ไขรหัส 1991-1993 พร้อมอัพเดท ก้าวสำคัญของ TELEx TELEXs
เป็นวงดนตรีที่น่าจับตามองอีกวง สำหรับ TELEx TELEXs ของค่าย Wayfer Records กับสไตล์เพลงเป็นเอกลักษณ์ถูกใจแฟนๆ มากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเพลงใหม่ล่าสุดที่บอกเลยว่าการันตีความฮอตของพวกเขาทั้ง 4 คนได้ดีทีเดียว กับเพลง 1991-1993 ที่เนื้อหาเพลงสื่ออารมณ์เรื่องความรักได้สวยงาม ส่วนมิวสิควิดีโอนั้นไม่ต้องพูดถึง เก๋ไก๋สุดๆ กับการหยิบเอาความเป็นเกมเมอร์ของเกมยอดฮิตในอดีตอย่าง Ragnarok ออกมาเล่าเรื่องได้อย่างสมบูรณ์ ว่าแล้วก็ไปพูดคุยกับ ออม (ร้องน้ำ), ปิ้ว (กีตาร์), นาว (คีย์บอร์ด) และ กร (เบส) แห่งวง TELEx TELEXs พร้อมกัน
นิยามความเป็น TELEx TELEXs
วงดนตรีอารมณ์ดีที่ทำเพลงเศร้า ถ้าไม่เล่นดนตรีก็คือไปเล่นตลก
TELEx TELEXs รวมตัวยังไง?
“ปิ้ว” กับ “กร” เป็นเพื่อนที่เชียงใหม่ด้วยกัน แล้วก็มาเรียนที่กรุงเทพฯ เรา 2 คนทำวงดนตรีด้วยกันก่อน และก็ล้มเลิกไป แต่ว่ายังอยากเล่นดนตรีอยู่ ก็เลยชวนกันมาทำอีกรอบ ตอนนั้นมี 2 คนก็ไม่รู้จะตั้งชื่อว่าอะไร เปิดหาในดิกชันนารีเอา เจอคำว่า Telex เลยกดเข้าไปดู เป็นคำว่าโทรเลข คำมันดูเท่ดี มันเป็นเครื่องมือสื่อสารที่เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว ก็เลยหยิบคำนี้มา แล้วก็เบิลไป 2 คำ เติม s เพลงแรก “ปิ้ว” ร้อง และเพลงที่ 2 ก็ชวน “ออม” กับ “นาว” มาเล่น เลยกลายเป็นเรา 4 คน เรารู้จักกันอยู่แล้ว คือผมชอบไปคลุกคลีอยู่กับชาวศิลปากรอยู่แล้ว เราก็ไปมาหากัน เจอกันบ้างตามคอนเสิร์ต
นาว : ตอนที่ “พี่ปิ้ว” มาชวนก็ไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้แปลกใจเซอร์ไพรส์ เหมือนเพื่อนชวนไปร้องเพลง เราร้องเพลง เล่นกลางคืน เป็นครูสอนร้องเพลงอยู่แล้ว เราใกล้ตัวเขาสุด เขาชวนก็มา ไม่ได้ตัดสินใจอะไร
Process ทำเพลงของ TELEx TELEXs
