“โดม จารุวัฒน์” ปัดปรี๊ดแตกหลังถูกชาวเน็ตแนะผ่าตัดขากรรไกร 

“โดม จารุวัฒน์” ปัดปรี๊ดแตกหลังถูกชาวเน็ตแนะผ่าตัดขากรรไกร 

      ไม่ได้รู้สึกปรี๊ดแตกหรือโมโหแต่อย่างใด หลังได้ตอบกลับชาวเน็ตที่มาคอมเมนต์แนะนำให้ไปผ่าตัดขากรรไกรเพื่อให้บุคลิกภาพดูดีขึ้น สำหรับ “โดม จารุวัฒน์ เชี่ยวอร่าม” หรือ “โดม เดอะสตาร์” ล่าสุดเจ้าตัวก็ได้ออกมาเผยว่า

อ่านข่าวต่อ:

“โดม” ตอกกลับนักเลงคีย์บอร์ด หลังถูก Bully หน้าตา

      ก็มองเป็นเรื่องปกติคนที่อยู่ในวงการบันเทิงหรือสื่อ เวลาทำอะไรคนจะเห็นใกล้ชิดสามารถมาวิจารณ์และชื่นชมได้ อย่างตนเมื่อก่อนมีเจอแต่ทุกวันนี้น้อยลง เป็นอะไรที่ดีขึ้นคนเข้าใจคำว่าบูลลี่มากขี้น เริ่มไม่ทำ และบางคนอยากบอกอยากเตือนด้วยความหวังดี ก็พยายามทำความเข้าใจมากขึ้น รับก่อนหน้านี้มีน้อยใจแต่ตอนนี้แฮปปี้กับตัวเองและภูมิใจเหมือนเติมพลังให้ตัวเอง ถ้าไปนอยด์ยิ่งทำให้มีพลังลบเลยพยายามคิดบวก ก็มีโกรธ ถ้ามาพิมพ์แบบไม่มีเหตุผล หรือมีคำหยาบ ว่าทำไมต้องมาทำแบบนี้ ซึ่งถ้าเป็นเขาคงไม่อยากให้ใครมาทำแบบนี้เหมือนกัน และถ้าบางอันที่สามารถอธิบายได้ด้วยเหตุผลก็จะอธิบายไป อย่างล่าสุดไม่ได้ตอบโต้เพื่อความสะใจ ต้องการให้รู้ว่าการผ่าตัดกรามหรือขากรรไกรมันไม่ง่าย มันมีผลกับชีวิตเยอะมาก ยิ่งเป็นคนใช้ร่างกายในการทำงานร้องเพลงการออกเสียงก็มีผล หรือถ้าไปผ่าแล้วไม่เหมือนเดิมก็เห็นมีหลายเคสที่ลงตัว หลายเคสที่ต้องใช้เวลาฝึกพูด ฝึกร้องใหม่ ก็เห็นต้องใช้เวลาศึกษา ก็ไม่รู้เขาเข้าใจไหม แต่ตนแค่มีหน้าที่บอกเขาว่าสิ่งที่แนะนำมาขอบคุณ และอธิบายว่าศึกษามาแล้วเหมือนกันไม่ใช่จะไม่สนใจ ก็ดูแลตัวเองศึกษาเพิ่มขึ้น 

          ทั้งนี้ส่วนตัวคิดจะทำ แต่ไม่ได้มองเรื่องบุคลิกภาพอย่างเดียว จะต้องดูแลเรื่องสุขภาพด้วย หรือถ้าแก่ตัวไปจะปวดหัวบ้าง เคี้ยวข้าวยากบ้าง ก็มีผล ถ้าทำเหตุผลเรื่องสุขภาพมาอันดับหนึ่ง เรื่องบุคลิกก็มีส่วนที่ต้องพัฒนา ไม่ใช่ทำหน้าแล้วกลับมาจะหล่อเลย น้ำหนักก็ต้องลดด้วย ตอนนี้ยังไม่มีผลกระทบอะไร อนาคตน่าจะมีไม่ช้าก็เร็วต้องทำอยู่ดี ขอศึกษาก่อนว่าต้องทำกับใครที่ไหน หรือต้องพักฟื้นเท่าไร จะได้แพลนถูก รวมทั้งเรื่องการทำงานที่จะเตรียมเงินสำรองไว้เท่าไรถ้าไม่รับงาน 4-5 เดือน มันมีผลกระทบมากๆ ทั้งตัวเองและครอบครัว

       ส่วนเรื่องที่หากทำแล้วหวั่นเสน่ห์หายไปไหม ก็มีบางคนบอกไม่ทำชอบแบบนี้ คิดว่าเสน่ห์ไม่ได้อยู่ที่หน้าตาอย่างเดียว ก็ต้องมีนิสัยการใส่ใจในการทำงาน ใส่ความเป็นตัวเอง และใส่อย่างอื่นเพิ่มไปด้วย กับปัญหาการเคี้ยวก็ไม่มียังทานจุเหมือนเดิม โดยถ้าทำเรื่องเสียงก็มีส่วน มีคอมเมนต์จากคนที่ทำก็ใช้เวลาในการพักฟื้น ฝึกพูด ฝึกร้องใหม่หลายเดือน ส่วนตัวเลยไปคุยเคสบายเคสกับทางคุณหมอเอง ก็ยังให้คำตอบไม่ได้ว่าเคสตนจะ 100% หรือเปล่า หรือทำแล้วใช้เวลาพักเท่าไร แค่ประมาณการณ์ไว้ ซึ่งสรีระโครงสร้างคนเราไม่เหมือนกัน หรือหากคุณหมอท่านไหนสนใจให้คำปรึกษาก็ยินดี