“แพรว” น้อมนำแนวคิดพ่อหลวงมาใช้ ช่วยเหลือแจกจ่ายของให้พี่น้องประชาชน
“แพรว เฌอมาวีร์ สุวรรณภาณุโชค” น้อมนำแนวคิดพ่อหลวงมาปรับใช้ในชีวิต สุดประทับใจมีโอกาสรับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
นักแสดงสาว "แพรว เฌอมาวีร์” ที่เธอได้เข้าร่วมกิจกรรมจิตอาสา เข้าแจกจ่ายข้าวของให้กับประชาชนที่เดินทางมายังบริเวณพระบรมมหาราชวัง เมื่อทาง “ดาราเดลี่” ได้พูดคุยกับสาว “แพรว” เธอก็ได้เผยถึงความรู้สึกที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชให้ฟังว่า
“สำหรับวันนี้ได้มาเป็นอีกหนึ่งพลังที่อำนวยความสะดวกและช่วยเหลือแจกจ่ายของให้กับพี่น้องประชาชนที่อยู่รอบๆ พระบรมมหาราชวัง ก่อนหน้านี้ก็เคยมาบ้าง เคยเดินจากวงเวียนใหญ่มาตั้งแต่ช่วงแรกๆ ตั้งแต่เกิดเหตุ ตอนนั้นทำงานเสร็จประมาณ 4-5 ทุ่มก็เลยเดินมากับเพื่อน คิดว่าอยากจะมาหาท่าน มาถึงก็มายืนสงบนิ่งอยู่สักพักหนึ่งแล้วก็กลับ ตอนนี้เห็นคนไทยรักกันมันเป็นภาพที่บอกความรู้สึกไม่ได้ บางทีเห็นแล้วน้ำตาคลอ รู้สึกว่านี่แหละคือคนไทย ต่อให้มีอะไรเกิดขึ้น ณ ตอนนี้เหมือนทุกคนรวมกันเป็นหนึ่งใจเดียวกัน และนี่แหละคือคนไทยของพ่อหลวงจริงๆ
ส่วนการถวายงานนั้น ยังไม่เคยได้มีโอกาสถวายงานกับท่านโดยตรง แต่อาจจะมีโอกาสได้ถวายงานกับสมเด็จพระเทพฯ ตอนนั้นอยู่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และท่านได้พูดว่ามหาวิทยาลัยนี้เป็นมหาวิทยาลัยที่ท่านพระราชทานชื่อให้ เลยมีโอกาสได้ไปร่วมงานกับโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ก็เลยได้ไปรับเสด็จพระเทพฯ เป็นครั้งแรกที่ได้รับเสด็จพระบรมศานุวงศ์ ส่วนตัวรู้สึกมีความสุขมากๆ ตอนนั้นเราไม่สบายด้วย และต้องตื่นมาตั้งแต่ตี 4 ทำผมเองเพื่อที่จะได้แต่งตัวเรียบร้อยแล้วดูดีที่สุด และมายืนอยู่กลางสนามนายร้อย โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ช่วงนั้นอากาศค่อนข้างร้อนมาก จะเป็นลมหลายรอบ แต่ก็ไม่ได้มีความรู้สึกว่าเหนื่อยหรือร้อนแต่อย่างใด เพราะวินาทีที่ท่านเสด็จมาถึง มีความรู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหล และได้เห็นท่านอยู่ข้างหน้าเราก็รู้สึกดีใจ
สำหรับแนวความคิดของพระองค์ท่านนั้น ได้เอามาปรับใช้หลายๆ อย่าง เพราะคุณแม่เองเป็นคนต่างจังหวัดอยู่แล้ว คุณแม่จะมีวิธีการใช้ชีวิตแบบง่ายๆ สบายๆ พอเพียง ส่วนตัวก็มีความพอเพียง แล้วตัวเองก็เป็นคนชอบอ่านหนังสือ ได้อ่านเรื่องพระมหาชนก อ่านตั้งแต่เรายังอ่านหนังสือไม่คล่อง ก็จะมีความรู้สึกว่าได้อ่านเรื่องราวของท่านมาตลอด รวมถึงเรื่องเล่าจากในวัง มีโอกาสได้อ่านมากๆ และก็มีความรู้สึกว่าขนาดพระมหากษัตริย์ของเรา หลอดยาสีฟันท่านยังใช้ขนาดนั้น แล้วเราเป็นคนธรรมดาทำไมจะปฏิบัติตามท่านไม่ได้ วันนี้เราไม่ได้เปลี่ยนแปลงตัวเองอะไร รู้สึกว่าเป็นคนดีขึ้นกว่าเดิม เพราะซึมซับมาตั้งแต่ตอนเด็กๆ ไม่จำเป็นว่าพอเกิดเรื่องกับท่านแล้วเราจะต้องมาทำดีเพื่อเดินตามพระองค์ท่าน เชื่อว่าทุกคนที่ทำแล้ว แต่ออกมาจากใจเหมือนกัน เป็นคำที่พ่อแม่สอนมาตั้งแต่เด็กๆ เราไม่จำเป็นจะต้องมาพยายามทำอะไร เพราะเราทุกคนทำมาจากใจอยู่แล้ว ส่วนภาพตอนนี้เห็นคนไทยมีรอยยิ้มบนใบหน้ามากขึ้น กลับมาใช้ชีวิตปกติประจำวันได้ แต่ขอให้คนไทยเป็นลูกที่ดีของพ่อต่อไป อยากให้เดินตามรอยพ่อสอน และไม่ต้องทำอะไรยิ่งใหญ่มากจนเกินไป”