แรกเริ่มเราไม่มีค่ายมาก่อน มีวิธีการทำงาน ทำเอง ปล่อยเอง เหมือน underground ในวง “ปิ้ว” เป็นคนทำทั้งหมด ทั้งเนื้อร้องและดนตรี ส่วนใหญ่เริ่มที่ “ปิ้ว” ก่อน แล้วค่อยแชร์ไปให้เพื่อนๆ ฟัง แล้วก็มาช่วยกันตบๆ
ออม : ช่วงแรกๆ ก็งงๆ เพราะเราก็ไม่รู้กันมาก่อนว่าแนวทางการทำงานของเราเป็นยังไง ของ “ปิ้ว” เป็นยังไง การที่ทำโดยไม่ได้คาดหวังอะไร เหมือน labelle เราก็ไม่ได้คิดว่าเพลงต่อๆ มาจะเป็นแนวทางนี้ มี discuss กัน แต่ส่วนใหญ่เราก็จะชอบนะ แต่ก็มีบ้างที่แบบหา...ยังไงนะ แต่ก็เข้าใจว่าเป็นดาร์ฟแรก กว่าจะมาเป็นตัวมาสเตอร์ก็ผ่านการตบกันไปมา เปลี่ยนๆ จนมาเป็น Telex
แรงบันดาลใจในการแต่งแต่ละเพลง
จริงๆ “ปิ้ว” มีความเป็นผู้หญิง หรือมีความคิด จริงๆ เพลงของเราไม่จำเป็นว่าต้องเป็นเพลงที่ผู้หญิงร้อง แต่ว่ามันก็สามารถเข้ากันได้กับทุกเพศ ทุกวัย มันไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าเป็นเพลงของผู้หญิง “ออม” เสริม พอเรามาร้อง มันเลยอาจทำให้เพลงเป็นเหมือนเพลงผู้หญิง แต่จริงๆ แล้วเนื้อหาเพลงจริงๆ ไม่ได้มีคำว่าผู้หญิง ผู้ชาย มันมีคำว่า เขา เธอ ฉัน ซึ่งทุกคนก็ใช้หมด ต่อให้เป็นผู้ชายร้อง ต่อให้น้องๆ ผู้ชายเอาไปคัฟเวอร์มันก็อาจจะเป็นมุมของผู้ชายก็ได้ เพราะว่าแฟนเพลงเราก็มีทั้งผู้หญิงและผู้ชายนะ
ก้าวที่ยังไม่ดังแต่ก็ไม่เฟล
การทำเพลงตอนแรกเริ่มเราทำแบบไม่ได้คาดหวังว่าจะได้อะไรกลับมาขนาดนี้ เหมือนเพราะว่ารัก ชอบ รู้สึกเอ็นจอยที่จะทำ แต่ไม่ได้ต้องการว่าจะต้องมีคนเห็น คนฟังเยอะทุกครั้งที่ปล่อย เห็นแค่ว่ามีคนฟังประมาณหนึ่งก็ดีใจแล้ว ไม่ได้สนใจว่าน้อยหรือมาก ต่อให้มันมีคนน้อยก็ยังมีคนได้ยิน เราคิดว่าถ้าเราทำแบบนั้นแล้วเราเองก็มีความสุขมากกว่าด้วย ก็เลยไม่ได้คาดหวังอะไรมากมาย ช่องทางปล่อยเพลงตอนแรกก็คือมียูทูบชาแนลของตัวเอง มีช่องทางสตรีมมิ่ง ไปหาเอาลงกัน อยากปล่อยก็ปล่อย อยากทำอะไรก็ทำ เราเดินทางด้วยตัวเองครึ่งปี และก็มีค่ายเข้ามาซัพพอร์ต
หลังมีค่ายเป็น TELEx TELEXs แบบเต็มร้อยหรือเปล่า?
