ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเรา! เปิดเส้นทางก่อนจะดัง “โย่ง อาร์มแชร์”
ถ้าพูดถึงนักร้องหนุ่มเสียงดี แน่นอนว่าจะต้องมีชื่อของศิลปินหนุ่ม "โย่ง อาร์มแชร์" อย่างแน่นอน วันนี้ “ดาราเดลี่” จะพาไปเปิดประวัติและย้อนเส้นทางในวงการเพลงของหนุ่ม "โย่ง" กัน
“โย่ง อาร์มแชร์” เผยจุดเริ่มต้นเริ่มเข้าวงการว่า จริงๆ แล้วผมเข้าวงการค่อนข้างไว ประมาณ ปี 1 ก่อนหน้านั้นก็เป็นนักเรียนมาก่อน เป็นนักเรียนมัธยมโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รุ่น 118 สนใจเรื่องการร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก เพราะรู้สึกว่าเวลาเราร้องเพลงแล้วมีความสุข ทำได้ค่อนข้างดี เวลาใครให้ทำอะไร เราก็มักเลือกที่จะร้องเพลง
ด้านความฝันในวัยเด็ก ผมเชื่อว่าตอนรุ่นผม ไม่มีใครใฝ่ฝันอยากเป็นนักร้องเลย เพราะว่าตอนนั้นยังไม่ได้บูมขนาดนี้ ยังไม่ได้มีรายการประกวดร้องเพลงเยอะขนาดนี้ ทุกคนก็ฝันอยากจะเป็นอาชีพที่ทุกคนคิดว่ามันน่าจะมั่นคง อย่าง หมอ, วิศวกร, ทหาร, ตำรวจ, ตอนนั้นผมก็อยากเป็นหมอ, วิศวกร ตอนนั้นนักร้องไม่ได้มีอยู่ในหัวเลย เพราะว่าที่บ้านก็ไม่เคยมีใครเป็นแบบนี้ แล้วก็ตอน ปี 1 ได้ร้องเพลงกับเพื่อน แล้วก็อยากทำเพลงในสิ่งที่เราอยากฟัง แล้วบังเอิญว่ามีคนชอบเยอะขึ้นเรื่อยๆ เราก็เลยรู้สึกว่าเราได้ทำในสิ่งที่เราชอบ ในสิ่งที่เราเป็น แล้วก็มีคนชอบด้วย ได้ตังค์ด้วย เราสนุก งั้นเราลองจริงจังกับมันดีกว่า
ด้านจุดเริ่มต้นของการเข้ามาเป็นนักร้องก็เริ่มจากทำเพลงกับเพื่อน แล้วก็มีคนชอบมากขึ้นเรื่อยๆ เราไม่เคยรู้ จนเราไปเล่นคอนเสิร์ตครั้งแรก เราก็แค่คิดว่าเราเป็นวงที่ทำเพลงในแบบที่เราอยากฟัง เราก็ปล่อยเพลงของเราไป แต่พอไปเล่นคอนเสิร์ตครั้งแรกแล้วมีคนกรี๊ดกันหนักมาก พอร้องเพลง อยากกลับไปหา แล้วคนก็ร้องกันได้ เราร้องไม่ออกเลย ตอนนั้นเราร้องไห้เลย เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่เป็นตัวเราจริงๆ มันเป็นสิ่งที่เราไม่เคยคิดว่าเราจะมาถึงจุดนี้ เราก็ตั้งใจตั้งแต่วินาทีนั้นเลยว่า เราจะไปให้ไกลที่สุด
