ย้อนดู 10 นางเอกคว้านักแสดงนำหญิงจากสุพรรณหงส์ฝีมือเทพสมรางวัลแค่ไหนส่องด่วน
ย้อนดู 10 นางเอกคุณภาพผู้เคยคว้ารางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จากสุพรรณหงส์ ประจำปี 2550-2559 ครั้งที่ 17-26 จะมีใครบ้างและฝีมือระดับเทพสมรางวัลแค่ไหน
อีกหนึ่งรางวัลอันทรงคุณค่าอย่าง “สุพรรณหงส์” หรือ “ภาพยนตร์แห่งชาติ” ที่ได้จัดโดยสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งชาติ เพื่อการันตีผลงานภาพยนตร์ไทยทั้งในส่วนของเบื้องหน้าและเบื้องหลัง และเป็นการพิสูจน์ว่าภาพยนตร์เรื่องไหนในแต่ละปีที่ผลงานโดดเด่นเป็นที่จับตา และมีคุณภาพที่แท้จริง ทั้งนี้ได้จัดขึ้นมายาวนานถึง 26 ครั้งแล้ว ล่าสุดได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2560 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้อีกหนึ่งรางวัลที่หลายคนจับตามองนั้นก็คงจะเป็นรางวัล ‘นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม’ ที่มีนักแสดงสาวแสดงศักยภาพ ฝีมือที่เข้าตามากกว่าใครๆ อีกทั้งยังเป็นภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงได้รับการตอบรับจากแฟนๆ เป็นอย่างดี ทาง “ดาราเดลี่” เลยทำการย้อนดู 10 นักแสดงสาวที่เคยคว้ารางวัล ‘นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม’ ของสุพรรณหงส์ย้อนหลัง 10 ปี ตั้งแต่ 2550 จนกระทั่งถึง 2559 ประจำปีครั้งที่ 17-16 มาดูกันดีกว่าว่ามีใครกันบ้าง และผลงานชนะใจคนดูสมกับรางวัลหรือไม่
ครั้งที่ 17 ปี 2550 ได้แก่ “มาช่า วัฒนพานิช” จากภาพยนตรเรื่อง “แฝด” ภาพยนตร์แนวสยองขวัญของเรื่องราวฝาแฝดและความริษยา ภาพหลอนในอดีตที่ตามมาหลอกหลอนชีวิต ซึ่งเรื่องนี้เป็นที่พูดถึงอย่างมากในความน่ากลัวของเนื้อเรื่อง และความสามารถระดับนางเอกตัวแม่ของวงการ ความลงตัวของทุกอย่างส่งให้ภาพยนตร์ “แฝด” คว้ารายได้ไปถึง 67.5 ล้านบาท
ครั้งที่ 18 ปี 2551 ได้แก่ “ก้อย รัชวิน วงศ์วิริยะ” จากภาพยนตร์เรื่อง “รัก/สาม/เศร้า” ภาพยนตร์บอกเล่าถึงชีวิตบัณฑิตจบใหม่ กับทางเดินของชีวิตทั้งในเรื่องการทำงาน และเรื่องความรัก พร้อมทั้งความสัมพันธ์ของความรักเพื่อน เรื่องนี้ได้กระแสอย่างดีด้วยความที่นักแสดงนำนั้นเป็นหนุ่ม “เป้ อารักษ์” ซึ่งในขณะเป็นแฟนหนุ่มของสาว “ก้อย” บวกกับสาว “พีค ภัทรศยา” และด้วยบทบาทของตัวละคร “น้ำ” ทำให้สาว “ก้อย” นั้นเป็นที่จับตาเพราะถ่ายทอดอินเนอร์มาอย่างดี และได้รายได้ไปถึง 60 ล้านบาท
