"ฟิล์ม"กับความจริงที่สังคมรอคอย

"ฟิล์ม"กับความจริงที่สังคมรอคอย

1

       ประเด็นข่าวของ "ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์" กับ "แอนนี่ บรู๊ค" เป็นประเด็นที่ประชาชนให้ความสนใจ และต้องการคำตอบ อะไร "จริง" และ "ไม่จริง"

ตัวฟิล์มเอง ถึงแม้จะลาบวชเพื่อทดแทนพระคุณพ่อแม่ ก็ยังถูกเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แม้แต่เรื่องบินไปเรียนที่อังกฤษก็ยังถูกเกี่ยวโยงกับเรื่องนี้ชนิดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

และแม้เวลาจะล่วงเลยมากว่าครึ่งปีแล้วก็ตาม เรื่องนี้ก็ยังไม่จบลงแถมยังเป็นเรื่องที่ คนสนใจและสื่อมวลชนต่างจับตามอง เพราะทุกคนอยากรู้ว่า "ความจริง" มันเป็นอย่างไรกันแน่

ที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ก็มีกรณีอื่นๆ อีกมากมายทั้งที่เป็นคดีความและไม่เป็นคดีความอีก พอสมควร ส่วนเรื่องราวของทั้งคู่ยังไม่จบ ซึ่งเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ที่ผ่านมา หลังจากที่ฟิล์มให้การเป็นพยานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องที่ห้องพิจารณาคดี 804 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก

โดยศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ คดีหมายเลขดํา อ. 3670/2553 ที่นายรัฐภูมิ หรือ ฟิล์ม โตคงทรัพย์ นักร้องชื่อดังค่ายอาร์เอส เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.รุ่งนภา แก้วไทรหาญ หรือ แอนนี่ บรู๊ค นักแสดง

ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 จากกรณีวันที่ 17-28 ก.ย.53 แอนนี่ บรู๊ค พา ด.ช.ฑีฆายุ เสฏฐภูมิ บุตรชาย สัมภาษณ์ออกรายการต่างๆ กล่าวหาว่า "ฟิล์ม" ไม่มีคุณธรรม ไม่มีความรับผิดชอบต่อจําเลย และบุตรชาย

ในวันดังกล่าว ได้สรุปว่ารู้จักและร่วมเล่นละครกับจําเลยในเรื่อง "ปีศาจแสนกล" ทางสถานีโทรทัศน์สีช่อง 3 เมื่อกลางปี 2552 ซึ่งรู้จักเป็นเพื่อนกับจําเลยในลักษณะที่ถูกใจกันเท่านั้น

ขณะที่จําเลยกระทําการหมิ่นประมาทต่อโจทก์ 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 ก.ย.53 จําเลยอุ้ม ด.ช.ฑีฆายุ บุตรไปสัมภาษณ์สดในรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 กล่าวหาว่าโจทก์เป็นพ่อและให้เลี้ยงลูกเพียงลําพัง

ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 27-28 ก.ย.53 จําเลยให้สัมภาษณ์ในรายการตีสิบ สถานีโทรทัศน์ช่อง 3  ทํานองว่าโจทก์ไม่มีความรับผิดชอบ และโจทก์ยังให้คํามั่นสัญญากับจําเลยว่าให้อดทนเพราะว่าเป็นแม่ของลูก การแต่งงานไม่ใช่เรื่องสําคัญ การอยู่ด้วยกันสําคัญกว่า โดยช่วงที่ ด.ช.ฑีฆายุ เกิดก็ไม่ได้แจ้งชื่อบิดาในใบแจ้งเกิด ซึ่งล้วนเป็นความเท็จทั้งสิ้น

ในวันที่ 12 ก.ค.54 เวลา 09.00 น. ฟิล์ม-รัฐภูมิ ขึ้นศาลอีกครั้งเพื่อรับฟังคำสั่งศาลจะประทับรับฟ้องหรือไม่

ถ้าศาลรับฟ้อง นั่นเท่ากับว่า "ความจริง" จะได้คลี่คลาย เพราะมีกระบวนการสืบพยานการต่อสู้ของทั้ง 2 ฝ่าย กระทั่งศาลพิพากษาใคร "ผิด" และ "ถูก"

นั่นหมายความว่า
"ความจริง" ที่ทุกคนรอคอยจะได้รับการเปิดเผยเสียที

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Gallery ที่เกี่ยวข้อง

Comments