“เปิ้ล – จูน” วอนคนไทยช่วยกัน ลุ้นผล “ออกู๊ด” ผ่าตาเป็นปกติ
“เปิ้ล นาคร ศิลาชัย” ควง “จูน กษมา มยุมาศ” ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมในงานตัดช่วยชาติ วอนคนไทยให้ช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบภัย เผยอาการ “น้องออกู๊ด นครินทร์ ศิลาชัย” ลุ้นผลปกติ หลังเข้ารับการผ่าตัดดวงตาอีกรอบในเดือนหน้า
เป็นอีกหนึ่งครอบครัวตัวอย่างที่ช่วยเหลือสังคมมาตลอด สำหรับครอบครัว”ศิลาชัย” ที่วันนี้ “เปิ้ล นาคร” ควงแม่ “จูน กษมา” มาออกงานตัดช่วยชาติ เพื่อนำเงินไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ด้าน น้องออก้า หลังจากเห็นคุณพ่อช่วยเหลือผู้เดือดร้อนและทุ่มเทแรงกายอย่างไม่ย่อท้อ ก็ขอเดินตามรอยร่วมช่วยอีกแรง โดย "เปิ้ล นาคร เผยถึงการเข้าร่วมช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในครั้งนี้พร้อมทั้งความคืบหน้าอาการของ "น้องออกู๊ด" จะเป็นอย่างไร
เป็นเรื่องที่จะต้องมา ไม่มาไม่ได้ เพราะการตัดช่วยชาติของ วู้ดดี้ เขาก็มีเจตนาที่ดีมาก อย่างปีที่แล้ว ตัดช่วยใต้ ก็ช่วยไปได้มาก เพราะฉะนั้น ปีนี้ก็จำเป็นมากเลย เป็นหลักที่เดียวที่จะรวมคนทั้งวงการบันเทิงมาอยู่ตรงนี้ได้ เพราะว่าน้ำท่วมถ้าจะไปลงพื้นที่กันเลย มันค่อนข้างจะลำบากและไกลด้วย เพราะฉะนั้น เรียกว่าอำนวยความสะดวกดีกว่า ที่ทุกคนอยากจะช่วยกันมารวมกันที่นี่
เอาจริงๆ ครั้งแรกเลย ก็ไม่ได้ตั้งใจ เมื่อ 7 ปีที่แล้ว มันเป็นน้ำท่วมใหญ่ ช่อง 3 ประกาศว่า ต้องการเจ็ทสกีด่วน เราก็เลยโทรไปขออนุญาตไปด้วย พอเราได้ไปเห็นสภาพคนที่เขาเดือดร้อนกันจริงๆ เลยรู้สึกว่า ทุกครั้งที่เกิดขึ้นอีก มันไม่ไปไม่ได้ ได้เห็นน้ำตาเขา เห็นความเดือดร้อนเขา มันเป็นเรื่องจริงๆ และจะมีคุณตาคุณยายที่ไม่ยอมทิ้งบ้าน และอะไรก็เข้าไปไม่ได้ขนาดเจ็ทสกีไปยังยาก ถ้าเราไม่เข้าไปเขาจะเป็นอย่างไร มันต้องไป ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วมหรืออะไรก็แล้วแต่ พอเราเห็นภาพแบบนั้นทุกปี ขอให้บอกเรา เราไปแน่นอน บางบ้านห่างจากจุดช่วยเหลือ 5 - 6 กิโลเมตร คนแก่ๆ พายเรือเป็นชั่วโมง กว่าจะออกมาถึง อย่างเรามีเรือ มีเจ็ทสกี ลากเรือท้องแบนไปยังใช้เวลาเป็นชั่วโมง ไปบนทุ่งนาน้ำท่วม 2-3 เมตร กระโดดลงไปคือ น้ำท่วมหัว เท่านั้นไม่เท่าไหร่แต่มันคือความเสียหายเป็นหมื่นๆ ไร่ อยากจะบอกว่าหนักมาก
ส่วนความช่วยเหลือที่ส่งไปต้องบอกว่า ไม่พอ เขาต้องกินต้องดื่มทุกวัน วันละ 3 มื้อ บางคนเข้าไปทีเดียว อาหารก็หมดแล้ว จริงๆ ถุงยังชีพถุงเดียวไม่พอ อยู่ได้ประมาณ 3 วัน แล้ววันต่อไป ใครจะเข้ามาอีก เขาเดือดร้อนกันเป็นเดือน
"ออก้า" เขาไปตั้งแต่ปีที่แล้ว เขาเกิดในปีที่น้ำท่วมหนักที่สุด วันนั้นเจ็ทสกีและของบริจาคทั้งหมด อยู่หน้าโรงพยาบาลพระรามเก้า เขาเกิดตอนน้ำท่วม เพราะฉะนั้น เขาเลยต้องช่วยคนที่น้ำท่วม เขาก็เลยชินและรู้งานมาก ปีนี้เป็นปีที่ 2 เขาจะรู้งานมากว่า ยกของอะไร อย่างไร เดี๋ยวพายุจะเข้าอีก 3 วัน คิดดูว่าจะหนักขนาดไหน จะต้องกลับไปอีกแน่นอน ถ้าถามว่าจะเดินตามรอยพ่อไหม เขาก็จะเห็นพ่อเขาแบบนี้ทุกวัน จะทำอะไรก็เห็น เพราะเราจะเอาลูกไปด้วยทุกที่ถ้าเป็นไปได้ เพราะฉะนั้น เขาก็จะเห็นพ่อเขาคือ ฮีโร่ เดี๋ยวพอทั้ง 4 คนโตแล้ว คงเป็นหน้าที่ของพวกเราที่ต้องออกไปช่วยน้ำท่วมกันจริงๆ ไม่ใช่ว่าเป็นหน้าที่ของคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน ถ้าเราได้ไปเห็นจริงๆ เราจะไม่กลับไปอีกก็ไม่ได้
สำหรับเรื่องตาของน้องออกู๊ด ในเดือนหน้าจะมีผ่าตัดอีกรอบ เพราะยังไม่กลับมาเป็นปกติ หมอวินิจฉัยแล้วก็เลยผ่าตัดอีกรอบดีกว่า คาดว่าน่าจะดีขึ้นรอลุ้นอยู่