คนข้างๆ สำคัญที่สุด “จูเนียร์” เผยเทคนิครัก 3 ปี “หนูนา”
ตั้งแต่เปิดตัวเปิดใจเรื่องราวความรักแบบออกสื่อไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าความรักของสาว “หนูนา หนึ่งธิดา โสภณ” และหนุ่ม “จูเนียร์ กรวิชญ์ สูงกิจบูลย์” จะยิ่งแฮปปี้มากขึ้นกว่าเก่า แม้หลายๆ คนอาจจะไม่ได้เห็นรูปคู่สวีทหวาน หรือหวือหวามากนัก ต้องบอกว่าคู่นี้มีมุมมองความรักดีๆ ที่เชื่อว่าต้องทำเอาหลายคู่อิจฉาไม่ได้ โดยหนุ่ม “จูเนียร์” ได้เผยถึงเคล็ดลับความรักของเจ้าตัวให้ฟังกันว่า
ความรักตอนนี้แฮปปี้ดี มีความสุขอยู่กับแฟนเรา หลังจากเปิดตัวก็โอเคมากขึ้น เพราะว่าก่อนหน้านี้ก็มีคนพูดกรอกหูบ่อยๆ ว่าดูไม่เข้ากัน จากจุดเริ่มต้นตั้งแต่เป็นแฟนคลับเขาจาก “น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์” จนได้มาแกรมมี่และร่วมงานกันในเรื่อง “ยีนส์เด่น” จนเราชินกับการที่มีเขา อยู่กับเขาแล้วสบายใจ ตัวเขาเองอยู่กับเราก็มีความสุข ก็กลายเป็นมาเจอกันตรงกลาง จริงๆ ตอนแรกก็ไม่ได้คิดจะคบกัน เราคิดว่าเค้าเป็นอะไรที่ไกลเกินเอื้อม ด้วยความที่เขาเป็นนักแสดงหญิงที่ชื่อดัง ก็แอบเกร็ง กดดัน แต่พอสนิท ใครมันไปรู้ว่าความสนิท ความเข้าใจมันจะมากกว่าสถานะในวงการบันเทิง แต่ถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อน ถ้าเปิดตัวตอนนั้นคนก็อาจจะแอนตี้เราก็ได้ ก็เลยเลือกที่จะคบกันแบบไม่ได้เปิดอะไรมาก และสื่อไม่ได้จับจ้อง จนช่วงที่ผ่านเวลามาเกือบ 2 ปี เขาเองก็โตขึ้น เราก็โตขึ้นในการทำงาน มันก็เลยถึงช่วงที่ความสบายใจในการเดินไปไหนมาไหนให้คนได้รู้ จริงๆ ไม่ได้อยากจะโชว์อะไรแต่เวลาไปด้วยกัน คนก็ไม่รู้ว่าเราเป็นอะไร และเราก็ไม่ได้อยากโกหก ก็เลยมาเคลียร์ให้ชัด
การพัฒนาความสัมพันธ์ของคู่เรา เราคุยกันจริงๆ ก็ช่วงกลางๆ ที่ถ่าย “ยีนส์เด่น” แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้เต็มที่มาก เพราะก็มีเรื่องงานอยู่และกลัวว่าหากมีเลิกรากันไปมันจะมองหน้ากันไม่ติด แต่คือช่วงนั้นเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ เรารู้สึกว่าการเป็นเพื่อน เป็นพี่น้องมันยาวกว่าการเป็นคำว่าแฟน การเป็นเพื่อน เป็นพ่อ เป็นพี่ชาย เป็นกระจกสะท้อนในตัวเขามันเป็นอะไรที่สุด ปีนี้เข้าปีที่ 3 ที่คบกัน หลายๆ คนก็เซอร์ไพรซ์ เพราะยังติดภาพเราอ่อนหวาน ตุ้งติ้งมากกว่า ก่อนจะเปิดตัวมันก็อึดอัดหน่อย ตนมองว่าทุกคู่ที่ไม่มีสถานะให้คนรอบข้างมองว่าเป็นอะไรกันก็จะอึดอัดหมด อยู่ที่ว่าเราคุยให้เข้าใจว่าเราเดินทางเดียวกัน ตอนนั้นเราคุยกันว่าไม่ต้องแคร์ว่าคนจะมองยังไง เพราะถ้าเราแคร์เราไปไม่รอด จริงๆ เราเคยมีบางช่วงที่แคร์สายตาคนอื่นมากกว่าคนข้างๆ กัน เลยทำให้รู้สึกว่าไม่มีความสุข เลยเลือกที่จะแคร์คนข้างๆ กันมากกว่าคนอื่น เป็นจุดกลางที่ทำให้เราเดินมาถึงตรงนี้ ตอนนี้เค้าว่าง เราว่างก็เจอกัน ส่วนครอบครัว คุณพ่อเขาก็โอเคกับเรา คุณพ่อของเขาเราค่อนข้างที่จะเจอบ่อย แต่กับคุณแม่ไม่ค่อยได้เจอ เขาไม่ค่อยว่างเท่าไหร่ แต่ทางบ้านเราเขาเจอบ่อยแล้ว เพราะที่บ้านเรามากรุงเทพฯ บ่อยๆ
