แพทย์เฟิร์ม “พั้นช์ วรกาญจน์” ติดโควิด-19 เจ้าตัวเผยรับรู้รส กลิ่น กินปกติ

แพทย์เฟิร์ม “พั้นช์ วรกาญจน์” ติดโควิด-19 เจ้าตัวเผยรับรู้รส กลิ่น กินปกติ

0

แพทย์เฟิร์ม “พั้นช์ วรกาญจน์” ติดโควิด-19 เจ้าตัวเผยรับรู้รส กลิ่น กินปกติ
       จากกรณีที่นักร้อง “พั้นช์ วรกาญจน์”  ตรวจเอทีเคก่อนเข้ารายการแฉ แล้วปรากฎพบว่ามีเครื่องตรวจแสดงสองขีด ทำให้ต้องเข้าตรวจ RT PCR อีกครั้งและขอพบแพทย์ทันที ผลปรากฏว่าพบเชื้อ โดยเธอเผยว่า 

อ่านต่อ:ส่องชีวิตสุดเรียบง่าย “พั้นช์ วรกาญจน์” กับความรักใน “งานเพลง-

พั้นช์ วรกาญจน์

พั้นช์ วรกาญจน์

พั้นช์ วรกาญจน์

พั้นช์ วรกาญจน์

       ผลตรวจจาก รพ. ออกมาแล้วนะคะผลคือพบเชื้อนะคะ
ตอนนี้อยู่ในการดูแลของแพทย์แล้ว ขอโทษคนที่อยู่ใกล้ชิดในวันที่ผ่านมาและขอให้สังเกตุอาการตัวเองนะคะ(ตั้งแต่กลับจากรายการแฉก็ไม่ได้ไปไหนเลย กักตัวอยู่บ้าน)
       มีอะไรคืบหน้าจะมาแจ้งให้ทราบอีกทีนะคะ #อาการตอนนี้คือ ไม่มีไข้ ไม่เจ็บคอ มีเสมหะและไอนิดหน่อย รับรู้รสชาติ กลิ่น กินอาหารได้ปกตินะคะ

       ทั้งนี้ล่าสุดทางแกรมมี่ทีวีได้แจ้งว่า “เฟียต พัทธดนย์” นักแสดงของแกรมมี่ตรวจพบโควิด19 ในวันนี้ด้วย โดยเป็นผู้ป่วยสีเขียว แยกกักตัวรักษาที่บ้าน

เฟียต พัทธดนย์

อัพเดทโควิด19 ในไทย  พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉบับที่ 41 คุมโควิดสายพันธุ์โอมิครอน

       วันที่ 8 มกราคม 2565 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 41) ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 และต่อมาได้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวออกไป เป็นระยะอย่างต่อเนื่องจนถึงวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2565 นั้น

       โดยที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในหลายประเทศทั่วโลกได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมและทวีความรุนแรงขึ้น เนื่องจากปรากฏกรณีไวรัสโคโรนา 2019 กลายพันธุ์สายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) ที่สามารถแพร่กระจายได้เร็ว และมีโอกาสทำให้ติดเชื้อได้ง่ายกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ ขณะที่ประเทศไทยเริ่มตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าวมากขึ้นเป็นลำดับ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ดังกล่าว โดยการปรับพื้นที่สถานการณ์ และปรับปรุงมาตรการป้องกันและควบคุมโรคเพิ่มเติมจากข้อกำหนดและคำสั่งที่ได้ประกาศไว้ก่อนหน้า ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2548

       นายกรัฐมนตรีจึงออกข้อกำหนดและข้อปฏิบัติแก่ส่วนราชการทั้งหลายตามคำแนะนำของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 การปรับปรุงเขตพื้นที่จังหวัดตามพื้นที่สถานการณ์และการกำหนดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวเพิ่มเติม

