กสทช แค่เริ่มต้นก็เมาหมัด

กสทช แค่เริ่มต้นก็เมาหมัด

1

      ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่า ตอนนี้บ้านเรามี "คณะกรรมการ กสทช" ตัวเป็นๆ แล้ว หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า "กสทช" คืออะไร? มีหน้าที่อะไร?
ขออธิบายเพื่อเป็นการปูพื้นก่อน..เพราะในอนาคตไม่กี่อึดใจ เราจะได้ยินชื่อนี้บ่อย

      "กสทช" มีชื่อเต็มๆ ว่า "คณะกรรมการจัดสรรคลื่นความถี่และกํากับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม"
เป็นองค์กรอิสระ ที่จัดตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญมาตรา 40 ที่บัญญัติให้คลื่นความถี่ที่ใช้ในการส่งวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และวิทยุโทรคมนาคม เป็นทรัพยากรสื่อสารของชาติ            เพื่อประโยชน์สาธารณะ และให้มีองค์กรของรัฐที่เป็นอิสระ ทําหน้าที่จัดสรรคลื่นความถี่และกํากับดูแล
     คําว่า "องค์กรอิสระ" ตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 40 บัญญัติเอาไว้ก็คือ "กสทช" นั่นเอง

     หน้าที่ของ "กสทช" ที่เป็นหลักใหญ่ใจความคือ บริหารคลื่นความถี่ กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม
ก่อนหน้านี้ วิทยุ โทรทัศน์ หน่วยงานรัฐจะ "ผูกขาด" เป็น "เจ้าของคลื่น" แล้วปล่อยให้เอกชนเข้ามาเช่าเวลาทํามาหากิน

    นับจากนี้ต่อไป คลื่นความถี่เหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นวิทยุ-โทรทัศน์ จะเอามากองรวมกันที่ "กสทช" ส่วนจะให้ประมูลเหมือนเดิม หรือทํายังไงต่อไป ขึ้นอยู่กับ "แผนแม่บท" ที่ "กสทช" จะทําขึ้นมาเห็นหรือยังล่ะครับว่า "กสทช" มีอํานาจขนาดไหน?

    วันนี้เราก็ได้คณะกรรมการ กสทช ทั้ง 11 คน ซึ่งเริ่มทํางาน               ตั้งแต่ตุลาคมเดือนที่แล้ว ประมาณว่า ยังเป็นข้าวใหม่ปลามัน นั่งเก้าอี้ก้นยังไม่ร้อน แต่ก็ให้ข่าวชนิดที่ทําให้ผู้ประกอบการคลื่นวิทยุต้องสะดุ้งเฮือก

    เรื่องมีอยู่ว่า..."กสทช" ได้ออกมาให้ข่าว เรียกคืนคลื่นวิทยุที่          อยู่ในสังกัด 1 ปณ.หรือกรมไปรษณีย์โทรเลข ทั้งหมด 9 คลื่น ซึ่ง ในจํานวนนี้ ก็มีคลื่น "กรีนเวฟ" ของเอ-ไทม์ บริษัทในเครือ                  จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ภายใต้หัวเรือหลัก "ฉอด-สายทิพย์" เป็น             ผู้บริหาร รวมอยู่ด้วย

    จริงๆ แล้ว ก็เป็นสิทธิและหน้าที่ของ "กสทช" ที่สามารถจะ "ริบคลื่น" ของ 1 ปณ.ได้ เพราะมาตรา 82 ของพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ เขียนเอาไว้ชัด

    ดังนี้..ให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หน้าที่ หนี้ และงบประมาณของกรมไปรณีย์โทรเลข กระทรวงคมนาคม ไปเป็นของ สํานักงาน กทช. เว้นแต่กิจการไปรษณีย์และเงินงบประมาณหมวดเงินเดือนและค่าจ้างประจําซึ่งมีผู้ครองอยู่ ให้โอนไปเป็นของ สํานักงานปลัดกระทรวงคมนาคม กระทรวงคมนาคม

   ถ้าตีความตามกฎหมาย ไม่ใช่เรื่องผิดที่ "กสทช" จะยึดคลื่นวิทยุในครอบครองของกรมไปรษณีย์โทรเลข มาไว้ ก่อนจะจัดสรรใหม่

แต่ในแง่ของ "คุณธรรม" ผมว่าผิดมหันต์ เพราะการออก มาให้ข่าวแบบนี้ ไม่ต่างจากหมอที่บอกกับญาติคนไข้ว่า อีก 3 วันผู้ป่วยตายแหงแก๋ แล้วอย่างนี้ญาติคนไหนจะมีกะจิตกะใจป้อนข้าวป้อนน้ำหรือ

     ทํานองเดียวกันกับคลื่น "กรีนเวฟ" แม้ว่าจะยังไม่ "ถูกยึด" ในวันนี้ แต่การให้ข่าวแบบนั้น ไม่ต่างจากกระทืบให้ตายใต้อุ้งเท้า
เพราะเอเยนซีโฆษณา เจ้าของสินค้ารายไหนจะแพลนโฆษณาให้ ทั้งๆ ที่ "กรีนเวฟ" เป็นคลื่นที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ ของวิทยุเมืองไทย

     ข้อน่าสังเกตอีกอย่างหนึ่งคือ "กสทช" ข้ามขั้นตอนไปหรือไม่?...แทนที่จะเริ่มทํางานด้วยการนับ 1 แต่ข้ามไปทําในสิ่งที่เป็นอันดับ 9 อันดับ 10 แทน
เพราะมาตรา 23 กําหนดให้ "กสช." มีอํานาจหน้าที่จะต้องทํา ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าจะก่อน-หลัง แต่เท่าที่พลิกข้อกฎหมายดู ถือว่าเป็น "ภารกิจแรก" ก่อนจะขยับไปทําอย่างอื่น

    ในบรรดา 18-19 พันธกิจที่ระบุเอาไว้ ข้อแรก เขียนเอาไว้โต้งๆ คือ "กสช." จะต้องกําหนดนโยบายและจัดทําแผนแม่บทกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์และแผนความถี่วิทยุ ให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญไม่ต่างจากรัฐบาล ก่อนจะเข้าบริหารประเทศ ก็ต้องมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา พร้อมกับรายละเอียดของนโยบายว่าจะต้องทํานั่น ทํานี่
แต่ "กสทช" ยังไม่มีนโยบายซักข้อ รวมทั้งยังไม่มีแผนแม่บทอะไรเลย กลับไปยึดคลื่นเขาเสียแล้ว!!

   ซึ่งในการจัดทําแผนแม่บทยังระบุอีกว่าให้ กสช.รับฟังความคิดเห็นของประชาชน ผู้ประกอบกิจการ และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นแนวทางในการพิจารณาด้วย

    ขั้นตอนการจัดทําแผนแม่บท คงไม่ใช่คิดวันนี้ ประกาศใช้ วันพรุ่งนี้ แต่ต้องใช้ระยะเวลา เพราะต้องมีขั้นตอน มีรายละเอียด จะทำอะไร แบบไหน อย่างไร?

    ขณะเดียวกัน การเงี่ยหูฟังความเห็นของประชาชนก็ต้องใช้เวลาอีกระยะ เบ็ดเสร็จไม่น่าจะน้อยกว่า 7-8 เดือน ดีไม่ดีปาเข้าไป 1 ปี ถึงจะเริ่มขยับตัว
    แต่นี่เล่นชักดาบออกมาฟันฉับ ถ้าไม่เมาหมัดก็น่าจะเมาอํานาจซะละมั้ง!!

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Gallery ที่เกี่ยวข้อง

Comments