เปิดใจที่แรก “ปุยฝ้าย” ถูกกล่าวหาแรงขายตัว เป็นเด็กเสี่ย

เปิดใจที่แรก “ปุยฝ้าย” ถูกกล่าวหาแรงขายตัว เป็นเด็กเสี่ย

        “ปุยฝ้าย ณัฎฐพัชร์ วิภัทรเดชตระกูล” เปิดใจหลังถูกกล่าวหาแรงขายตัว เป็นเด็กเสี่ย พร้อมอัพเดทหลังเข้าแจ้งความ ลั่นไม่ยอม

        อีกหนึ่งสาวที่เกิดเป็นประเด็นสุดร้อนในตอนนี้ สำหรับนักร้องสาวเสียงคุณภาพ “ปุยฝ้าย ณัฎฐพัชร์ วิภัทรเดชตระกูล” ที่ล่าสุดได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คและอินสตาแกรมส่วนตัว หลังมีคนกล่าวหาเธอแรงถึงขั้นขายตัว ซึ่งงานนี้ทาง “ดาราเดลี่” ก็ไม่พลาดที่จะสายตรงไปสอบถามสาว “ปุยฝ้าย” ถึงประเด็นดังกล่าว โดยเธอได้เผยให้ฟังว่า

        กับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ที่ตนออกมาโพสต์เพราะว่ามันเริ่มมากขึ้นไปจนถึงแม่ของตน และก็กระทบกับตนด้วย จริงๆ ตนก็ได้ยินเรื่องนี้มาเรื่อยๆ และมันก็กระทบต่อความรู้สึกและก็บั่นทอนจิตใจของตนมาก เช่นมีคนพูดว่าตนมีเสี่ยเลี้ยง ขายตัว ตนก็เสียใจมากแต่ตนก็ปล่อยวาง เพราะว่าตนไม่ได้ทำ และตนก็ปฏิบัติธรรมเอา คิดว่าอาจจะเป็นวิบากกรรม บางที่ตนอาจจะทำอะไรมาถึงทำให้พูดถึงแบบนี้ ตนก็เสียใจเพราะตนทำงานโดยซื่อสัตย์สุจริตมาตลอดทุกบาททุกสตางค์มันมาจากน้ำพักน้ำแรงของตน ที่มันต้องเป็นเรื่องขึ้นมาก็เพราะว่ามีคนๆ นึงพยายามจะเข้ามาถึงตัวตนให้ได้ด้วยการไดเร็กอินสตาแกรมมาหาตน แล้วก็ส่งรูปอนาจารมา และพูดประมานว่า อันนี้คือตนใช่ไหม ใครเป็นโมเดลลิ่งส่งไปขายตัวหรอ ตอนแรกที่ตนเห็นตนก็รู้สึกว่ามันหนักจังเลย แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะการไดเร็กอินสตาแกรมมาก็มาจากคนหลายๆ รูปแบบ ไม่ได้สนใจจะตอบอะไร เพราะว่าตนมั่นใจอยู่แล้วว่าไม่ได้ทำอะไรแบบนี้ ไม่ว่าจะเอาภาพมากี่ร้อยภาพตนก็ไม่กลัว แล้วพอเขาติดต่อตนไม่ได้ เขาก็พยายามจะไปติดต่อทางแม่ของตน โดยการไปคอมเมนต์ในอินสตาแกรมและขอเบอร์ติดต่อ พูดประมานว่าจะขอติดต่อเรื่องงานกับตน แต่ติดต่อไม่ได้เลย แม่เลยให้ไลน์ไป บอกว่าจะมีงานคลินิคแห่งนึงคุณแม่มาเข้าคอร์สได้เลย แม่ก็บอกว่าอย่างนั้นก็มาคุยรายละเอียดงานกันเลยให้เบอร์ตนกับเขาไป