แพทย์แถลงอาการ “ตูน บอดี้สแลม” หลังกระดูกคอทับเส้นประสาท

แพทย์แถลงอาการ “ตูน บอดี้สแลม” หลังกระดูกคอทับเส้นประสาท

         ทำเอาแฟนเพลงตกใจไม่น้อยหลังมีข่าวว่า “ตูน บอดี้สแลม” มีอาการกระดูกคอกดทับเส้นประสาท ทำให้แขนซ้ายมีอาการชา นิ้วมือซ้ายบังคับไม่ได้เป็นบางนิ้ว และได้เข้ารักษาตัวที่ รพ.พระมงกุฏ ตั้งแต่เมื่อช่วงค่ำวันที่ 13 ธ.ค. ที่ผ่านมา

         ต่อมาทางทีมคณะแพทย์ของ รพ.พระมงกุฏ นำโดย 1. พันเอกหญิง ปริยนันทน์ จารุจินดา รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า 2.พันเอก ทิพชาติ บุณยรัตพันธุ์ ผู้อำนวยการกองออร์โธปิดิกส์ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า 3.พันโท ปวิณ คชเสณี ศัลยแพทย์โรคกระดูก โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ได้จัดแถลงข่าวด่วนในวันนี้ เวลา 16.00 น. ณ ห้องประชุมมรูสุวรรณ ชั้น 5 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ รพ.พระมงกุฏ

         โดยทีมแพทย์ เล่าว่า...จากการตรวจเบื้องต้น MRI พบว่ามีหมอนรองกระดูกข้อที่ 7 กดทับเส้นประสาท ซึ่งอาการนี้ “ตูน” เคยเป็นมาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อ 3 ปีก่อน สมัยวิ่งก้าวคนละก้าว แต่ตอนนั้นไม่เป็นอะไรมาก

         ส่วนปัญหาของ “ตูน” คือนิ้วมือข้างซ้ายมีอาการอ่อนแรงลงประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ ร่วมกับมีอาการชาบริเวณมือ ซึ่งจากภาพ MRI พบว่า มีหมอนรองกระดูกต้นคอเบียดโดนเส้นประสาท โดยเฉพาะบริเวณข้างซ้ายอยู่ 2 ข้อ “ตูน” ควรพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เพื่อรอให้อาการอักเสบลดลงเสียก่อน และทำกายภาพบบัด โดยเบื้องต้นจะติดตามอาการอย่างใกล้ชิดประมาณ 1-2 สัปดาห์

        อาการของ “ตูน” ยังไม่ถึงขั้นวิกฤต แต่แค่ต้องพัก โดยเฉพาะการขยับคอ ถ้าหากไม่งดกิจกรรมก็อาจจะรักษายากขึ้น แต่เบื้องต้นเราจะทำการรักษาไปทีละขั้นตอน ซึ่งก็คือยังไม่ผ่าตัดก่อน แต่ที่เราจะทำคือทำการดึงคอเพื่อให้มันไม่ไปกดทับเส้นประสาท และถ้าหากได้ผลดีก็จะได้ผลภายใน 2 สัปดาห์ แต่ถ้าหากผ่านไป 2 สัปดาห์แล้วอาการไม่ดีขึ้น ก็อาจจะต้องมีการผ่าตัด ซึ่งต้องพิจารณาร่วมกับผู้ป่วยด้วยและถ้าหากมีการผ่าตัดเรื่องการพักฟื้นอาจจะต้องใช้เวลา 2 เดือนขึ้นไป ซึ่งสาเหตุของอาการดังกล่าวมาจากหลายๆ อย่างทั้งกิจกรรมในชีวิตประจำวัน หรือ การกระแทก

        ส่วนอาการนี้จะส่งผลกระทบต่อเสียงร้องหรือเปล่า จริงๆ เสียงร้องอาจมีผลกระทบอยู่บ้าง เนื่องจากนักร้องแต่ละคนก็จะมีท่าทางในการร้องเพลงแตกต่างกัน ดังนั้นอาจต้องปรับเปลี่ยนการร้องในอนาคตเพื่อไม่ให้มันเกิดซ้ำอีก ส่วนที่จะกลับมาวิ่งได้ไหม อันนี้อยู่ที่ผลการรักษาของเราในช่วง 2 เดือนนี้ และถ้าหากทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ การใช้ชีวิตก็จะกลับมาเป็นปกติเช่นกัน