“ตูมตาม” ไม่แคร์คนมองเจ้าชู้ ลั่นหากคบ “แอร์” ก็ไม่ผิด
หลังจากออกมายอมรับว่าได้เลิกรากับอดีตแฟนสาว "ญิ๋งญิ๋ง ศรุตา" ไป ด้วยเหตุมีมือที่สาม อย่างสาวลาว "ลูกน้ำ ทิดาลัด" เข้ามาเกี่ยวโยงจนโดนกระแสถล่มทลายแทบจะไม่มีที่ยืน ตัวต้นเหตุอย่างหนุ่ม "ตูมตาม ยุทธนา เปื้องกลาง" ก็ยังไม่ได้ออกมาตอบคำถามกับสื่อถึงเรื่องที่เกิดขึ้น มีเพียงสาวๆ ที่มีข่าวด้วยออกมาตอบเท่านั้น อย่างสาวล่าสุดที่ตกเป็นข่าวด้วยคือสาว "แอร์ ภัณฑิลา ฟูกลิ่น" มีโอกาสเจอหนุ่ม "ตูมตาม" เลยขอถามว่าขายขนมจีบสาว "แอร์" หรือเปล่า
อ่านข่าวต่อ :
"แอร์" ย้ำชัดกับ "ตูมตาม" แค่เพื่อน ตอนนี้โสดสนิท
มันก็ไม่ผิด เรื่องอนาคตมันเป็นเรื่องที่เราไม่รู้ คือคนเราผมเชื่ออย่างหนึ่งว่า เราไม่ควรทำอะไรที่มันจะมาปิดกั้นตัวเอง หมายถึงว่าเราก็ไม่รู้ไงว่าในอนาคตมันประจวบเหมาะ ผมอาจจะยังไม่มี “พี่แอร์” ก็ไม่ได้มีใคร คือถ้าเราคลิกกันมันก็เป็นไปได้หมด หรือถ้าเราไม่ได้คลิกกันแต่เราก็มีความรักแบบพี่น้อง ดูแลกันเป็นคนที่ทำดีต่อกัน ก็ทำต่อไป แต่สิ่งที่ควรที่จะต้องทำก็คือ ทำความดีต่อกัน ไม่ใช่ทำเรื่องแย่ๆ ต่อกัน มันเป็นสิ่งที่สำคัญกว่าสถานะต่างๆ ผมรู้สึกว่าซีเรียสกับการกระทำมากกว่าสถานะ
หลังจากนี้ถ้าเราเจอผู้หญิงที่เราอยากจะจริงจังด้วย เรากลัวไหมว่าเรื่องกระแสข่าวแบบนี้เขาจะมองว่าเราเจ้าชู้ ไม่กลัว เพราะผมก็คงไม่เลือกเขาถ้าเกิดเขาเข้ามาและเขาตัดสินผมจากข่าว เพราะสุดท้ายแล้วมันไม่ได้เกี่ยวกับข่าว มันเกี่ยวกับว่าถึงเวลานั้นถ้าผมเลือกที่จะรักใครสักคนหนึ่งผมก็ต้องรักคนนั้นอยู่แล้ว และผมก็คงไม่เสี่ยงกับการเอาชีวิตไปแลกกับความสุขชั่วครู่ ผมมองว่าถ้ามันถึงเวลานั้นจริงๆ ผมก็คงต้องพิสูจน์ให้เขาเห็น ว่าจริงๆ แล้วมันเป็นยังไง แต่จริงๆ ก็คงอีกนาน
กับเรื่องความรักที่ผ่านมามันทำให้เราเปลี่ยนไปเยอะ ค่อยๆ โตขึ้นทุกๆ วันนะ เมื่อก่อนเราจะมองว่ารักก็ทุ่มเททำดีที่สุดโดยที่ไม่สนตัวเองว่าลำบากใจหรือเปล่า รู้สึกว่าเราต้องสนใจตัวเองมากขึ้น ต้องค่อยๆ เรียนรู้ เข้าใจไป จนทุกวันนี้ก็รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องนี้กับใครแล้ว เราก็ใช้ชีวิตต่อไป เราก็ต้องปฏิบัติตัวใหม่ จัดสรรวิธีการใหม่ คือเพราะว่ามันเป็นคล้ายๆ เรื่องของคำพูดสื่อเหมือนกัน แบบทุกครั้งที่เราไม่มีโอกาสมีความรักแล้ว แต่ว่าเราก็ไม่รู้อนาคต ถ้าเราคิดว่าเราจะไม่ชัวร์เราอย่าเพิ่งให้ใครรู้เลย ก็ใช้ชีวิตให้โอกาสตัวเองได้เลือกก่อน ได้ทบทวนตัวเองดีๆ ถ้ามีโอกาสได้แต่งงานแล้วก็ค่อยมาบอกกัน อันนั้นก็คือจบ ผมว่าแบบนั้นดีกว่า เพราะว่าถ้าเกิดพูดแล้ว แล้วกลายเป็นโจทย์สังคมแบบนี้ ทุกคนก็จะพูดว่าเราเป็นคนโกหก เป็นคนไม่ดี ทำไมวันนี้เลิก มันไม่แฟร์ และเราก็เป็นคนผิดเอง เพราะในวันที่เรารักเราก็ยินดีที่จะนำเสนอให้ทุกคนรู้ สุดท้ายมันไม่มี มันก็เลยกลายเป็นเรื่องเป็นราว ผมก็เลยรู้สึกว่าต้องคิดดูใหม่ว่าต้องทำยังไง