เขาก็โทรมาหาตน เสร็จปุ๊ป ก็ขอไลน์เพื่อส่งรายละเอียด พอได้คุยก็รู้สึกงงๆ กับวิธีการคุย เหมือนเขาไม่รู้ว่าลักษณะงานมันคืออะไรอย่างไร ตนถามว่าร้องเพลงไหม เขาก็บอกว่าไม่ต้องร้อง บอกตนว่าไปเป็นพรีเซนเตอร์ ตนก็เลยถามต่อว่าถ้าเป็นพรีเซนเตอร์ต้องทำสัญญากี่ปี เขาก็บอกว่าไม่มีสัญญา ทำแค่วันเดียว ตนก็เลยบอกว่าถ้าเป็นอย่างนั้นก็เป็นอีเว้นท์ ไม่ใช่พรีเซนเตอร์ พอตนถามว่าต้องทำอะไรบ้าง เขาก็บอกว่าเป็นพิธีกร ตนก็เลยพยายามถามว่าให้ตนไปพูดเกี่ยวกับสินค้าใช่ไหม หรืออย่างไร ถ้าเป็นแบบนั้นก็ได้ แต่ตนขอไม่จับสินค้า เขาก็บอกว่าใช่ โอเค พอถามเวลางานว่าใช้เวลาเท่าไหร่ เขาก็บอกว่า 3 ชั่วโมง ตนก็งงอีก เพราะว่าไม่เคยเจอแบบนี้ เลยบอกเขาว่าส่งรายละเอียดงานทั้งหมดมาให้หน่อย เขาก็หายไปและอีกสักพักนึงก็มีผู้ชายคนที่ตนโพสต์ลงไปในเพซบุ๊คทักไลน์มา ตอนแรกตนก็งงว่าคนนี้เป็นใคร เพราะว่าปกติไลน์ของตนถ้าไม่ได้รู้จักกัน หรือเจอหน้ากันแล้วให้สแกน มันก็จะแอดไลน์ไม่ได้ เพราะไม่ได้ตั้งเป็นสาธารณะ การที่เขาทักมาได้ก็จะเป็นการแชร์คอนแท็กไลน์ของตนไป เขาก็เลยทักมา แล้วเขาตั้งชื่อไลน์ว่า “NDL ลูกหว้า” ตนก็คิดว่าเป็นพี่ “ลูกหว้า พิจิกา” หรือเปล่า แต่ก็งงว่าตนคุยกับเขาตลอดและไม่ใช่แอคเคาท์นี้ ก็เลยทักไปถามว่า “ใครคะ” เขาก็ส่งมาทั้งปึกเลยเป็นรูปอนาจาร แล้วก็พูดประมานว่าจำได้ไหมที่เราเคยเจอกันเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งตนก็งง และก็โกรธมากที่เขาส่งรูปมา ก็เลยพิมพ์ตอบไปว่า “แค่ขาก็ไม่ใช่แล้ว” และก็ด่าเขาไปด้วยความโกรธ แล้วพอด่าไปเขาก็ออกไปจากไลน์ตน ใจความตอนแรกที่คิดจะไปแจ้งความก็เพราะว่ามันใกล้ตัวเกินไป สงสัยว่าใครที่ให้ไลน์ตนไป เพราะตอนแรกก็ไม่รู้ว่าเขาทักมาได้อย่างไร ก็เลยแจ้งความเอาไว้ ถึงนึกขึ้นได้ว่าเคยมีคนไดเร็กอินสตาแกรมตนมา ลักษณะประมาณนี้และเป็นภาพอานาจารเหมือนกันก็เลยคิดว่าแจ้งความไปเลยดีกว่า และตนก็มาเอะใจที่ชื่อไอจีที่ตรงกับไอดีไลน์ของผู้หญิงคนที่ติดต่อมาเรื่องงาน มันเป็นชื่อเดียวกันเลย ก็เลยปะติดปะต่อว่าเป็นคนเดียวกัน ที่พยายามจะเข้ามาในชีวิตของตนตั้งแต่เดือนสิงหาค แต่พอติดต่อไมได้ก็ไปทางแม่ของตน 

