"ตูน บอดี้สแลม" หวัง ภ. "2,215 เชื่อบ้า กล้าก้าว" ทำยอดบริจาคถึงตามเป้า
ได้ทำการเปิดฉายรอบสื่อให้ได้รับชมกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กับภาพยนตร์ "2,215 เชื่อบ้ากล้าก้าว" ซึ่งล่าสุดนักแสดงนำอย่าง "อาทิวราห์ คงมาลัย" หรือ "ตูน บอดี้สแลม" พร้อม "ไก่ ณฐพล บุญประกอบ" ผู้กำกับก็ได้ออกมาเผยความรู้สึกพร้อมบอกถึงวัตถุประสงค์ของการสร้างภาพยนตร์ให้ฟังว่า
โดยทาง "ไก่" ผู้กำกับได้เผยว่า ก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นโปรเจ็คท์ภาพยนตร์ที่ทำมายาวนานและตั้งใจมากที่สุด เพราะเป็นเรื่องแรกของตนด้วย
"ตูน บอดี้สแลม” หลายคนสงสัยว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นแนวไหนจะต่างจากการดูไลฟ์สดตอนตนวิ่งหรือเปล่านั้น จริงๆ ก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าแตกต่างดีไม่ดียังไงอยากให้ทุกคนมาดู เพราะมีเปิดให้ชมหลายช่องทางมากเป็นสิ่งที่ผู้กำกับตั้งใจจะเล่าออกมา
"ไก่" ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้และทีมงานทำเหมือนภาพยนตร์ที่เหมือนซื้อตั๋วเข้าไปดูแต่จะมี "พี่ตูน บอดี้สแลม" เป็นตัวละครมีโครงสร้างการเขียนบทการถ่าย ทำการตัดต่อ ทำสีเสียง ทุกอย่างเหมือนภาพยนตร์ คนที่เข้ามาดูจะได้รับแรงบันดาลใจเหมือนที่เข้าไปดูภาพยนตร์ทั่วๆ ไป ซึ่งที่ตนได้ติดตามไปจะเจออุปสรรคเหมือนที่ทุกคนได้เห็น มีทั้งฝนตก แดดออก หนาวมาก ร้อนมาก
"พี่ตูน บอดี้สแลม" ภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีเวลาไม่แน่นอนในการถ่ายทำ บางทีวิ่งกันทั้งวันทั้งคืน หรือคนที่ถือกล้องต้องถ่ายวันละ 10 ชั่วโมงจะสลับกันแค่ 2 คนเท่านั้น ซึ่งมองว่าเขาทำงานหนักมากกว่าตน ตลอดระยะเวลา 2 เดือนที่ต้องวิ่งไปด้วยแบกกล้องถ่ายทำไปด้วย ซึ่งคิดว่าถ้าใครได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้น่าจะสร้างแรงบันดาลใจดีๆ ไม่มากก็น้อย
"ไก่" ผู้กำกับ ก็ไม่กล้าคาดหวังมาก เพราะเป็นภาพยนตร์เรื่องแรก แต่การที่ได้ทำออกมาหรือได้ติดตามขบวนมีส่วนร่วมจนมาได้ถ่ายทอดให้คนดู เชื่อว่าจะสร้างแรงบันดาลใจเช่นเดียวกัน และจะได้สัมผัสสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นตลอดทั้ง 55 วัน
"ตูน บอดี้สแลม" ตั้งใจจะทำภาพยนตร์เรื่องนี้ให้ดูฟรีแทนการขอบคุณที่ช่วยกันออกมาวิ่ง ทั้งสองโครงการไม่ว่าจะเป็นกรุงเทพฯ-บางสะพาน หรือแม้กระทั่ง เบตง-แม่สาย ก็ช่วยกันคนละเล็กคนละน้อย 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ ทำภาพยนตร์เรื่องนี้มาเพื่อขอบคุณให้คนดูมีความสุขใครที่ดูแล้วสามารถต่อยอดสร้างสิ่งดีๆ ให้ตัวเองและคนรอบข้างก็ถือเป็นกำไรแล้ว ซึ่งอีกส่วนหนึ่งที่คาดหวังอยากจะเล่าเรื่องของโรงพยาบาลศิริราชที่กำลังสร้างตึก นวมินทรบพิตร 84 พรรษา ซึ่งยังต้องการสนับสนุนจากคนไทยอีกเป็นหลายพันล้านถึงจะทำให้ตึกนี้สำเร็จและสามารถเปิดใช้บริการได้ โดยตึกนี้สำหรับตนจะมีความพิเศษอยู่ 2 อย่าง คือ เป็นตึกที่ช่วยดูแลผู้ป่วยยากไร้โดยเฉพาะ ที่เป็นคนธรรมดาทั่วไปจะไม่มีห้องวีไอพี และอีกอย่างหนึ่งตึกนี้เป็นตึกสุดท้ายที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานชื่อให้ ทำให้มีความหมายกับตนเป็นอย่างมาก และเชื่อว่ามีความหมายกับคนไทยทุกคนด้วย
ก็มองว่าเป็นโอกาสดีที่พวกเราคนไทยจะได้มีส่วนร่วมในการบริจาคคนละเล็กคนละน้อยเพื่อให้ตึกนี้สำเร็จ และอยู่คู่กับเมืองไทย ส่วนตัวเชื่ออย่างนั้น จะบริจาค 20 บาท 100 บาท 1,000 บาท หรือ หนึ่งล้านบาทเหมือนครั้งที่แล้วที่ทุกคนออกมาช่วยกันคงจะสำเร็จ และคาดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ทุกคนคงจะช่วยกันบริจาคผ่านโครงการ 2,215 ให้ศิริราชในครั้งนี้ ก็อยากจะได้พลังจากพี่น้องคนไทยให้มากที่สุดก็ไม่รู้ว่าจะจบที่เท่าไหร่ แต่ว่าโครงการนี้จะทำไปตลอดระยะเวลา 6 เดือนนับจากนี้จะไปสิ้นสุดในเดือนกุมภาพันธ์ โดยจะใช้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นตัวบอกเล่าเหมือนเป็นการวิ่งแทน เพราะครั้งนี้จะไม่ได้ออกไปวิ่งแล้ว โดยระยะเวลา 6 เดือนจะมีออกไปตามต่างจังหวัด ตนก็อาจจะออกไปชวนแฟนๆ มาออกกำลังกายและดูภาพยนตร์กันด้วย