“ก้อย” ไม่คาดหวังบทนางเอก ปลื้ม “Club Friday Celeb” กระแสดี
“ก้อย อรัชพร โภคินภากร” แฮปปี้ฟีดแบ็ค “Club Friday Celeb's Stories” ตอน “ความสุข” ดีเกินคาด ย้ำเต็มที่กับทุกบท ไม่คาดหวังเป็นนางเอก
ต้องยอมรับว่าเธอมาไกลมากในเวลาสั้นๆ อย่างดาวรุ่ง “ก้อย อรัชพร” ที่เริ่มลงจอครั้งแรกกับบทเล็กๆ อย่าง “ดิว” ในซีรีส์วัยรุ่นเรื่องดัง “ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น” แต่ก็ทำได้อย่างน่าประทับใจจนเธอกลายเป็นที่รู้จักทันที ต่อมายังมีโอกาสได้เล่นซีรีส์รีเมคเรื่องดังอย่าง “O-Negative รักออกแบบไม่ได้” ในบทของ “ชมพู่” ร่วมกับดาราวัยรุ่นที่อยู่ในวงการมาก่อน โดยที่ฝีมือของเธอไม่ได้ดร็อปเลยเมื่อเทียบกับเพื่อนๆ จนได้รับบทที่หลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น อย่างซีรีส์เรื่องแซ่บที่กำลังออนแอร์อยู่ตอนนี้ “Club Friday Celeb's Stories” ตอน “ความสุข” เธอจึงได้เปิดเผยความรู้สึกถึงบทบาทและโอกาสที่ได้รับในครั้งนี้ให้ฟังกับทางดาราเดลี่ฟังว่า
สำหรับบทบาทใน “Club Friday Celeb's Stories” ตอน “ความสุข” ตนเล่นเป็น “ลูกจ๋า” ทำหน้าที่เป็นเหมือน AR บวกกับ PR ที่ดูแลนักแสดง ซึ่งตนก็ดูแล “ฮัตโตะ” ดาวรุ่งใหม่ที่กำลังปั้น โดยชีวิตจริงตนเป็นแฟนกับเขา แต่กฎของบริษัทคือห้ามนักแสดงกับ AR มีความสัมพันธ์กัน เลยต้องแอบเก็บเป็นความลับต่อทุกคน บริษัทก็ห้ามรู้ จึงเป็นตัวละครที่มีความกดดันในตัวเองที่ต้องเก็บความลับและตนก็ต้องทำอย่างไรก็ได้ให้เขาดัง โดยกระแสดังเกิดจากการเป็นคู่จิ้น ซึ่งตอนนี้เขาดังกับการเป็นคู่จิ้นกับ “มะนาว” อยู่ รับบทโดยน้อง “แอปเปิ้ล ลาภิสรา” ตนก็ต้องทนเห็นเขากระหนุงหนิง เวลาออกสื่อหรือในงานทั้งๆ ที่ก็รู้อยู่ว่าเขาเป็นแฟนเรา
ส่วนกับกระแสตอบรับที่ออกมา ตนก็แฮปปี้ จริงๆ กับโปรเจ็คท์ “Club Friday Celeb's” ก่อนตนมาเล่นก็เป็นโปรเจ็คท์ใหญ่อยู่แล้ว เมื่อรู้ว่าได้ร่วมงานก็แฮปปี้แล้วที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่ง และเมื่อฟีดแบ็คออกมาตนก็แฮปปี้ไปอีก เพราะว่าตัวละคร “ลูกจ๋า” ก็เป็นตัวละครที่ค่อนข้างเล่นยากและไกลจากตัวของเราในระดับหนึ่ง ตนก็ต้องทำการบ้าน โดยการทำการบ้านสำหรับตัวะคร “ลูกจ๋า” นั้น ต้องเข้าใจว่าเขาเป็นตัวละครที่มีbackgroundค่อนข้างเยอะ หลายคนมองว่าคนนี้ดีบริสุทธิ์ ยอมให้ผู้ชายมากขนาดนี้ ซึ่งจริงๆ มันดูไม่make sense ตนก็ต้องมาอธิบายเบื้องหลังว่าเขาดีกับตนอย่างไร ตนก็เลยต้องมาทำการบ้านกับ “ปังปอนด์ อัครวุฒิ” ค่อนข้างเยอะว่าเขาดียังไง ตนถึงรักและยอมเขามากขนาดนั้น ตนก็ตีค่าว่าคนนี้เป็นคนเดียวในชีวิตไปเลย เป็นเรื่องเบื้องหลังตัวละครมากกว่าที่ต้องทำการบ้าน