ครั้งที่ 19 ปี 2552 ได้แก่ “คริส ศิริน หอวัง” จากภาพยนตร์ “รถไฟฟ้า มาหานะเธอ” อีกหนึ่งภาพยนตร์ที่ทำรายได้ทะลุล้าน กวาดไปถึง 147 ล้านบาท เรื่องราวในแนวโรแมนติก-คอมเมดี้ เผยถึงชีวิตสาวโสดอย่าง “เหมยลี่” ที่รับบทโดยสาว “คริส” ที่มีโอกาสได้พบรักกับวิศวกรไฟฟ้าของรถไฟฟ้าบีทีเอส และเรื่องราวความสัมพันธ์ของทั้งสอง อีกทั้งยังมีประโยคฮิต “หล่อทะลุแป้ง” ให้กับความหล่อของหนุ่ม “เคน ธีรเดช” อีกด้วย แน่นอนว่าเรื่องนี้ส่งให้สาว “คริส” เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เพราะความสามารถของเธอที่มาสายฮาแบบจัดเต็ม และการดึงเอาฝีมือภายในตัวของเธอออกมาให้เห็นเด่นชัด ทุกวันนี้เธอจึงยืนอยู่ในระดับแถวหน้าของวงการได้อย่างสวยงาม
ครั้งที่ 20 ปี 2553 ได้แก่ “หนูนา หนึ่งธิดา โสภณ” จากภาพยนตร์เรื่อง “กวนมึนโฮ” อีกหนึ่งความโรแมนติก-คอมเมดี้ ที่เล่าเรื่องราวของชาย-หญิงคู่หนึ่งที่บังเอิญเจอกันที่ประเทศเกาหลี ทั้งสองนั้นตกลงกันว่าจะไม่บอกชื่อกัน ซึ่งงานนี้ก็ทำให้เกิดความผูกพันขึ้นมา อีกทั้งยังเป็นภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดให้เห็นภาพสวยๆ ของประเทศเกาหลีด้วย ได้ใจแฟนๆ กันเป็นจำนวนมาก และที่สำคัญภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ทำให้สาว “หนูนา” นั้นเฉิดฉายในวงการบันเทิง หลังจากเธอเล่นละครมาตั้งแต่วัย 6 ขวบ อีกทั้งยังทำให้เธอมีผลงานอย่างต่อเนื่องกันเลยทีเดียว ส่วนเรื่องรายได้ก็อยู่ที่ 125 ล้านบาท
ครั้งที่ 21 ปี 2554 ได้แก่ “ป๊อก ปิยธิดา วรมุสิก” จากภาพยนตร์เรื่อง “ลัดดาแลนด์” ก็คงไม่ต้องพูดถึงฝีมือการแสดงของสาว “ป๊อก” มากเท่าไหร่ เพราะเธอนั้นอยู่ในวงการมานาน มีผลงานดีๆ สู่สายตาผู้ชมก็มาก ขึ้นแท่นเป็นตัวแม่ที่ดารารุ่นน้องยกเป็นไอดอลหลายต่อหลายคน ซึ่งในเรื่อง “ลัดดาแลนด์” เธอนั้นต้องมารับบทแม่ ที่สามีนั้นพาไปเริ่มต้นชีวิตครอบครัวที่ต่างจังหวัด พร้อมกับลูกชายและลูกสาว แต่เรื่องราวชวนขนหัวลุกเกิดจากข่าวการตายของคนในหมู่บ้าน สร้างความหลอนให้กับคนดูเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นการสร้างจากเค้าโครงเรื่องจริง นับว่าเรื่องนี้ก็เป็นการพิสูจน์ความสามารถของเธออีกเรื่องก็ว่าได้ พร้อมการันตีด้วยยอดรายได้สูงถึง 117 ล้านบาท
ครั้งที่ 22 ปี 2555 ได้แก่ “สายป่าน อภิญญา สกุลเจริญสุข” จากภาพยนตร์เรื่อง “ปาดังเบซาร์” เรียกได้ว่าเป็นนักแสดงวัยรุ่นที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะรับบทบาทไหนสาว “สายป่าน” ก็ตีบทแตก ทำให้คนดูอินและเข้าถึงตัวละครได้ทุกครั้ง จนถึงขั้นถูกเล็งว่าจะเป็นตัวแม่ในวงการได้ด้วยฝีมือในอนาคต โดยเป็นการเล่าถึงครอบครัวหนึ่ง เป็นเรื่องราวของพี่น้องที่แยกย้ายกันไป กระทั่งต้องกลับมาเจอกันเมื่อคุณแม่เสียชีวิต และนำศพของแม่เดินทางกลับไปทำพิธีที่บ้านเกิด ทั้งนี้สาว “สายป่าน” ได้เล่นกับ “จักจั่น อคัมย์สิริ” นั่นเอง
