"เชียร์" เข้าแจ้งความดำเนินคดี หลังสุนัขถูกกัดแต่คู่กรณีไม่รับผิดชอบ
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ไม่นานที่นักแสดงสาว "เชียร์ ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์" ได้โพสต์ผ่านไอจีส่วนตัวถึงเหตุการณ์ที่ "ไม้หมอน" สุนัขพิการ 3 ขา ของตนถูกสุนัขของเพื่อนบ้านมากัดและทำรั่วเสียหายถึงในบ้าน และก่อนหน้านี้ก็ยังเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาหลายครั้งแล้ว ล่าสุดสาว “เชียร์” ก็เข้าแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดกับคู่กรณีเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเจ้าตัวเผยว่า
จริงๆ เคยเกิดกรณีนี้ที่ทำให้สุนัขบ้านเราบาดเจ็บหลายครั้งแล้ว จากเรื่องที่เกิดขึ้นคือสุนัขเราก็อยู่ในบ้านเรา แล้วก็สุนัขของคู่กรณีก็มา มันจะมีบริเวณรั้วตรงหนึ่งที่มันมีช่อง คือเราก็พยายามหาอะไรมาปิดไม่ให้สุนัขมาเจอกัน ธรรมชาติสัตว์เราก็เข้าใจถ้ามันไม่ถูกกันก็กัดกันบ้างธรรมดา จากเรื่องที่ผ่านๆ มาที่เราเห็นก็คือข้อหนึ่งมันธรรมชาติสัตว์เราเข้าใจ ข้อสองคือเราก็เห็นแก่ความเป็นเพื่อนบ้านกัน เกิดเหตุแล้วเราก็ไปตักเตือน ไม่ใช่เห็นแล้วเราก็ไปเรียกร้องให้รับผิดชอบ เราก็คุยกันหลายครั้งแล้วแต่เหมือนครั้งนี้เราก็ขอให้เขารับผิดชอบ ตอนที่ตักเตือนเขาก็รับทราบ ปกติเวลาการคุยทางคุณแม่เป็นคนไปคุยมากกว่า ทางนั้นก็รับรู้ก็เข้าใจเหมือนเขาจะดูๆให้ จนมันก็ยังเกิดเป็นครั้งล่าสุดและมันค่อนข้างรุนแรง
แต่ไม่ใช่ว่าครั้งก่อนๆ ไม่รุนแรงนะ อย่างที่บอกหมาบ้านเราก็เป็นหมาจร หมาบ้านเขาก็เป็นเหมือนหมาไทยที่รับมาเลี้ยงเหมือนกัน เราก็เข้าใจอยู่แล้ว ทุกๆ ครั้งมันไม่ใช่ว่าสุนัขออกไปเจอกันนอกบ้านแล้วกัดกัน แต่อันนี้เหมือนสุนัขเราอยู่ในบ้าน แล้วโดนสุนัขเขาแอ็คแท็กเข้ามาและรั้วเราก็เสียหาย สุนัขเราก็บาดเจ็บเราก็รู้สึกว่าครั้งนี้ที่ต้องขอให้รับผิดชอบคือเราไม่ได้มองว่าแค่สุนัขกัดกัน แต่เรามองว่าเจ้าของควรจะดูแลและรู้จักสัตว์เลี้ยงคุณให้ดีที่สุด ถ้าเรารู้ว่าหมาบ้านเราดุก็ยิ่งต้องดูแลใกล้ชิด ซึ่งการตักเตือนเคยเกิดขึ้นไปแล้ว ครั้งนี้เราเลยอยากให้เขาทราบว่าต้องรับผิดชอบแล้วนะ
ส่วนรับผิดชอบยังไงคือครั้งนี้ที่เกิดเหตุต้องเกิดค่ารักษาแน่นอน ตอนที่เราเห็นรูปเราน้ำตาคลอเลย เลือดอาบเท้าไม้หมอนเลย เชียร์ก็เลยมองว่าไม่ธรรมดาแล้วให้คุณแม่ไปคุยกับเขาไว้เลยว่าต้องมีค่าใช้จ่ายแล้วนะ ทางเขาก็โอเคเท่าไหร่ก็บอกเขามา เราก็เอาไปรักษาปกติไม่ได้แจ้งความเราก็ว่าน่าจะคุยกันได้ ปรากฏว่าพอได้รับบิลมาเสร็จ รวบรวมไปให้แล้วเขาตกใจว่าทำไมค่าใช้จ่ายสูงจัง ซึ่งเขาก็เลยขอเอาผลตรวจสอบ เราก็ไม่ได้ว่าอะไรก็เงียบหายไป พอเราไปถามก็บอกว่ามีการโอนมาให้เป็นจำนวนไม่ถึงครึ่งของบิล คุณแม่ก็งงว่าทำไมเป็นเท่านี้ คือเหมือนเขาคิดตกลงกันในบ้านว่าเป็นเท่านี้