การทำงานเหมือนเดิมเลย อาจจะมีได้รับคำปรึกษาบ้างอะไรบ้าง อยู่ที่เราจะทำหรือไม่ทำ เราก็ฟังบ้างและก็นำมาปรับใช้ (ขำ) ส่วนเรื่องธุรกิจเราก็รู้สึกว่าค่ายซัพพอร์ตเรา สิ่งที่เราไม่สามารถทำได้ เช่น การไปพบปะสื่อหรือการสตรีมมิ่ง มันเป็นสิ่งที่ดี
เพลงที่ทำให้คนรู้จักวงเรา
เสียงส่วนใหญ่ของในวงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นเพลง Labelle โดยมีเหตุผลว่า น่าจะเป็นเพลงแรกที่มีขึ้นชาร์ตด้วย เลยเป็นเพลงนี้ที่คนมีโอกาสได้ฟังเยอะ เป็นเพลงแรกที่เป็นจุดกำเนิดของเรา ให้เรามีหน้ามีตาได้จนวันนี้ เหมือนเราได้กำลังใจจากเพลงนี้กันด้วย นอกจากนั้นก็มีเพลง Shibuya โดย “นาว” ให้เหตุผลว่า เวลาไปแสดงสดคนร้องได้กันเยอะ
ส่วนเพลงโปรดของแต่ละคน “ปิ้ว” ในฐานะฝ่ายผลิตเพลงหลักตอบแบบไม่ต้องคิดว่า ชอบทุกเพลง ทุกเพลงเหมือนลูกของผม (ทุกคนปรบมือ) ส่วน “ออม” ชอบแต่ละเพลงต่างกันออกไป มันมีโมเมนต์ที่ต่างกัน อย่างเพลง “ซ่อน” เราชอบที่สุดเวลาเล่นสด แต่ถ้าให้ฟัง ชอบเพลง “ยอม” แต่ถ้าอยากให้แนะนำทุกคนคือ ฟังทุกอย่างที่เราทำออกไป ฟังทุกอย่างที่เรามี ส่วน “นาว” เผยว่าชอบ “หยุดตรวจ”
ซีรีส์ 3 เพลง “ซ่อน-จะเอายังไง-เพื่อนชื่อความเหงา”
สำหรับ 3 เพลงนี้ ตอนทำจริงๆ ไม่ได้ต่อกัน ตอนนั้นเราห่างหายไปนานก็เลยอยากปล่อย แล้วก็ทั้ง 3 เพลงเสร็จพอดี เราฟังเพลงไปฟังเพลงมา คิดๆ ถึงเนื้อเรื่องก็เห็นว่าสามารถเชื่อมโยงกันได้ อย่าง “ซ่อน” ก็มีเนื้อหาถึงความสัมพันธ์ที่มันเป็นความสัมพันธ์ลับๆ อยู่ ส่วนต่อมาเพลง “จะเอายังไง” ก็เหมือนกับเพลงที่ถูกแฟนจับได้ว่าเรามีคนอื่น ส่วน “เพื่อนชื่อความเหงา” ก็เหมือนคนที่โดนกระทำ เราก็แข็งแรง สามารถอยู่คนเดียวได้แล้วโดยที่ไม่ต้องมีความรัก พอเราฟังมันก็เหมือนกับว่าเนื้อหาทั้ง 3 เพลงมันสามารถเชื่อมกันได้ เลยเอามาทำเป็นสตอรี่ได้
“ออม” : ไม่อยากปล่อยเพลงเป็นสูตรเดิมด้วย ที่เราปล่อยทีละเพลง ตอนนั้นก็เลยลองทำอันนี้ขึ้นมา ลองคุยกับ “พี่เสือ” ก็เลยได้คอนเซ็ปต์นี้มาเป็น 3 มุมของตัวละคร
ด้านการทำงานเราก็ทำแบบเดี่ยว ไม่ได้ทำว่ามันจะต่อกัน แต่พอมีคอนเซ็ปต์ก็จะรู้สึกว่ามันต่อกัน เราไม่ได้ตั้งใจแต่ต้นว่าจะวางมันต่อกัน ส่วนฟีดแบ็คของ 3 เพลงนี้ดี เป็นกระแสที่เรื่อยๆ แต่มั่นคง ไม่ได้มาแบบตู้มเดียว คือ 3 เพลงมันเป็นธรรมดาที่มันอาจจะแย่งกันเด่น เพลง “ซ่อน” เหมือนมาช่วยฉุด ส่วน “จะเอายังไง” ที่เป็นเพลงช้า ก่อนจะมาจบที่ “เพื่อนชื่อความเหงา” ที่มันเป็นบทสรุป เวลาเล่นมันก็จะเห็นชัดว่าเพลงแต่ละเพลงมันต่างกัน
