ภูมิใจแทน "ละครไทย"

ภูมิใจแทน "ละครไทย"

1

       เหมือนเพลงสาละวันเตี้ยลง ซึ่งมันก็ไม่แปลกหรอก เพราะความสุข-ความทุกข์ของคนไทย มันวัดจาก "ขี้ปากนักวิชาการ" ทุกเช้า-ค่ำ พร่ำบ่นอยู่แต่เรื่อง "ละครไทยน้ำเน่า"ทั้งๆ ที่ "สุข" ของคนไทยที่มีเหลืออยู่หนึ่งเดียว และเป็น "สุขราคาถูก" ก็คือ "ละคร" นั่นแหละ ที่สําคัญ บรรดาเอ็นจีโอยังบอกให้จัดทําเรทติ้ง บอกระดับความรุนแรงของเนื้อหา ชี้นิ้วว่าแนวนั้น แนวนี้คนดูจะต้องเป็นคนในวัยนั้น วัยนี้

เห็นทํากันมาตั้งหลายปี เป็นยังไงล่ะ สํารวจกันบ้างหรือเปล่า ได้ผลแค่ไหน? เพราะทุกวัน ค่ำลงผมก็เห็นคนตั้งแต่หัวเด็กเท่ากําปั้น ยันคนแก่วัยชรานั่งเฝ้าจอ เรื่องไม่เป็นเรื่องอยากทําให้เป็นเรื่อง ไม่รู้คิดได้ยังไง?

ผมว่าคนไทยทุกวันนี้นอกจากไม่นับถือคนไทยด้วยกันเองแล้ว ยังบ่อนแซะ ไม่เชื่อในความเป็น "คนไทย" ด้วยกัน แต่พอมีละครต่างชาติเข้ามาฉาย ได้ทียกหางดม เห็นมั้ยล่ะ ละครบ้านเขาทําดี มีคุณภาพ ผมไม่เห็นว่ามันต่างกันตรงไหน?

 


ในเมื่อ "ละคร" คือละคร จะให้เป็น "สารคดี" แบบรายการ ดิสคอฟเวอรี่ หรือรายการประวัติศาสตร์ได้ยังไง เหมือนมะละกอจะให้ออกลูกเป็นมะพร้าว เป็นไปไม่ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างมันมีธรรมชาติ มี "วิถี" ของตัวมันเอง

ผมให้กําลังใจ "ผู้จัดละคร" มาตลอด อย่างน้อย พวกเขาก็มีส่วน "สร้างสุข" ให้คนไทย ซึ่งถือว่า "มีค่า" กว่านักวิชาการ หรือเอ็นจีโอ บางคน บางกลุ่ม ที่มือไม่พายแต่เอาเท้าราน้ำ ทําตัวเป็นผู้รู้ทุกเรื่อง คนระดับชาวบ้านจะให้เขา "สร้างสุข" ด้วยการจิบไวน์ ฟังเพลงแจ๊ส ยังงั้นหรือ?

ขณะที่คนไทยมองไม่เห็น "ค่า" คนไทยด้วยกันเอง ที่ประเทศจีนกลับต้อนรับละครไทยกันรึ่ม ตรงนี้ต้องยกเครดิตให้กับ "บอย-ถกลเกียรติ วีรวรรณ" หัวเรือหลักค่ายเอ็กแซ็กท์ ที่เป็น "เจ้าแรก" บุกเบิกละครไทยในจีน ประเทศที่มีประชากรมากที่สุดของโลก

ใครที่เคยไปจีน ถ้าสังเกตให้ดี สินค้าญี่ปุ่น-เกาหลี ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ไม่ค่อย จะมีให้เห็น เพราะเขามองว่า 2 ประเทศคือคู่แข่ง- คู่แค้น

ซึ่งเป็น "โอกาส" ของผู้จัดละครบ้านเรา ที่จะรุกเข้าตลาดจีน นอกเหนือจากที่ "สร้างสุข" ให้คนไทยด้วยกันเองยังสามารถ "ต่อยอด" เพิ่มมูลค่าเงินในกระเป๋าได้มหาศาล

 


