“วันเดอร์เฟรม” รับออกจากค่ายวอร์นเนอร์ฯ เหตุไร้ความยุติธรรม ยันทุกเพลงตนเป็นคนแต่ง
ถือเป็นอีกหนึ่งกระแสดราม่าวงการเพลงไทยในตอนนี้เมื่อ ค่ายวอร์นเนอร์ มิวสิค ร่อนหนังสือชี้แจงให้ทราบโดยทั่วกันว่าศิลปินในค่ายอย่าง “วันเดอร์เฟรม” หรือนักร้องสาวอย่าง “เฟรม ศุภัคชญา สุขใบเย็น” ไม่ใช่ศิลปินในค่ายอีกต่อไป เนื่องจากค่ายได้ทำการยุติสัญญากับนักร้องสาวแล้ว แม้จะยังเหลือสัญญาอีกหลายปี ล่าสุดมีโอกาสได้เจอกับเจ้าตัว เลยขอสัมภาษณ์ถึงเรื่องราวกรณีดังกล่าว โดยเจ้าตัวเผยว่า
อ่านข่าวต่อ :
หนังคนละม้วน “วันเดอร์เฟรม” โต้ ไม่เคยทำสัญญาวอร์นเนอร์ฯ
ล่าสุดกับเรื่องที่เกิดขึ้นรับตกใจมากๆ จริงๆ “วันเดอร์เฟรม” กับ “วอร์นเนอร์มิวสิค” ไม่เคยทำสัญญากัน ไม่มีการเซ็นต์แต่เป็นเพียงข้อตกลงที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 30 ต.ค. 60 (เกือบ 2 ปี) เราแค่มีข้อตกลงเราเบื้องต้นก่อนเซ็นต์สัญญาเท่านั้น เป็นกระดาษ 2 แผ่น รายละเอียดไม่สามารถบอกได้ ซึ่งทางทนายเราเห็นว่าข้อตกลงไม่เป็นผลทางกฎหมาย แต่อันนี้ขอให้เป็นเรื่องของทนายคุยกับทนายดีกว่า ซึ่งเราตัดสินใจให้ทนายเราเป็นคนส่งหนังสือไปยกเลิกสัญญาเอง ซึ่งเขาได้รับในวันที่ 19 พ.ค. ก็ต้องปล่อยให้ทางกฏหมายจัดการ
เหตุที่เราตัดสินใจยกเลิกเพราะเป็นปัญหากัน ซึ่งเราไม่ไดรับความยุติธรรมแต่ก็ไม่ได้พูดว่าใครถูกหรือผิด เพราะเหมือนต่างฝ่ายต่างทำงานไม่คลิกกัน เป็นปัญหารวมๆที่เกิดขึ้นและสะสมมานาน ซึ่งเรามีการคุยเจรจาหลายรอบมากเพื่อที่เราจะดำเนินกันต่อไปได้ กับรายละเอียดที่เขาบอกว่าเราไม่มีสิทธิ์ที่จะใช้เพลงอันนี้คือเสียใจมาก เพราะว่าเพบงทุกเพลงหนูแต่งเอง เขียนมันขึ้นมาเอง และจะมาบอกหนูไม่สามารถใช้เพลงของตัวเองได้โดยไม่มีสัญญากัน อันนี้อยากให้เป็นคำสั่งของศาลว่าสุดท้ายจะเป็นคำตัดสินของศาลออกมา แต่หนูมั่นใจในฐานะผู้แต่งเนื้อร้อง ทำนองเพลงหนูเป็นผู้แต่งเองทุกเพลง แต่ก็มีข้อตกลงและจ่ายค่าทำเพลงให้ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เราเบิกกับเขา
ตอนนี้ที่เราทราบ เพลงทุกเพลงไม่มีสัญญาว่าลิขสิทธิ์เป็นของใคร อย่างที่บอกเขาไม่เรียกว่าสัญญาเป็นข้อตกลงมากกว่า เราต้องต่อสู้ว่าควรมีสิทธิ์ใช้เพลงของตัวเอง ทุกวันนี้ก็ยังรับงานอยู่ปกติ หลังจากที่ตกลงกันก่อนวันที่ 19 พ.ค. ทางค่ายเขาก็ไม่ได้ห้าม เราเชื่อมั่นว่าเราถูกต้องทุกอย่าง ถ้าขึ้นศาลและสมมุติว่าเราแพ้ เราบอกเลยเราพร้อมรับผิดชอบทั้งหมด แต่ในส่วนของเรามั่นใจว่าไม่ได้ทำไรผิด ด้วยความที่เราไม่รู้มันเลยเกิดข้อผิดพลาดต่างๆ แต่ถ้าหนูต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อเพลงที่เราแต่งเองก็เสียใจ แต่ถ้าถึงจุดนั้นจริงๆเราพร้อมเริ่มใหม่ แต่งเพลงเองใหม่ ก็คงต้องยอมทิ้งพวกนั้นไป ส่วนตัวไม่คิดว่าชื่อเสียงทำให้เราเปลี่ยนไป
กับเรื่องของการรับงานที่เขามีสัญญาออกมาว่าเราต้องร่วมงานกับเขา อีก 5-6 วันนี้ ก็ยังไม่ตกลง ต้องขอให้ทนายเป็นคนดูก่อนอีกที ก็ต้องดูว่าอย่างไหนถึงจะเหมาะสม หลังจากนี้ถ้าเรามีงานก็ยังยืนยันว่าจะใช้เพลงที่เราแต่งไปร้องอยู่ เพราะมันไม่มีสัญญา ทนายก็ยืนยันว่าร้องได้ ส่วนการขึ้นศาลคงไม่น่าจะเกินเดือนนี้ แต่เสาร์นี้ จะมีการแถลงการณ์จากทนายออกมาเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นหนังสืออกมา ซึ่งจะได้เห็นกันทางเฟสบุ๊ก และอินสตาแกรม อาจจะเป็นข้อมูลทางด้านกฏหมาย
