"ติ๊ก-เคน-อั้ม"กับพิมพ์เขียวละครไทย

"ติ๊ก-เคน-อั้ม"กับพิมพ์เขียวละครไทย

1

       มาเป็นที่ 1 ด้วยเหตุผล หุ่นดีและหน้าตาหล่อไม่มีที่ติ โดยเฉพาะในเครื่องแบบทหารดูสง่างามภูมิฐาน ทั้งยังมีอารมณ์ขัน มีเสน่ห์ดึงดูด

ส่วนอันดับ 2 "เคน-ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์" เนื่องจาก "เคน-ธีรเดช" เป็นนักแสดงที่มากด้วยฝีมือ ทั้งยังเป็นสุภาพบุรุษ รักครอบครัวเป็นผู้ชายที่ดี เป็นสามีที่ดี จริงใจ ให้เกียรติภรรยา ซึ่งเขาสามารถดึงดูดแฟนคลับที่ไม่ได้ชอบดาราเฉพาะหน้าตาเพียงอย่างเดียวได้ แต่ชอบที่ตัวตนของคนคนนั้น

อันดับ 3 ตกเป็นของ "อั้ม-อธิชาติ ชุมนานนท์" หุ่นดีที่พบยากในชายเอเชีย เพราะมีกล้ามเนื้อแขนส่วนบนใหญ่กว่าหน้าอก โดยแฟนๆ ส่วนมากจะติดเขาจากเรื่อง "จําเลยรัก" ที่มีทั้งฉาก วิ่ง ว่ายน้ำ ขับรถ ขับเรือ ดูเท่ นอกจากนี้ยังมี "ป้อง-ณวัฒน์  กุลรัตนรักษ์" ที่โด่งดังจากเรื่อง "สงครามนางฟ้า" ซึ่งคนจีนติดกันงอมแงม

ละครโทรทัศน์ไทยที่ฉายในประเทศจีนแยกออกเป็น 2 ส่วน คือ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์กลางของประเทศจีน หรือซีซีทีวี และสถานีโทรทัศน์ของมณฑลต่างๆ จะฉายละครไทยประมาณปีละ 1-2 เรื่อง ออกอากาศประมาณครั้งละ 2 ชั่วโมง

ประการที่ 2 ดูทางอินเตอร์เน็ตจะมีละครโทรทัศน์ไทยให้เลือกดูแยะ และเป็นที่นิยมจากแฟนละครชาวจีนเป็นอย่างมาก จากข้อมูลการสํารวจความนิยมละครโทรทัศน์ จากรายการแห่งหนึ่งในประเทศจีนพบว่ามีผู้โหวตให้ละครโทรทัศน์เกาหลีและละครโทรทัศน์ญี่ปุ่นพอๆ กันคือ จํานวน 2,000 กว่าคะแนน แต่ละครโทรทัศน์ไทยกลับมีผลโหวตมากถึง 8,000 กว่าคะแนน โดยให้เหตุผลสนับสนุนว่า ชอบดูละครโทรทัศน์ไทย เพราะบรรยากาศที่แตกต่างออกไป ดูแล้วให้ความรู้สึกอบอุ่น โรแมนติก สนุกสนาน กุ๊กกิ๊ก น่ารัก รวมถึงตัวนักแสดงของคนไทยเป็นหนุ่มหล่อสาวสวยที่เป็นลูกครึ่ง ซึ่งละครของประเทศอื่นไม่มี

ก่อนหน้านี้ ละครจากญี่ปุ่น เกาหลี รัสเซีย จะเข้าไปยึดจอโทรทัศน์ประเทศจีน แต่ด้วยกาลเวลาที่เนิ่นนาน ที่ประเทศเหล่านี้นั่งอยู่กลางใจคอละครจีน จนกลายเป็น "ขาประจํา" วันหนึ่งเลยเกิดอาการเบื่อขึ้นมา

ต้องการ "ทางเลือกใหม่" ซึ่งเผอิญกับช่วงจังหวะที่ค่ายเอ็กแซ็กท์ เข้าไปตีตลาดจีนเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว ด้วยการนําละครอย่างเรื่อง รอยอดีตแห่งรัก และ หงส์เหนือมังกร เข้าไปฉาย