ครั้งที่ 23 ปี 2556 ได้แก่ “จูนจูน พัชชา พูนพิริยะ” จากภาพยนตร์เรื่อง “Mary Is Happy, Mary Is Happy” ภาพยนตร์แหวกแนวที่ได้ใจคนดูอย่างล้นหลาม กับการนำเอาเรื่องราวจากทวิตเตอร์บัญชีผู้ใช้ @marylony จำนวน 410 ทวีต มาสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งภาพยนตร์เรื่อง “Mary Is Happy, Mary Is Happy” นั้นมีแค่โรงเท่านั้น ยิ่งทำให้มีกระแสแรงเป็นที่พูดถึงทั่วโซเชียล อีกทั้งนักแสดงนำอย่าง “จูนจูน” ก็กลายมาเป็นที่รู้จัก ไม่เพียงแค่นั้นภาพยนตร์เรื่องนี้ยังมีชื่อเข้าชิงถึง 10 สาขา และสามารถคว้าไปได้ถึง 4 สาขา
ครั้งที่ 24 ปี 2557 ได้แก่ “เต้ย จรินทร์พร จุนเกียรติ” จากภาพยนตร์เรื่อง “Timeline จดหมาย ความทรงจำ” อีกหนึ่งนักแสดงร่างจิ๋วแต่ฝีมือไม่จิ๋ว เธอนั้นฝากผลงานไว้มากมาย อีกทั้งยังมีพัฒนาการทางด้านการแสดงอย่างต่อเนื่อง โดยเรื่องนี้เธอมารับบท “จูน” ในแนวของตลก-โรแมนติก-ดราม่า สาว “เต้ย” นั้นเอาบทนี้อยู่หมัด เธอนั้นเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครและทำให้คนดูเชื่อว่าเธอคือ “จูน” ที่แท้จริง อีกทั้งในเรื่องนี้เธอมาประกบคู่กับหนุ่ม “เจมส์ จิรายุ” และกวาดรายได้ไปถึง 51.8 ล้านบาท
ครั้งที่ 25 ปี 2558 ได้แก่ “ใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่” จากภาพยนตร์เรื่อง “ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ” เชื่อว่าเธอนั้นกลายมาเป็นที่จับตามองตั้งแต่คว้ารายได้กว่าพันล้านจากภาพยนตร์เรื่อง “พี่มาก พระโขนง” ทำให้หลายๆ คนจับตาเรื่องการแสดงของเธอ และเธอก็ไม่ทำให้ผิดหวัง สามารถเอาชนะใจคนดูรับรางวัลจากภาพยนตร์เรื่อง “ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ” ในบทบาทของคุณพ่อที่รักษาพระเอกของเรื่องที่เป็นฟรีแลนซ์ทำงานไม่เป็นเวลาดูแลตัวเองจนป่วย ด้านรายได้ของเรื่องนี้ก็ทำได้ถึง 86.07 ล้านบาท
ครั้งที่ 26 ปี 2559 ได้แก่ “มิว นิษฐา จิรยั่งยืน” จากภาพยนตร์เรื่อง “แฟนเดย์ แฟนกันแค่วันเดียว” เรียกว่าเธอนั้นเป็นนางเอกแห่งยุคก็คงจะไม่ผิด เพราะหลังจากที่เธอนั้นลองชิมลางเล่นภาพยนตร์เรื่องแรก ก็ได้รายได้ถึง 110.58 ล้านบาท พร้อมโกยคำชมอย่างล้นหลาม ทำให้เห็นฝีมือภายในตัวของสาว “มิว” เธอนั้นมีออร่าโดดเด่นขึ้นมาเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังทำให้เธอนั้นมีงานเข้าตรึม พร้อมกระทบไหล่ดาราต่างประเทศ จึงไม่แปลกใจว่าทำให้เธอถึงสามารถคว้ารางวัลนี้มาครองได้สำเร็จ
