"ขวัญ"  เผยได้คืนเพียง 6 แสน หลังเงินหายจากไปบัญชีไปล้านสอง

"ขวัญ"  เผยได้คืนเพียง 6 แสน หลังเงินหายจากไปบัญชีไปล้านสอง

      หลังจากที่ "แม่แอ๊ว ปราณี พูลเกิด" ซึ่งเป็นคุณแม่ของนางเอกสาว "ขวัญ อุษามณี ไวทยานนท์" ได้เกิดปัญหาจู่ๆเงินในบัญชีหายไปจำนวน หนึ่งล้านสองแสนบาท กับธนาคารหนึ่งในบริเวณใกล้บ้าน แต่ตอนนี้ได้เงินคืนเพียงแค่หกแสนบาทเท่านั้น ความคืบหน้าจะเป็นอย่างไรบ้างทางสาว "ขวัญ" ได้ออกมาเปิดเผยว่า

     อาจจะเกิดการเข้าใจผิดกันระหว่างคนที่ให้ข่าวของธนาคารนี้ จริงๆ เราไปทำเรื่องทักท้วงเราได้เงินกลับคืนมาแล้ว 6 แสนบาท ซึ่งก็เป็นจำนวน 6 เดือนหลังหรือ 3 เดือนหลังนี่แหละ แต่เงินที่คุณแม่หายไปจำนวนล้านสอง เราทักท้วงไปตลอด ซึ่งเป็นสาขาบริเวณใกล้บ้าน แต่สำนักงานใหญ่บอกว่าระยะเวลาที่เราทักท้วงไปมันเกิน120วัน เขาไม่สามารถเอาเงินมาคืนเราได้ แต่เอาเงินมาคืนได้ในพาร์ทหลังในช่วงระยะเวลาที่ไม่เกิน120วัน ซึ่งเงินจำนวนนี้6แสนบาท แม่ขวัญได้รับมาแล้ว แต่เราก็อยากได้ความยุติธรรม ก็ต้องการเรียกร้องสิทธิ์ตรงนี้ อีก6แสนที่เหลืออยู่ไม่ได้ใช้จ่าย คือทุกอันมันเป็นที่ธนาคาร เขาก็ไม่สามารถให้คำตอบเราได้ ถ้าขวัญใช้จ่ายจริง ธนาคารต้องมีกระบวนการในการตรวจสอบแล้ว เขาถึงคืนเงินจำนวน 6 แสนบาทแรกให้ขวัญ แต่ยังคงค้างอยู่ในจำนวน 6 แสนบาท คือถ้าขวัญใช้จ่าย เขาจะไม่จ่ายเงินคืนเราล็อตแรก แต่เมื่อที่คุณรับผิดชอบแล้ว ก็ต้องทำให้ดีที่สุด ไม่ใช่เหตุผลที่มาบอกว่าเกินระยะเวลาทักท้วง 120 วัน เราเป็นลูกค้า ก็ต้องการที่ดูแลเงินเราอย่างปลอดภัย ถึงเงินจะสูญเสียไปแล้วคุณก็ต้องหาเงินมาชดใช้เราให้ได้ หรือมีคำขอโทษเราก็ยังรู้สึกดีกว่า ที่เขาบอกว่าหักจากบัตรเครดิตที่เราใช้จ่ายจริง