ข้อ 2 การขยายเวลาการบังคับใช้มาตรการควบคุมและป้องกันโรค ให้บรรดามาตรการควบคุมแบบบูรณาการ ข้อห้าม ข้อยกเว้น และข้อปฏิบัติสำหรับพื้นที่สถานการณ์ระดับต่าง ๆ รวมทั้ง มาตรการเตรียมความพร้อมตามข้อกำหนด (ฉบับที่ 37) ลงวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2564 อาทิ การห้ามจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค กิจกรรมการรวมกลุ่มของบุคคลที่สามารถจัดได้ โดยไม่ต้องขออนุญาต การปฏิบัติงานนอกสถานที่ของเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆ มาตรการควบคุมแบบบูรณาการจำแนกตามพื้นที่สถานการณ์ และมาตรการควบคุมแบบบูรณาการในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว รวมถึงบรรดามาตรการ หลักเกณฑ์ หรือแนวปฏิบัติที่พนักงานเจ้าหน้าที่ มาตรการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่นอกสถานที่ตั้งหน่วยงาน หรือสถานประกอบการ (Work From Home) ตามความเหมาะสมเพื่อการเฝ้าระวังป้องกันการระบาดของโรค โดยให้ดำเนินมาตรการนี้ต่อเนื่องไป จนถึงวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2565

ข้อ 3 การปรับปรุงมาตรการควบคุมแบบบูรณาการในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว การบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มที่ตั้งอยู่ในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว จะเปิดให้บริการได้เฉพาะร้านที่ผ่านการตรวจประเมินตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย ในระดับ SHA PLUS ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือผ่านการตรวจมาตรฐานความสะอาดปลอดภัยป้องกันโรค COVID-19 รองรับสุขภาพดีวิถีใหม่ (Thai Stop Covid 2 Plus) ของกระทรวงสาธารณสุขโดยกรมอนามัยแล้วเท่านั้น และให้บริการได้ไม่เกินเวลา 21.00 นาฬิกา

ข้อ 4 การเตรียมความพร้อมของสถานบริการหรือสถานที่เสี่ยงต่อการแพโรคทั่วราชอาณาจักร สถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ หรือสถานที่อื่นที่มีลักษณะคล้ายกันทั่วราชอาณาจักรยังคงมีความจำเป็นให้ปิดดำเนินการไว้ก่อน หากผู้ประกอบการหรือผู้มีหน้าที่รับผิดชอบสถานที่ตามวรรคหนึ่งได้มีการเตรียมความพร้อม เพื่อปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขแล้ว และประสงค์จะปรับรูปแบบของสถานที่ดังกล่าวเพื่อการให้บริการในลักษณะที่เป็นร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม จะต้องได้รับการตรวจสอบและประเมินความพร้อมของสถานที่ บุคลากร และการจัดการตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคที่กำหนดและต้องได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครหรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดแล้วแต่กรณี ภายในวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2565 ก่อนเปิดให้บริการได้ภายใต้การกำกับติดตามของพนักงานเจ้าหน้าที่อย่างใกล้ชิด การให้บริการบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในสถานที่ตามวรรคหนึ่งที่ได้ปรับรูปแบบเป็นร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวจะต้องดำเนินการ ตามมาตรการที่กำหนดไว้ในข้อ 3 ด้วย

ข้อ 5 การปรับแนวปฏิบัติเพื่อการดำเนินการตามมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเพิ่มเติม ให้ ศบค. มีคำสั่งเพื่อปรับปรุงหรือเพิ่มเติมแนวปฏิบัติเพื่อให้หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินและพนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคที่เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาด

ข้อ 6 การยกระดับการปฏิบัติงานเพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาด ด้วยการประเมินสถานการณ์แพร่ระบาดที่จำนวนผู้ติดเชื้อมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ให้พนักงานเจ้าหน้าที่และทุกหน่วยงานยกระดับการปฏิบัติงานตามที่ได้มีคำสั่งมอบภารกิจไว้แล้วในคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ 14/2564

ให้กรุงเทพมหานครและจังหวัดต่างๆ เตรียมความพร้อมโดยจัดให้มีระบบศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (Emergency Operations Center : EOC) เพื่อการปฏิบัติงานของหน่วยงานทุกภาคส่วนในพื้นที่อย่างบูรณาการ โดยอาจขอรับการสนับสนุนจากศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) และให้หน่วยงานที่รับผิดชอบยกระดับการปฏิบัติงานของศูนย์ประสานงานข้อมูล (call center) ในทุกระบบเพื่อการดำเนินงานอย่างสอดคล้อง พร้อมรองรับการให้ความช่วยเหลือและบริการแก่ประชาชน

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2565

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา

นายกรัฐมนตรี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Comments