1991-1993 เพลงสุดท้ายของอัลบั้ม
ชื่อเพลงมาจากการที่เราคิดอะไรไม่ออกเลยเอาปีเกิดของแต่ละคนมาเล่น มันทำใหเรารู้สึกอบอุ่นขึ้น และก็ใน Ep. ของเรามีเพลงหนึ่ง 16090 อยู่ เราก็เลยเห็นว่าเพลงนี้เป็นเพลงสุดท้ายในอัลบั้มด้วย ก็เลยใช้เป็นตัวเลข 1991 เป็นปีเกิดของ “พี่นาว” 1992 เป็นปีเกิดของ “ปิ้ว” ส่วน 1993 เป็นปีเกิดของ “กร” กับ “ออม”
เรื่องเวลาที่เข้ามาเกี่ยวกับในเพลง
มันมาจาก “ปิ้ว” ที่ไม่ค่อยชอบวันจันทร์ มันเป็นวันที่เราต้องตื่นเช้า ไปทำงาน ไปเรียน เหมือนกับว่าเสาร์-อาทิตย์เราได้อยู่กับคนรักมากกว่า พอวันจันทร์ก็ต้องแยกจากกัน ไม่ได้แยกทั้งวัน แต่ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันเหมือนเสาร์-อาทิตย์ เลยกลายมาเป็นคอนเซ็ปต์เพลงนี้
ไอเดียคิวท์ของมิวสิควิดีโอ
เริ่มมาจากน้องนางเอก MV “น้องปั่น” เขาโพสต์สเตตัสว่าอยากเล่น MV อะไรก็ได้ให้ TELEx TELEXs จังเลย แล้ว “พี่ปกป้อง” ที่เขาทำ MV ให้ก็ไปเมนต์ว่าถ้าได้เล่นเดี๋ยวทำให้ได้ไหม 2 คนนี้เขาก็คุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน น้องก็บอกว่าฟังเพลงนี้แล้วเหมือนที่คุยกับผู้ชายในเกมเลย จริงๆ ไม่ได้เกี่ยวขนาดนั้น แต่ด้วยตัวเพลงอะไรด้วย มันทำให้เราย้อนเวลากลับไปช่วงมัธยมที่เราเล่นแร็กนาร็อก ทำให้คนเข้าถึงได้ง่าย ต่อให้ไม่ใช่เกม อาจจะเป็น MSN เมื่อก่อนมันจะมีช่วงเวลาที่เราต้องตั้งตารอเพื่อจะได้เล่น ได้เจอกันในวันเสาร์-อาทิตย์ มันเลยอาจจะ touch ใคร เนื้อเพลงไม่จำเป็นจะต้องเป็นวัยทำงานก็ได้ MV ก็ช่วยให้เพลงดูกว้างด้วย ไม่ได้จำกัดที่ช่วงอายุ
เพลงนี้เราทำพร้อมกับอัลบั้มเลย เราปล่อยพร้อมอัลบั้ม ทำไปแล้วก็เอามาทำ MV ทีหลัง กับเรื่องความคาดหวัง หลังจากที่เราปล่อยไปแล้วจะมีความคาดหวังเพิ่มขึ้นอยู่แล้ว มันคาดหวังเพิ่มขึ้นจาก Labelle ที่เราไม่ได้คาดหวัง แล้วตอนนี้ที่เราเข้ามาอยู่ค่าย มันไม่ได้มีแค่เราที่คาดหวัง มันมีคนที่ทำงานกับเรา แล้วพอเพลงนี้ปล่อยออกไปมันดีกว่าที่เราคิด ทุกอย่างคือขึ้นเร็วหมด ทั้งยอดวิวอะไรมันไม่ได้เร็ว เปรี้ยงปร้าง แต่ก็คือเยอะกว่าทุกเพลงที่ผ่านมา มันก็เป็นฟีดแบ็คที่เห็นได้ชัด เวลาเราปล่อยเพลงเราจะรู้อยู่แล้วว่าเราคาดหวังได้ประมาณไหน มันก็ได้ตามที่เราหวัง แต่เราก็ไม่ได้คาดหวังเยอะเกินไปด้วย
