รองอธิบดีอัยการโพสต์อำนาจสอบสวนสิ้นสุดลงทันทีเมื่อพนักงานสอบสวนส่งสำนวนให้พนักงานอัยการ…!
อาจจะเป็นความสอดคล้องกับหลายๆ คดี เช่น คดี “แตงโม นิดา” ซึ่งตอนนี้อยู่ในชั้นอัยการแล้ว
อ่านต่อ:อัยการนนท์เรียก 2 ทีมแพทย์ผ่าชันสูตรร่าง “แตงโม” เข้าพบ คาดซักถาม
ล่าสุด “โกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง” รองอธิบดีอัยการคดีศาลแขวง โพสต์เทคนิกทางกฎหมายว่าด้วย อำนาจการสอบสวนสิ้นสุด เมื่อพนักงานสอบสวนส่งสำนวนให้พนักงานอัยการ
ท่านโพสต์ว่า
เมื่อพนักงานสอบสวนส่งสำนวนไปยังพนักงานอัยการแล้ว ต่อมาพนักงานสอบสวนเห็นว่ามีพยานหลักฐาน บางอย่างหรือพยานบางคนที่เป็นประโยชน์ต่อคดีจึงออกหมายเรียกพยานมาสอบสวนเพิ่มอีก แต่พยานไม่ไปพบ พนักงานสอบสวนตามหมายเรียก พนักงานสอบสวนจึงดำเนินคดีกับพยานนั้นฐานขัดหมายเรียกพยานถูกฟ้องเป็น คดีอาญา ศาลฎีกาวินิจฉัย ว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาได้บัญญัตแบ่งแยกบทบาทอำนาจหน้าที่ของ พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการและศาลไว้ชัดเจนแล้วว่าขั้นตอนใดอยู่ในอำนาจหน้าที่รับ ผิด ชอบของหน่วยงาน ใดซึ่งหน่วยงานอื่นจะก้าวล่วงเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยมิได้
ในการสอบสวนคดีอาญานั้นเมื่อพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบการสอบสวนคดีนั้นเห็นว่าการสอบสวนเสร็จแล้ว ก็จะมีความเห็นในคดีตามประเภทของคดีดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 140 และส่งสำนวนไปยังพนักงานอัยการ…นับแต่บัดนั้นอำนาจสอบสวนสิ้นสุดลงทันที พนักงานสอบสวนจะเข้าไปดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวกับการสอบสวนคดีนั้น โดยที่พนักงานอัยการมิได้มีคำสั่งใดมิได้ มิฉะนั้นจะเกิด ความสับสนเสียหายต่อคดีขึ้น โดยพนักงานอัยการซึ่งเป็นผู้มีอำนาจ หน้าที่ในขณะมิได้รู้เห็นด้วย
ดังนั้นเมื่อพนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนให้พนักงานอัยการแล้วหากมีความประสงค์จะยื่นเอกสารหรือคำร้องใด ควรต้องยื่นต่อพนักงานอัยการเพื่อพิจารณาตาม กฏหมาย และระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาฯ เพื่อสั่งการให้พนักงานสอบสวนดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดต่อไป