สำหรับฉากในเรื่องที่ยากสำหรับตน คิดว่าเป็นฉากที่จับได้ว่า “ฮัตโตะ” แอบไปมีอะไรกับ “มะนาว” และตัว “มะนาว” ท้อง ที่ยากเพราะ “ลูกจ๋า” เชื่อใจเขามาตลอด เหมือนกันว่าจับได้แล้วแต่ต้องกดอารมณ์เอาไว้ด้วย จึงเป็นความอึดอัดที่คิดไม่ออกเลยว่าหากวันหนึ่งมีคนเดินมาบอกตนว่าท้องกับแฟนของตนจะทำอย่างไร มันเป็นซีนดราม่าที่ใช้อารมณ์เยอะ อีกสัก 2 EP. จะได้ดูกัน ด้านการร่วมงานกับ “ปังปอนด์” ด้วยความที่ตนกับเขาอยู่แกรมมี่ด้วยกัน ก็จะมีโอกาสเจอกันบ่อยและก็เคยเรียนการแสดงด้วยกัน เลยค่อนข้างสบายที่จะเล่นด้วยกัน ตนก็รู้สึกสบายใจที่ได้เล่นกับน้องเขา มีอะไรก็คุยกันได้หมด สนุกดี
และหากถามถึงสิ่งที่คิดว่าคนจะได้รับจากการชมเรื่องนี้ ตนมองว่าเป็นมุมมองที่มีต่อวงการบันเทิงระดับหนึ่งบวกกับจะได้สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งคือคำว่าสติ ให้กับตนหรือคนที่เข้าวงการบันเทิงมาใหม่ๆ ที่อาจจะมองว่าวงการบันเทิงเป็นสิ่งสวยงาม น่าเข้าไป น่าจะมีแต่สิ่งดีๆ แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ กว่าที่จะเกิดมาถึงจุดนี้แต่ละคนก็มีจุดที่ดาร์คเหมือนกัน ส่วนบทที่คนมองว่าแรงมาก ตนคิดว่าอยากให้คนดูใช้วิจารณญาณในการชม ตนเชื่อว่าคนที่ทำไม่ได้อยากทำแค่ให้แรงอย่างเดียว แต่มันมีจุดประสงค์ที่นำเสนอว่าการกระทำนี้จะทำให้เกิดผลลัพธ์แบบไหน คนที่ทำจะได้รับผลอย่างไร จุดประสงค์ของการทำละครก็เพื่อเป็นแง่คิดให้แก่คนดูอยู่แล้ว อยากฝากถึงแฟนๆ ว่าตนก็อยากให้ติดตาม เพราะเป็นการรวมตัวของนักแสดงที่เยอะมาก ทุกคนตั้งใจทำงานและต้องเล่นกับบทอารมณ์เยอะ จึงทำการบ้านอย่างหนักหน่วง อยากให้คนได้ติดตามเป็นกำลังใจให้กัน
อีกประเด็นเรื่องที่คนมองว่าตนถูกดันให้รับบทนางเอก ตนเคยตอบไปว่าขึ้นอยู่กับว่าตนจะได้รับบทอะไร ตนไม่ได้ซีเรียสว่าจะได้เป็นนางเอกหรือไม่ได้เป็นนางเอก แต่อยู่ที่ว่าบทไหนที่ตนเล่นแล้วรู้สึกท้าทาย สนุก และเชื่อว่าผู้ใหญ่ที่ให้บทกับตนมาก็อยากจะให้ตนได้ทำอะไรที่ท้าทายตัวเองมากขึ้น มากกว่าการกำกับว่าเป็นนางเอกหรือไม่ได้เป็น ถ้าเรื่องไหนที่ได้เป็นนางเอกก็ขอให้เชื่อว่าตนจะทำอย่างเต็มที่ หรือต่อให้ไม่ได้เป็นก็ยังจะตั้งใจกับทุกงาน สำหรับผลงานต่อจากนี้ ตนกำลังถ่ายทำละครเรื่อง “แหวนดอกไม้” ละครแนวโรแมนติก-คอมเมดี้ คาดว่าจะได้ดูกันช่วงปลายๆ ปี และยังมีอีกเรื่องที่กำลังรอเปิดกล้อง หากมีรายละเอียดเพิ่มเติม ตนจะมาแจ้งให้ทราบ