กว่าที่ "เอ็กแซ็กท์" จะเจาะตลาดละครในจีนได้ ใช้ทั้งความตั้งใจและมุ่งมั่น ผสมกับแรงและเงินทุน นําละครไปโรดโชว์ เพื่อแสดงศักยภาพให้คนจีนเห็นว่า "ละครไทย" ก็ไม่ได้ขี้ไก่ ไม่แพ้ละครชาติอื่น โดยที่รัฐบาลหรือนักวิชาการ (ปากดี) ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเลย

เลือดขัตติยา" ที่แสดงโดย "ติ๊ก-เจษฎาภรณ์" กับ "อ้อม-พิยดา" เป็นละครเรื่องแรกๆ ที่เข้าไปนั่งอยู่กลางใจคนจีน กระทั่ง "ติ๊ก-เจษฎาภรณ์" ได้รับการโหวต เป็นผู้ชายที่สาวหมวยอยากแต่งงานมากที่สุด

เห็นมั้ยละ ผู้พันประจักษ์ของเรา ไม่ได้ดังอยู่แค่เมืองไทยแต่สาวจีนก็หลงใหลไม่แพ้สาวไทย เชื่อว่าอีกหน่อย ทั้ง "คุณใหญ่- คุณนิด" คงไปฮิตอยู่ที่จีนแน่นอน

ที่จีนมีสถานีโทรทัศน์นับ 100 ช่อง สถานีโทรทัศน์หลักคือ CCTV ซึ่งเป็นของรัฐบาล นอกจากนี้ยังมีสถานีโทรทัศน์ตามเมืองต่างๆ ทั้งในรูปแบบฟรีทีวี และเคเบิลทีวี ละครเรื่องไหน ถ้าได้ออกอากาศที่ CCTV เชื่อขนมกินได้ สายตาคนจีน 
ไม่ต่ำกว่า 50 ล้านคู่ ดู "ละครไทย" หมด

แม้แต่สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นบ้านเขา คนดูยังมากกว่าละครไทยที่ฉายหลังข่าวเสียอีก เรทติ้งเหนือกว่าในบ้านเราหลายเท่าตัว

ก่อนหน้านี้ผมไปเที่ยวประเทศจีน เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง กําลังจะเอนตัวลงนอนก็คว้ารีโมทมาเปิดดูโทรทัศน์ กดไป-มา ภาพที่ผมเห็นอยู่หน้าจอ คือภาพของ "พี่เชน" กําลังกระเซ้าเย้าแหย่ หยอกล้อ "ณภัทร" ในละคร "อุ้มรัก"

ตอนเช้าสอบถามไกด์ ซึ่งพูดภาษาไทยได้ปร๋อเล่าให้ฟังว่า ตอนนี้ "ละครไทย" กําลังได้รับความนิยมในจีน ก่อนนี้ละคร  ญี่ปุ่น-เกาหลี เคยครองตลาด แต่ระยะหลังไม่ค่อยได้รับความนิยม เพราะละครจาก 2 ประเทศที่ว่า จะถือโอกาสสอดแทรกวัฒนธรรมไปด้วย

 


จีนเป็นประเทศที่มีเลือดรักชาติเข้มข้น เลยไม่ค่อย "ปลื้ม" ละครจากญี่ปุ่น-เกาหลีมากนัก หันมาเสพละครไทยแทน

นอกจาก ติ๊ก-เจษฎาภรณ์, แอน ทองประสม, อ้อม-พิยดา ดาราจากช่อง 7 สี ไม่ว่าจะเป็น อั้ม-พัชราภา, แพนเค้ก-เขมนิจ, ขวัญ-อุษามณี ฯลฯ ก็ดังไม่แพ้กัน

ดีใจและภูมิใจแทน "ผู้จัดละคร" บ้านเรา ที่สามารถเข้าไปสร้างชื่อ-สร้างเงินในประเทศที่มีประชากรมากที่สุดอันดับ 1 ของโลกอย่างประเทศจีนได้

พึ่งลําแข้งของตัวเองตามลําพังยัง "โชะ" ขนาดนี้ ถ้ารัฐบาลมีน้ำใจลงมาช่วยอีกแรง จะเปรี้ยงขนาดไหน!?

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Gallery ที่เกี่ยวข้อง

Comments