       อันนี้มีหลักฐานที่เราทักท้วงไป แล้วก็อยู่ในขั้นตอนของศาลเรียบร้อยแล้วด้วย มันเป็นการผลักภาระไปให้คนอื่น แล้วก็ผลักความรับผิดชอบไป คือเขาตรวจสอบอย่างดีแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นเขาจะไม่คืนเงินก้อนแรกมาให้แม่ขวัญ ส่วนเงินก้อนหลังเหตุผลที่เขายังไม่คืนให้ เขาบอกว่ามันเกินระยะเวลา120วัน มันไม่ใช่เหตุผลที่เขาจะบอกแบบนี้ มันเป็นลักษณะที่ผิด ส่วนจำเข้าไปเคลียร์อีกไหมนั้นตอนนั้นที่ขวัญกลับมาจากต่างประเทศ เขาเรียกขวัญเข้าไปแล้ว ขวัญยังมีคลิปอัดไว้อยู่เลย คือเขาเรียกเราเข้าไปบอกถึงวิธีการทำงานการจ่ายเงิน คือเราทราบ แต่ที่ไปเราต้องการข้อมูลเขา ซึ่งบางทีเราบอกว่ารหัสอันนี้มันเป็นตัวเลขมาจากไหน เขายังไม่สามารถให้คำตอบเราได้เลย ซึ่งถ้าเรียกเราเข้าไปในฐานะลูกค้า คุณควรจะต้องมีคำตอบให้เรามาหมดแล้ว คือคุณแม่ทำเรื่องทักท้วงไปตั้งแต่ปีที่แล้ว ขวัญไม่ได้ท้าให้เช็ค แต่เราทำไปตามขั้นตอน แต่สาขาย่อยกับสำนักงานใหญ่คุณประสานงานกันดีหรือยัง หรือคุณโยนความผิดมาให้ลูกค้า

     เราเป็นบุคคลสาธารณะ มันไม่คุ้มกัน เงินล้านสองที่หายไปอันนี้เขาคุยกับคุณแม่ ขวัญทราบแค่ว่ามันมียอดเงินโอนมาให้ 6 แสนบาท ส่วนโอกาสที่จะได้เงินคืน เขาก็ดึงไปเรื่อยๆ เราก็ดำเนินการตามกฎหมาย คุณแม่ก็ให้ทนายจัดการให้ อยู่ในขั้นตอนการฟ้องศาล ต้องถามคุณแม่ แต่มีอะไรให้ถามทนายดีกว่า ก็ทำทุกอย่างให้มันถูกต้อง เงินที่หายไปก็ไม่ว่ายังไง ทุกอย่างให้เป็นไปตามนั้นแล้วกัน สมมติว่าถ้ามีการผิดพลาดจริงๆ ก็ขอโทษหรือใช้เหตุผลอย่างอื่นดีกว่าไหม ดีกว่าสร้างหลักฐานแล้วโยนความผิดมาให้คนอื่น ตนว่ามันไม่แฟร์ หลังจากที่มีจดหมายผ่านสื่อ เขาก็คุยกับคุณแม่ เขาบอกว่าก็ต้องปกป้องตัวองค์กรของเขา เราก็เข้าใจว่าทุกคนต้องปกป้อง แต่อยากให้เป็นไปในลักษณะที่ถูกต้อง เพราะคุณคือองค์กรใหญ่ ขวัญเป็นบุคคลสาธารณะ ถ้าเกิดขวัญผิดจริง ขวัญไม่ออกมาเรียกร้องอยู่ตรงนี้หรอก

       เขาเป็นองค์กรที่น่าจะมีความสามารถเพียงพอที่จะดูแลเงินจำนวนนี้ เงินอีกครึ่งหนึ่งขวัญคิดว่าไม่ได้คืนหรอกเพราะว่าถ้าเขาได้คืนคงไม่ออกมาทำร้ายตัวเองแบบนี้ และไม่ใช้เหตุผลแบบมัดมือชก คุณแม่ไม่ได้ใช้เงินขนาดนั้นหรอกคือเราใช้จากการไปร่วมกับเฟซบุ๊กธุรกิจเรา พอตอนนั้นระยะเวลามันปิดแล้ว แต่ทำไมเงินมันออกไปเรื่อยๆ มันไม่มีจุดหมายปลายทาง พอเราถามก็มีคำตอบให้เราไม่ได้ คือขวัญไม่ต้องการรับรู้อะไรแล้ว เราเป็นลูกค้า ต้องการอย่างเดียวคือต้องการเงินคืน เรื่องกระบวนการคุณไปหาคำตอบเอาเอง ไม่ใช่หน้าที่ของขวัญ จะเป็นการโดนแฮ็คหรือเปล่าขวัญไม่ทราบ มันไม่ใช่หน้าที่ของขวัญที่ต้องสืบหาข้อมูล หน้าที่ของขวัญคือขวัญค้องหาองค์กรที่ปลอดภัยและดูแลเงินเราได้ดีที่สุด