        สำหรับตอนนี้ตนแจ้งความไปแล้ว ตนก็ต้องเอาให้ถึงที่สุด ต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดเรื่องราวแบบนี้ได้อย่างไร ตอนนี้ตนก็ยังไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แล้วอย่างที่ตนออกมาโพสต์ ถามว่าที่ผ่านมาตนเคยเจอเรื่องแบบนี้ไหม ก็มีบ้าง แต่ตนไม่เคยคิดว่าจะลุกขึ้นมาทำอะไร คิดว่าไม่เป็นไรหรอกตนไม่ได้ทำอะไร แล้วเวลาที่ผ่านมาตนก็ได้พิสูจน์อะไรหลายๆ อย่างมามากมาย และตนก็ทำงานมาเป็น 10 ปีและก็ไม่เคยมีข่าวเสียหาย เต็มที่ก็เป็นเรื่องกับพี่ “แม็คซ์” แล้วก็ไม่มีอะไรเลยจากนั้น เพราะตนก็ไม่ใช่ผู้หญิงประเภทเปลี่ยนแฟนบ่อยๆ หรือสะเปะสะปะผู้ชาย ตนก็รู้ว่าไม่ใช่ตัวตนของตนเองก็เลยปล่อยๆ ไป แต่มาครั้งนี้มันใกล้กับตัวตนมาก ก็เลยคิดว่าต้องเอาสักหน่อยเลยตัดสินใจไปแจ้งความ เพราะเขาดูพยายามมากที่จะยัดเยียดเรื่องการขายตัวให้ตน ตนก็เลยคิดว่ามันเกินไป ตนก็เลยท้าทายเลยว่าใครเคยซื้อบริการฉัน หรือเคยนอนกับฉันเอารูปเอาหลักฐานมา ถ้าจะบอกว่าไม่มีรูปไม่มีหลักฐานก็บอกสถานที่มา จะได้ไปดูกล้องกัน ตนยอมเสียเวลา ยอมจ่ายตัง ยอมเสียทุกอย่าง แลกกับคนที่มากล่าวหาตน ให้เขาเอาหลักฐานมา เพราะว่าตนไม่กลัว ถ้าตนเคยทำแม้แต่ครั้งเดียว ตนก็คงจะกลัวเพราะเสี่ยง แต่นี่ไม่เคยทำก็เลยไม่กลัวอะไร 

        ด้านกระบวนการตอนนี้ก็อยู่ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ตนก็ทนไม่ไหว อยากโพสต์สักหน่อย อย่างที่บอกว่ามันไม่ใช่แค่ครั้งนี้ แต่ก็อย่างที่บอกว่าตนทำงานหนักมากแล้วถ้าตนมีคนเลี้ยง หรือมีเสี่ยเลี้ยง ตนก็ไม่จำเป็นต้องทำงานหนักเป็นวัวเป็นควายขนาดนี้ ตนทำงานหนักมาก วิถีชีวิตของตนก็เหมือนเดิมตอนที่ตนอยู่บ้านนอก ทำงานที่ต่างจังหวัด กระเป๋าแบรนด์เนมตนก็ไม่มี ถ้ามีที่ผ่านมาก็เป็นที่ พี่ “แม็ค” ซื้อให้ ตนก็พูดตรงๆ คนที่อยู่กับตนก็จะรู้ว่า วิถีการใช้ชีวิตของตนไม่ใช่แนวที่จะมีใครเลี้ยง ตนใช้ชีวิตบ้านๆ มากๆ และครั้งนี้ตนก็รู้ว่ามันมากไปจริงๆ ที่ผ่านมามัวคิดว่าเป็นเรื่องวิบากกรรมของตนเองที่เคยทำ แต่บางทีก็รู้สึกว่าถ้ามันมากเกินไปตนก็ต้องเงยหน้าขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยมันอาจจไม่ได้แก้ไขปัญหาทุกอย่างได้ แต่ตนก็ได้ออกมายืนยันความบริสุทธิ์ใจ ถือเป็นการบอกกับพวกเขาที่มาทำร้ายตนให้หยุด แต่ต่อให้เขาไม่หยุดกัน ลับหลังยังมีพูดถึงตน แต่มาถึงตัวตนก็ต้องดันกลับอยู่แล้ว

        ส่วนตอนนี้พวกเขาก็เงียบไปเลย เพราะว่าตนก็เอาจริง ตนคิดว่าต้องรู้ให้ได้ว่าเป็นใคร อย่างไร มาจากไหน ต้องรู้ให้ได้ ตอนนี้ก็ถึงตำรวจเรียบร้อย อีกว่าไม่นานก็คงได้รู้

