตรีชฎา มาลยาภรณ์” (คุณปอย) ที่จะใช้วิวาห์บาบ๋า ในวันที่ 1 มีนาคม 2566 ทางกลุ่มหัตถศิลป์ดิ้นโบราณจังหวัดระนอง ได้รับเกียรติให้จัดทำมงกุฎเจ้าสาวบาบ๋าทองคำ โดยวัสดุทั้งหมดทางคุณปอยจัดส่งมาให้ผลิตทั้งหมด ทราบว่าเป็นทองคำแท้ ทั้งดิ้นและดอกไม้ทอง ทางกลุ่มใช้เวลาทำ 3 เดือน รูปแบบมงกุฎทำจากความต้องการภาพสเก็ตของเจ้าสาว เป็นมงกุฎทรงโบราณ ที่มีดอกไม้ละเอียดยิบ ตามภาพเจ้าสาวโบราณ
ขอบคุณ คุณปอยที่ให้โอกาสกลุ่มหัตถศิลป์เล็กๆในจังหวัดระนอง
ขอบคุณกลุ่มแม่บ้านตำรวจภูธรจังหวัดระนอง และ แม่บ้านตำรวจภูธรภาค 8 ที่สนับสนุนแม่บ้านตำรวจมาช่วยในการจัดทำส่วนประกอบต่างๆของมงกุฎ
อันเนื่องมาแต่คุณปอย ตรีชฏา : เจ้าสาวเนื้อทอง (黄金新娘)
วันนี้ข่าวดังทั่วเมืองไทยเห็นจะไปพ้นคุณปอย ตรีชฏาเธอจะวิวาห์ในเวลาอันใกล้ ถ้าตามข่าวก็เขียนว่า 1 มีนาคม 2566
คุณปอยกับว่าที่เจ้าบ่าวนั้นแต่ตามธรรมเนียมเปอรานากันของภูเก็ต เครื่องแต่งกายแบบเจ้าสาวย่าหยานั้นไว้เขียนเล่าคราวหน้า แต่ขอเล่าถึงธรรมเนียมการประดับแต่งกายด้วยเครื่องเพชรเครื่องทองมหาศาลเสียก่อน
หากใครดูภาพเจ้าสาวย่าหยาทั้งในไทย หรือมาเลเซีย สิงคโปร์ จะพบว่าแต่งชุดจีนบ้าง ไม่ก็ชุดจีนผสมมาเลเซียบ้าง แต่ที่โดดเด่นยิ่งนักคือเจ้าสาวจะใส่เครื่องทองหยองเต็มตัว ซึ่งมากยิ่งกว่าการแต่งกายของเจ้าสาวในแผ่นดินจีนแต่โบราณทั่วไปเสียอีก
แต่ธรรมเนียมนี้ไม่ใช่ไม่มีที่มา ที่มาก็มาจากจีนนะแหละ กล่าวคือในมณฑลฟูเจี่ยน (福建)หรือที่คนไทยคุ้นเคยกันในชื่อฮกเกี้ยน เมืองฉวนโจว (泉州)บ้านเกิดชาวจีนโพ้นทะเลในคาบสมุทรมลายูมีธรรมเนียมหนึ่งคือ “เจ้าสาวเนื้อทอง” ภาษาจีนคือ “ฮวงจินซินเหนียง”(黄金新娘)ยามเจ้าสาวแต่งงาน นอกจากเจ้าบ่าวจะให้สินสอดทองหมั้น พ่อแม่เจ้าสาวจะให้สินเดิมไปด้วย ยิ่งรวยมากยิ่งให้มาก เพื่อให้เจ้าสาวมั่นใจได้ว่าตนนั้นแต่งไปจะไม่อยู่อย่างน้อยหน้าบ้านสามี พ่อแม่พี่น้องสามีจะได้เกรงใจ
ส่วนสินเดิมจะให้มากเท่าไรนั้นไม่มีข้อกำหนด แล้วแต่ฐานะฝ่ายหญิง ธรรมเนียมนี้สืบมาตราบปัจจุบัน เจ้าสาวแต่งงานทีใส่กำไลไปถึงข้อศอก เอากำไลทองมาร้อยร้อบคอก็ยังได้ ประมาณกันว่าเจ้าสาวต้องใส่เครื่องประดับทองอย่างน้อย 1 - 5 กิโลกรัมเลยทีเดียว ใส่มากกว่านี้ก็ได้ถ้าซื้อไหวและแบกไหว
ธรรมเนียมนี้สันนิษฐานว่าถ่ายทอดมายังจีนเปอรานากันในคาบสมุทรมลายูด้วย เพราะจีนบ้าบ๋าย่าหยาที่เรารู้จักกันดั้งเดิมนั้นจะเป็นลูกหลานชาวจีนฮกเกี้ยน อพยพมายังคาบสมุทรมลายู แล้วแต่งงานกับคนท้องถิ่น ดังนั้นวันวิวาห์ของบุตรสาวจึงให้ลูกสาวแต่งเต็มที่ ทองหยองไม่ต้องใส่หีบปัดกันละ เอามาแต่งตัวเสียทีเดียว นิ้วทั้ง 10 ก็ต้องใส่แหวนให้ครบ เพื่อแสดงว่าพ่อแม่เลี้ยงมาดี ไม่ต้องลำบาก ดังนั้นอย่ามากดขี่ลูกสาวฉันนะ
ผู้เขียนเรียนหนังสือที่เมืองจีน และให้บังเอิญมีเพื่อนคนจีนที่พี่สาวเขาแต่งงานแล้วนำกำไลทองคำมาประดับจนทั่วตัว ข้าพเจ้าเลยถามเขาว่าทำไมไม่ซื้อสร้อยเพชรเม็ดโตๆโก้กว่า เบากว่าด้วย เพื่อตอบว่าที่บ้านเขาซื้อทองหลายๆกิโลกรัมมาเป็นสินเดิมพี่สาวประการแรกเพราะเป็นมงคล ประการที่สองถือเป็นการลงทุนให้ลูกสาวในอีกทางหนึ่ง กำไลทองเยอะขนาดนี้ รอทองขึ้นจะแบ่งขายไปทำกำไรก็สะดวก ไม่ต้องขายยกแผง แล้วกำไลพวกนี้ก็ไม่ได้มีค่ากำเหน็จแพงหนักหนาตรงไหน ทองขึ้นยังไงก็ไม่ขาดทุน ข้าพเจ้าฟังแล้วก็ถึงบางอ้อ นับว่าเป็นการต่อยอดในลูกสาวที่ดีเหมือนกัน
ธรรมเนียมการมอบทองหยองให้ลูกสาวอย่างเต็มที่นี้เมื่อมาสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากทองอาจจะใส่เพชรพลอยตามความนิยมท้องถิ่นได้ ในกรณีคุณปอยตรีชฏา เป็นสร้อยข้อมือเพชรงามระยับ เป็นของสะสมในความดูแลของนักสะสมชื่อดังคุณพุทธพงษ์ เพียรเจริญ
#กลุ่มหัตถศิลป์ดิ้นโบราณจังหวัดระนอง
#ชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรจังหวัดระนอง
#มงกุฎดิ้นโบราณเจ้าสาวบาบ๋า
#วิวาห์บาบ๋า