เปิดเส้นทางก่อนจะดัง “บาส สุรเดช” จากนักกีฬาสู่นักแสดงขวัญใจแฟนๆ
แจ้งเกิดเป็นดาวรุ่งประดับวงการบันเทิง สำหรับพระเอกหนุ่มหน้าใส “บาส สุรเดช พินิวัตร์” ที่ล่าสุดก็เพิ่งจะคัมแบ็คปล่อยซิงเกิ้ลใหม่ร่วมกับเพื่อน SBFIVE ที่ตอนนี้กระแสเพลงนั้นโด่งดังและได้การตอบรับจากแฟนคลับเป็นอย่างดี เชื่อว่าหลายคนอยากทำความรู้จักหนุ่ม “บาส” เพิ่มมากขึ้น วันนี้ “ดาราเดลี่” เลยจะพาไปย้อนชีวิตในวัยเด็ก และเส้นทางการเข้าสู่วงการบันเทิงของหนุ่ม “บาส” กัน
เล่าชีวิตในวัยเด็กให้ฟังหน่อย ตอนเด็กอยู่กับตา ตอนเด็กเป็นเด็กเรียนเก่ง อยากเป็นนักกีฬา ความเก่งเลยลดลงมานิดนึงก็เลยโฟกัสด้านกีฬา ส่วนกีฬาที่ชอบคือ กีฬาเทนนิสกับปิงปอง เล่นเป็นตัวแทนเขตเลย ชอบและประทับใจที่สุดคือรางวัลที่เราได้เป็นกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 29 ที่มหาสารคามเกมส์ ได้เป็นตัวแทนของเชียงใหม่ เขต 5 ได้มา 2 เหรียญทองแดง ประเภทชายเดี่ยว ชายคู่ ดีใจมาก ไม่คิดว่าเราจะได้รางวัลระดับประเทศ
ความฝันในวัยเด็ก เคยคิดจะเข้าวงการบันเทิงไหม ตอนเด็กๆ เคยคิดเหมือนกัน แต่ก็ไม่กล้าที่จะคิด เพราะมันไกลและยากเกินไป พูดตามตรงคนที่อยู่ในทีวีกับคนที่ดูอยู่ที่บ้านมันคนละแบบกัน ยากที่จะคิดแบบนั้น เลยอยากที่จะเป็นนักกีฬามากกว่า แต่ก็คือความฝันที่อยากทำ
เส้นทางเข้าสู่วงการบันเทิงของเรา มีโมเดลลิ่งทักมา เราก็มาลองดู ตอนนั้นเรายังไม่พร้อม เราไปแคสต์งานก็ยังไม่ได้ ก็เลยมาขออยู่กับพี่ ช่วยแชร์ค่าหอ เพราะเรามาจากเชียงใหม่ ไม่อยากรบกวนค่าใช้จ่ายแม่ เพราะมันเป็นเส้นทางของเราที่เราเลือกเอง
ผลงานชิ้นแรกที่เราได้ทำผ่านหน้าจอทีวี คือ ซีรีส์ U-Prince The Series ตอน คิริว เป็นงานเพื่อนของพี่คนหนึ่ง เล่นเป็นตัวประกอบหลัก เขาชวนไปเล่นเพราะคนขาดคนหนึ่ง ก็ถามว่าเราสนใจไหม ให้ลองท่องบทมาดู เราก็เลยใช้พี่ที่หอให้ช่วยต่อบทให้ บทยาวมาก แต่เขาอยากได้คนที่ท่องบทได้ แต่ก็พยามทำให้ดีที่สุด ก็ดีใจมากที่ได้ ตอนนั้น U-Prince กำลังดัง ดีใจที่ได้ใส่ชุดตอนนั้น ถ้าไปย้อนดูในไอจีผมลงติดกันหลายรูปมาก แต่มันก็เป็นความทรงจำดีๆ ตอนนั้นขอแค่ได้เดินผ่านกล้องก็พอ อยากออกทีวีมาก