ทางด้านผลงานที่แจ้งเกิดให้กับเราก็น่าจะเป็นเพลงชุดแรก อย่างเพลง "อบเชย" เพลง "อยากกลับไปหา" หลังจากนั้นก็ทำให้เรามีขื่อเสียงขึ้นมา แล้วเราก็ได้ทำอะไรหลายๆ อย่างที่อยากทำมากขึ้น เช่น มารับงานแสดง ได้มาทำงานเกี่ยวกับอาหาร ได้เป็นนักกีฬาโปโล มันก็เป็นพลังที่ส่งให้เราได้ทำงานอะไรอย่างอื่นมากขึ้น
อย่างแรกเลย ตอนนั้นเป็นเรื่องเรียน เพราะว่าตอนนั้นผมรู้สีกว่าไม่อยากเรียน เพราะเราเรียนไปคงไม่ได้ใช้ ก็เลยเบนเข็มไปในสิ่งที่เราทำเลยดีกว่า ตอนนี้ก็อยากจะบอกน้องๆ ว่าถ้าเรียนสายอาชีพอยู่แล้วก็เรียนให้จบ เพราะว่ามันก็เป็นสกิลนึง แต่ถ้าเรียนในสายที่ไม่ได้ชอบ อันนี้ผมก็ไม่รู้จะแนะนำดีหรือเปล่า แต่ว่าให้จริงจังในสิ่งที่คุณเก่งและทำให้มันดีที่สุดดีกว่า เรื่องชื่อเสียงเงินทองอาจจะสำคัญ แต่รองลงมาจากสิ่งที่เรามุ่งมั่น การปรับตัวตอนนั้นก็คงเป็นเรื่องของชื่อเสียงที่มันเพิ่มขึ้นมา เราก็จะทำตัวแบบปกติได้ ตอนนั้นผมแต่งตัวแบบสกปรกมาก ผมยาวรกรุงรังบ้าง น้ำไม่อาบบ้าง ตอนนั้นก็เริ่มอาบแบบ 2 วันครั้งบ้าง หลังจากที่ไม่อาบเลย ก็กลายเป็นว่ารายได้เยอะขึ้น อยากได้อะไรก็ได้ ที่ชอบมากที่สุด คือ เราไม่ต้องรบกวนพ่อแม่ตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่เราอายุมีเลขหนึ่งนำหน้า ก็รู้สึกภูมิใจในตัวเอง ได้ทำงานเร็วมันก็มีประสบการณ์เร็ว ได้เจอคนอื่นเยอะขึ้น
ฝากอะไรถึงศิลปินรุ่นใหม่ ยุคนี้เป็นยุคที่ทั้งง่ายและยาก ยุคผมกว่าจะได้คนที่รู้จัก เราต้องขึ้นรถตู้ไปทั่วประเทศเลย ต้องเอาแผ่นไปส่งให้ดีเจคลื่นต่างๆ ด้วยมือของตัวเอง ไปเล่นคอนเสิร์ต ไปแคมปัสทัวร์ กว่าจะมีชื่อเสียงให้คนรู้จักในระดับที่เรียกว่ามีความสุขในเวลาเล่นมันใช้เวลาค่อนข้างนาน ความกดดันสูง แต่ตอนนี้เรามีโซเชียลมีเดีย ซึ่งมันก็ประหยัดเวลาตรงนี้ไป แต่ข้อเสียคือมันอาจจะทำให้มีคู่แข่งเยอะมาก แล้วทำให้ทุกอย่างมันง่ายขึ้น พอทุกอย่างง่ายขึ้น เสร็จ ก็ทำให้เรามีเพลงหลากหลายมากขึ้น อยากจะฝากว่า ทุกอย่างเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดด้วยตัวเรา อย่าให้คนอื่นมากำหนดเท่านั้นเอง
สุดท้ายฝากผลงาน ตอนนี้กำลังจะมีผลงานเพลงใหม่ในนาม "โย่ง อาร์มแชร์" แล้วก็มีละครเรื่อง "รสริน ล่าแวมไพร์" แล้วก็กำลังจะมีเรื่อง "เมืองมายา live ตอน มายาเร้นรัก" แล้วก็จะมีหนังอีกเรื่องหนึ่ง แล้วก็ละครเวทีกลางปีนี้เจอกันแน่นอน "โหมโรง เดอะมิวสิคัล"