แรกๆ อาจจะยังไม่ "โช๊ะ" แต่การหยั่งเท้าเข้าไปเดินในฐานะ "ผู้บุกเบิก" ของเอ็กแซ็กท์ ไม่ต่างจากการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการละครไทย ได้มีโอกาสสูดลมหายใจคําว่า"โกอินเตอร์" เสียที หลังจากที่เพ้อฝันลมๆ แล้งๆ มาเสียนาน"เลือดขัตติยา" ละครที่ "ติ๊ก-เจษฎาภรณ์" เล่น เป็นเหมือนกาวตราช้าง ที่ทําให้คอละจีนติดหนึบ กระทั่งผลโหวตความชื่นชอบ แซงหน้าละครจากเกาหลี และ ญี่ปุ่น

กระทั่ง "ติ๊ก-เจษฎาภรณ์" กลายเป็นขวัญใจของ "คอละครจีน" มาถึงวันนี้ ความสําเร็จของละครที่สามารถ "บุกตลาดจีน" ได้สําเร็จ ว่าไปแล้วมาจากฝีมือของเอกชนล้วนๆ ส่วนภาครัฐนั่งเป็นใบ้เบื้อ ไม่รู้เหนือรู้ใต้ทั้งๆ ที่ละคร สามารถสร้างเม็ดเงินเข้าประเทศได้มหาศาล เอาแค่เอกชนทํามือเดียว รัฐไม่ยื่นมือเข้ามาช่วย แต่ละปี สร้างเม็ดเงินเข้าประเทศได้ไม่ต่ำ 1,000 ล้านบาท

ถ้ารัฐเห็นหัวเห็นหาง เข้ามาสนับสนุน ช่วยช่วยผลัก ช่วยลุย ไม่เฉพาะเงิน ที่ได้จากการขายละครเพียวๆ ยังมีรายได้ทางอ้อมที่มาจากการท่องเที่ยวผมยกตัวอย่างละครเกาหลีเรื่อง "แดจังกึม" บ่อยๆ เพราะเห็นชัดที่สุด กับรายได้การท่องเที่ยวที่ผูกติดกับละคร เหมือนฉากการทําละคร "แดจังกึม" ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสําคัญของเกาหลี ที่คนอยากเห็น อยากสัมผัสผู้ผลิตละครทุกเจ้าในบ้านเรา อยากจะให้ละครของเขาไปฉายที่จีนทั้งนั้น เพราะนั่นคือ "การต่อยอด" เพียงแต่ว่าไม่มีช่องทาง จะติดต่อกับใคร ค่ายไหน มืดตึ๊บไปหมด

ถ้ารัฐบาลจริงใจอยากจะช่วยเขา ช่วยชาติ แค่นําผู้จัดละครในบ้านเราไปโรดโชว์ ลงทุนไม่กี่ล้านบาท อย่าเขียมไปเลย ทีขึ้นเงินเดือนตัวเอง ขึ้นเงินเดือนส.ส.แสวงหาประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเอง กลับคิดได้-ทําเป็นแต่เรื่องประโยชน์ชาติ ประโยชน์ผู้ประกอบการธุรกิจละคร กลับมองไม่เห็น ปล่อยให้ภาคเอกชนดิ้นรนกันเอง

สิ่งที่น่าภูมิใจแทนละครอย่างหนึ่ง เชื่อมั้ยครับ ตอนนี้ "ติ๊ก- เจษฎาภรณ์" ได้รับการทาบทามจากผู้จัดละครของจีน ให้ไปเล่นละครที่นั่น ส่วนจะเป็นเรื่องอะไรนั้น อย่าไปใส่ใจเลยครับ รู้แต่ว่าเป็นละครฟอร์มยักษ์เชียวแหละ"ติ๊ก-เจษฎาภรณ์" จึงไม่ต่างจากพิมพ์เขียว ที่นําละครไทยสู่ทางใหม่ เพื่อให้ถนนทุกสาย มุ่งไปทางนั้น!!

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Gallery ที่เกี่ยวข้อง

Comments