TELEx TELEXs VS กระแสเพลงที่เปลี่ยนไปทุกวัน
เพลงของเราอาจจะไม่ได้ยอดวิวเยอะ แต่แฟนเรามีไลฟ์สไตล์ยังไงก็รู้อยู่ แฟนวงเราเป็นผู้ฟังมากกว่าผู้ชม ไม่ได้แบบเข้าไปในยูทูบเพื่อฟังบ่อยๆ เบสแฟนเราอยู่ตามสตรีมมิ่งมากกว่า เราคาดหวังนะให้เพลงเราอยู่ในเพลย์ลิสต์ เพราะคนเดี๋ยวนี้ไม่ได้มานั่งเลือกว่าจะฟัง คนอาจจะเปิดวน และเพลงเรามีโอกาสได้ผ่านหู อย่างน้อยให้เขาได้ยินก็ดีแล้ว
ตอนนี้ก็เป็นตัวเอง ทำในสิ่งที่เราชอบ สักวันก็จะมีคนชอบในสิ่งที่เราเป็น กระแสมาเร็วไปเร็ว เรายินดีด้วยนะถ้าคนที่อยู่ในกระแสเป็นตัวเอง แต่เมื่อไรก็ตามที่คนทำตามกระแสแบบไม่ได้เป็นตัวเองเลย ในระยะยาวมันจะส่งผลต่อชีวิตจิตใจมากๆ เพราะมันไม่ใช่ตัวเรา มันก็จะไม่ยั่งยืน เราไม่ได้เป็นคนที่ปิดกั้น เราฟังได้ทุกอย่าง เลยรู้สึกว่าเพลงแต่ละเพลงมีข้อดีต่างกัน แต่การที่จะอยู่ในกระแสหรืออยู่กระแสได้นาน เราก็ควรจะมีตัวของเราและมีเบสแฟนที่พร้อมจะตามเราไป แบบเราอาจจะไม่ได้ดัง แต่ยังมีคนที่ตามเรา อย่างถ้าในอีก 10 ปียังมีคนฟัง Labelle อยู่ เราว่ามันดีนะ ดีกว่าที่คนฟังเราปีนี้เยอะๆ แล้วปีหน้าไม่ฟังเราแล้ว
บางอย่างเราก็อยากทำ อย่างแร็ปเราก็อยากเอามาฟีท เราไม่ได้มองว่าเราเปลี่ยนไป เรามองว่าเราเอาของใหม่ๆ เข้ามา ของใหม่บางทีมันก็น่าจับมาทำ แต่ก็อยู่ที่ว่าแฟนๆ เปิดใจรับแค่ไหน ต้องฟังดีๆ ว่าเขาเปลี่ยนไปหรือเปล่า ถ้าคุณชอบสุดท้ายมันก็จะกลับมา ปฏิเสธไม่ได้อยู่ดีที่จะฟัง ส่วนแฟนๆ ของเรากลัวเราเปลี่ยนไป เขาหวงความเป็นวงมากๆ คนจะติดภาพว่าถ้าเราดังแล้วจะเปลี่ยน
TELEx TELEXs NEXT STEP
เร็วๆ นี้จะมีไปเล่น Summer Sonic โปรเจ็คท์พิเศษด้วยเป็นก้าวสำคัญ เป็นการร่วมงานกับศิลปินแร็ปเกาหลี อย่าง GREE ของค่าย Brand New ก็จะกลายเป็นเรา Telex ที่มีแร็ป ก่อนหน้านี้มี collapse แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้ทำกับศิลปินต่างชาติ เป็นอะไรที่ตื่นเต้น อยู่ดีๆ ก็มีโอกาสได้ร่วมงานกับศิลปินเกาหลี โดยการทำงานก็คือเรามีไปเจอกันที่เกาหลี และก็แยกกันอัด ส่วนการติดตามผลงานของพวกเรา ตามได้ที่เพจ TELEx TELEXs และก็ของค่าย Wayfer Records