        ในเรื่องของผลงานตอนนี้ก็มีละคร “แรงเงา” และ “พ่อปลาไหล” ที่กำลังถ่ายทำอยู่ และก็ภาพยนตร์ “หลวงพี่แจ๊ส” และปีหน้าก็จะมีละครเปิดใหม่อีก 2 เรื่อง แต่ขอให้ละครเปิดก่อนแล้วจะมาบอกกัน และก็มีงานพิธีกรและอีเว้นท์ ทำงานเยอะมาก เพราะตอนนี้ตนซื้อบ้านแน่ๆ ก็เลยพยายามผ่อน พยายามทำทุกอย่าง แต่ตอนนี้ถามว่าเรื่องนี้มากระทบจิตใจของตนไหม ตนก็บอกเลยว่าไม่แล้ว เพียงแต่ว่ามันหนักข้อไป จะให้ตนรู้สึกว่าเป็นเป้านิ่งก็คงไม่ได้ 

        ส่วนวิธีการรับมือ ปกติตนจะเฉยๆ ถ้าแค่พูดๆ แบบไม่ถึงตัวตนก็จะปล่อยวางได้ เพราะตนเป็นคนที่พึ่งธรรมะอยู่แล้ว เป็นคนที่ยึดหลักว่าปล่อยวาง คิดว่าเป็นกรรมของตนเอง ปล่อยไป ตนก็จะมีวิธีคิดที่ทำให้ตนอยู่ได้ มีความสุข ตนไม่ใช่คนที่อยู่ดีๆ ก็ลุกขึ้นมาทำอะไร ถ้าไม่โดนรังแก เขามาหลอกคุณแม่ มาถึงตัวเกินไป คุณแม่ก็ตกใจและก็เสียใจ เพราะว่าเขาเป็นำคนที่คุยกับคนที่ว่าจะมาติดต่องาน เขามาหลอก แม่เขาก็เลยกังวลและระแวงไปเลย เพราะว่าต่อไปก็ไม่รู้ว่าจะยังไงเมื่อมีคนมาติดต่องาน จะเป็นคนที่ปรารถนาดีจริงๆ ไหม ตนก็เลยบอกเขาว่าไม่ต้องคุยกับใครทั้งสิ้นถ้าไม่ใช่คนที่เขารู้จัก ถ้าให้ฝากถึงเพื่อนในวงการโดยเฉพาะที่รับบทร้ายๆ หลายคนอาจจะคิดไปว่าต้องเซ็กซี่ อย่างตนตนเล่นบทร้ายแต่ก็ไม่ได้โป๊เปลือย เคยถ่ายหนังสือเซ็กซี่มาบ้าง แต่บอกตรงๆ ว่าบางเล่มตนก็เข็ดมาก เพราะว่ามันดูเซ็กซี่เกินไป และไม่ใช่ตัวตนของตน ตัวตนจริงๆ ตนไม่ใช่คนเซ็กซี่หรือโป๊เปลือย แต่อาจจะเป็นเพราะว่าลุคอะไรมันอาจจะดูเปรี้ยวบ้าง หลังๆ มาก็เล่นตลกมากขึ้นด้วยซ้ำ แต่บางทีการมาเป็นดาราก็อาจจะทำให้คนเข้าถึงตัวได้ง่าย หรือสามารถพูดถึงตนได้หลายๆ แบบโดยที่บางครั้งก็ไม่ได้รู้ว่าความจริงมันคืออะไร ตนฝากอะไรได้ไม่มาก เพราะว่าเรื่องเหล่านี้มันไม่ได้แก้จากตัวเราเท่านั้น แต่มันเกี่ยวกับผู้คนที่หลากหลาย ทางที่ดีคือต้องตั้งสติและดูแลตัวเองให้ดี และก็อยากฝากว่าให้ใช้จิตสำนึกเยอะๆ เพราะบางอย่างไม่รู้หรอกว่าคนฟังจะทนทุกข์ หรือเจอกับอะไรบ้างจากคำพูดไม่กี่คำที่อาจจะเป็นการแกล้งกัน และตนก็เน้นไปทางธรรมะ