และเขาไม่ได้ตกลงกับเรา ส่วนที่เขาโอนมาคือประมาณ 3,000 ค่าทั้งหมดตามบิลประมาณ 7,400 เราก็เลยลองเจรจากันอีก เหมือนทางเขาก็มีความเห็นและเดี๋ยวนี้เขามี พ.ร.บ. สัตว์ เพราะกรณีที่สัตว์เลี้ยงที่มีเจ้าของเกิดความเสียหายขึ้นเจ้าของก็ต้องรับดูแลค่าใช้จ่าย เชียร์ก็ยังถามเขาแบบนี้เขาก็บอกว่าเขาสะดวกประมาณเท่านี้ ล่าสุดก่อนที่เรื่องจะมาถึงสถานีตำรวจก็คุยกันยาวเลย เขาก็เพิ่มขึ้นมาให้อีกนิดหน่อย แล้วก็บอกว่าเขาสะดวกเท่านี้ จริงๆ ถ้าคิดกันจริงๆ มันไม่ใช่ครั้งแรกนะเราก็พยายามจะประนีประนอม ทั้งค่ารักษาและค่ารั้วครั้งก่อนๆ ก็ไม่ได้คิด แต่ครั้งนี้ก็บอกเขาว่าเท่านี้แล้วจบได้ไหมรักษาน้ำใจกัน เขาก็บอกว่าเขาสะดวกแค่เท่าที่เขามี เชียร์บอกว่างั้นกรณีนี้พี่รับผิดชอบโดยพาน้องหมอนไปหาหมอเลยก็ได้ กรณีนี้ถ้าพี่พาน้องหมอนไปหาหมอพี่จะได้รู้ว่าค่าใช้จ่ายมันเท่าไหร่ พี่จ่ายเลย
หรือพี่ต้องหยุดงานมาเป็นสิบวันเหมือนบ้านตนมาเปลี่ยนกันพาไปรักษา เพราะหมอบอกว่าห้ามขาดการรักษาในช่วงต้น พูดตรงๆ มันไม่ใช่เรื่องง่าย ส่วนอาการน้องหมอนตอนแรกก็ค่อนข้างหนัก เราก็ยังกลัวเราไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าแผลที่มันค่อนข้างลึกที่เท้ามันจะทำให้หมอนกลับมาเดินได้โอเคขนาดไหนในตอนนั้น แล้วหมอนเขาเป็นหมาที่เขามีขาหน้าขาเดียว หมอเขาก็บอกว่าห้ามขยับเลยด้วยซ้ำแต่มันเป็นไปไม่ได้ มันก็ต้องเดิน เราเห็นในช่วงแรกใจจะสลายไม่รู้มันจะเป็นยังไง แต่ในบ้านเราก็ดูแลใกล้ชิดไปตามหมอนัดทุกอย่างมันก็เลยหาย ตอนนี้ดีขึ้นแล้วกลับมาใช้ขาได้โอเค ส่วนหลังจากนี้เราก็เกริ่นเขาไว้แล้วว่าถ้ามันเกิดขึ้นอีกจริงๆ ครั้งหน้าก็รบกวนเป็นอย่างที่บอกไปเลยแล้วกันพาไปเลยดูแลเลยจะได้สบายใจ
ส่วนการมาของเชียร์ในวันนี้มันไม่ใช่การเคลียร์เรื่องเรากับเขาแค่นั้น เชียร์อยากให้บ้านไหนก็ตามมีสุนัขอยากให้ดูแลเขาให้ดีที่สุด การที่เชียร์อยากให้เขารับผิดชอบมันเป็นอย่างหนึ่งที่ดีของการมีจิตสำนึกของการเป็นเจ้าของ เพราะเชียร์มีพูดคำนึงว่าการที่เกิดกรณีแบบนี้มันไม่ใช่แค่หมาและรั้วเราที่เสียหาย ถ้ามันกัดกันหนักกว่านี้หมาพี่ก็เจ็บต้องมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น มันยังมีคำหนึ่งที่เชียร์ฟังเขาบอกว่า "หมาพี่ไม่ได้บอบบางขนาดนั้น" มันฟังแล้วมันเจ็บแทนความรู้สึกสัตว์ เชียร์อาจจะเป็นคนที่เซนส์ซิทีฟเรื่องนี้มากๆ คำนี้มันยังไงไม้หมอนมันก็หมาพิการ มีแค่สามขาเองมันคล้ายๆ กับหมาพิการถูกมายำแล้วยังเกิดคำพูดแบบนี้อีก เลยอยากจะฝากถึงว่าการเป็นเจ้าของรับผิดชอบหนึ่งชีวิต เชียร์อยากให้มองหนึ่งชีวิตนั้นมีค่าที่สุด ไม่ใช่ว่าเกิดอะไรหรือไม่พอใจแล้วจะเอาไปปล่อย มันจะไม่เกิดภาระทางสังคม มันจะไม่เกิดปัญหามดๆ เลย วันนี้เชียร์อยากจะฝากเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญด้วยซ้ำ เงินจำนวนที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่จำนวนที่เยอะอะไรเลย เชียร์ดูแลลูกเชียร์ได้อยู่แล้ว แต่อันนี้เมื่อเกิดเหตุการณ์เป็นเจ้าของที่ดีควรจะรับผิดชอบให้ดีที่สุด วันนี้ด้วยความที่เราพยายามจะเจรจากันหลายครั้งแล้ว วันนี้ก็เลยต้องมาแจ้งความดำเนินคดีกัน แล้วต่อไปเจ้าหน้าที่จะออกหมายในการเรียกคู่กรณีมารับฟังว่าเกิดเหตุนี้ขึ้น ก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการแล้วกัน