ตอนนั้นเราได้ทำรู้สึกอย่างไรบ้าง รู้สึกตื่นเต้นมาก สั่นตลอดเวลา อยู่หน้าเซ็ตได้พูดนิดเดียวแต่สั่นมาก เราไม่รู้ว่าการแสดงคืออะไร มุมกล้องคืออะไร ตัวไหนรับเราไม่รู้เลยจริงๆ แต่ก็ผ่านมาด้วยดี จากนั้นก็ทำให้เรามีผลงานเรื่อยๆ ทางผู้ใหญ่ค่าย GMM 25 ติดต่อไปให้เล่นรับเชิญ เป็นละครที่ไม่สบาย โดนรับน้องแต่ก็ไม่มีใครรู้ เพราะต้องเล่นเป็นคนป่วย จริงๆ U-Prince เราเล่นนิดเดียว แต่อันนี้เรามาเล่นรับเชิญเยอะอยู่ ต้องมีบท มีแอ็ค ทำให้เราดีใจมากกว่าเดิมอีก
อย่างเราก็พยายามหาเงินด้วย แต่จริงๆ แล้วเป็นก้าวแรกที่ดีและทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นในระดับหนึ่งจากคนที่ติดตามประมาณ 4 พันคน ขึ้นมา 7 พันคน คิดว่าสุดยอดมาก ซึ่งคือสิ่งที่เรารอคอยมาก ส่วนเรื่องที่ 2 ผมไปถ่าย Love Song Love Series ขอบคุณที่รักกัน ถ่ายตอนที่แคสต์ 2 Moons The Series พอดี กระแสเลยดีขึ้นเรื่อยๆ ตอนนั้นยังแคสต์ไม่เสร็จ ยังไม่ค่อยรู้อะไรเลย แค่ได้แคสต์งานก็ดีใจแล้ว คนรอบข้างอยากให้เราได้ คือเขารู้ว่าเราตั้งใจมาก ทุกคนบอกว่าสุดยอดเลยบาส ไม่คิดว่าจะทำได้ เพื่อนสนิทกันที่เรียนอยู่สิงคโปร์บอกอย่าไปคิดมาก ถ้าคนมันจะได้มันก็ได้ ทำมาขนาดนี้มันดีที่สุดแล้ว มันเกินความคาดหวังของเพื่อนแล้ว
จากนั้นก็ได้รับบทเต็มๆ ใน 2 Moons The Series พอได้อย่างที่บอก ดีใจแบบบอกไม่ถูก มันเหมือนแบบบุญหล่นใส่หัวเรา ทำให้เราอยู่ถึงทุกวันนี้เลย ซึ่งไม่เคยคิดเลยว่าเรามาอยู่ตรงนี้ นี่เพียงแค่การเริ่มต้น เพิ่งเข้าวงการบันเทิงใหม่ๆ ยังต้องศึกษาพี่ๆ ที่อยู่ในวงการบันเทิงนี้อีกมาก
วิธีรับมือกับข่าวที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ถ้าในแง่ข่าวดีๆ ก็ต้องขอบคุณที่คอยสนับสนุน เป็นเด็กตัวเล็กๆ ตาดำๆ ที่มาแคสต์งาน ดีใจมากที่วันนี้ “ดาราเดลี่” มาสนับสนุนข่าวของผม พูดตรงๆ เลยว่าก่อนที่จะได้มาอยู่ตรงนี้ก็เปิดดูช่อง “ดาราเดลี่” เห็นดาราคนอื่นๆ ก็คิดว่าสักวันจะต้องมีข่าวของผมบ้าง ไม่ได้อวยนะ แต่เปิดดูจริงๆ พอมาแสดง 2 Moons The Series ก็มาเปิดดูทุกครั้งเลยจะมีข่าวเราไหม เพราะที่นี่คือสื่อบันเทิงอันดับหนึ่ง ก็อยากมีหน้าผมบ้างในเพจ “ดาราเดลี่” หรือในอินสตาแกรม (ยิ้ม)
สุดท้ายฝากผลงาน พร้อมขอบคุณแฟนคลับ ขอบคุณทุกคนเลยนะครับที่ให้กำลังใจ ที่คอยสนับสนุน มันมหัศจรรย์มาก ที่มีคนมารักเรา มันเกินความคาดหมายในชีวิตผมมาก ขอบคุณจริงๆ จากใจ ไม่มีคำพูดอะไรเยอะเลย อยากให้ทุกคนดูแลสุขภาพ อยู่ด้วยกันไปนานๆ นะครับ